บทที่5 พรหมลิขิต

1965 คำ
บริเวณดังกล่าวเงียบสงบลงพร้อมกับผู้คนแตกเป็นสองทาง การ์ดทุกคนเคลื่อนย้ายโต๊ะอย่างคล่องแคล่วจนเหลือแค่เราสองคนที่อยู่จุดกึ่งกลาง "ไมยราพไม่เคยกลัวตายครับพี่ชาย" มันกล่าวด้วยน้ำเสียงท้าทายพร้อมกับสีหน้ายียวนกวนบาทา กูแสยะยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ตั้งแต่เดินเข้ามากูก็ได้สำรวจคนของมันทุกตัวแต่มีมันนี่แหละที่โดดเด่นที่สุด ไม่ใช่เรื่องหน้าตาแต่ร่างกายของมันกำยำจนกูอยากดึงมันมาเข้าแก๊ง แต่ติดตรงที่ว่ามันน่าจะสนิทกับไอ้พิพักตร์ "เหรอ? " กูเลียริมฝีปากจนเปียกชุ่มก่อนจะถ่มน้ำลายลงพื้น ใครลองดีกับกู...ไม่ตายก็พิการ "ไมยราพขอต้อนรับครับ" หมับ! กูรับหมัดของมันอย่างรวดเร็วก่อนจะหัวเราะชอบใจและสมเพชในเวลาเดียวกัน อุตส่าห์ตั้งความหวังกับมันไว้เยอะ สุดท้ายก็เบาราวกับขนนกปลิวว่อนกลางอากาศ ตั้งแต่กูอายุสิบปีหรือตั้งแต่วันที่กูรู้ว่ามีน้องสาวแสนน่ารัก กูเริ่มต้องเรียนศิลปะป้องกันตัวตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะมวยไทย เทควันโด หรือยูโด กูเรียนเพื่อปกป้องน้องสาวคนนี้ไม่ให้ใครมารังแกเด็ดขาด "อย่าสะกิดสิน้องชาย...แบบนี้ไม่ไหว" กูส่ายหน้าก่อนจะบิดแขนมันไขว้หลังทันที เสียงโอดครางของความเจ็บปวดดังลั่นจากปากของมัน กูแสยะยิ้มด้วยความพอใจในผลงานก่อนจะถีบแผ่นหลังหนาจนมันล้มลง "แม่ง! " เสียงสบถไม่สบอารมณ์ดังขึ้นก่อนที่มันจะลุกจากพื้น "เล่นแรงนี่หว่า! ชักรำคาญแล้วสิ! " สะบัดเสื้อผ้าที่คลุกฝุ่นอย่างหัวเสีย "ได้แค่นี้เหรอ? " กูยักคิ้วก่อกวนก่อนจะหลบหมัดทั้งสองที่ประเคนเข้ามาไม่ยั้ง กูเรียนการต่อสู้มาสิบสองปีแค่มันขยับร่างกายกูก็รู้แล้วว่ามันจะเล่นยังไง กระจอกก็คือกระจอก! ผั๊วะ! กูเบี่ยงตัวหลบก่อนจะสวนหมัดหนักๆ กระแทกกลางใบหน้าอย่างจังจนเลือดกระเซ็นเปรอะแขนเสื้อ ร่างหนาล้มลงอีกครั้งเกือบหมดสภาพ กูเดินไปคร่อมร่างมันช้าๆ พร้อมกับส่งสายตาดูถูกเต็มเปี่ยม "ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ดีครับ" กูยิ้มเยาะเบาๆ ก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเดินข้ามตัวมันออกไป กูบอกแล้วไง...วันนี้แค่มาเยือนเท่านั้น รักนารา พาร์ท "มาช้า! " ฉันกระทืบเท้าอย่างขัดใจหน้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อรถหรูจอดสนิท ฉันกระชากประตูรถด้วยอารมณ์โกรธเคือง โทร.หาเมื่อสองชั่วโมงก่อนกว่าจะเสด็จมาได้ ยุงหอบเลือดออกจากร่างเป็นลิตรๆ "กรี๊ดดด! พี่ไมย์! พี่ไปกวนตีนใครมา! " ฉันกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเขาเอาทิชชูยัดจมูกและมีเลือดซึมออกมา "เพราะมึง! โทร.หากูอยู่นั่นแหละสมาธิกูกระเจิงเพราะมึงเลย! " กำปั้นใหญ่ๆ กระแทกกลางศีรษะด้วยความมันเขี้ยว "แล้วมึงเป็นอะไรวะ" "ถูกผู้ชายทิ้ง! " หมายถึงทิ้งลงพื้นอะ! เอวเคล็ดกระดูกเดี้ยงช้ำในตับแตกตายแล้วมั้ง! "กูจะบอกไอ้พักตร์" "บอกไปเลยรักไม่กลัวหรอก! ถูกผู้ชายทิ้งลงพื้นจริงๆ นี่ๆๆ เห็นไหม" ฉันยื่นแขนทั้งสองข้างให้ดูลอยถลอกเป็นจ้ำๆ รวมถึงเรียวขาให้ดูเป็นตัวอย่าง นี่ยังไม่รวมแผ่นหลังและสีข้างนะที่กระแทกกับพื้นอะ พรุ่งนี้คงจะเขียวและม่วงน่าเกลียดแน่ๆ กรี๊ดดด! ฉันจะไปอ่อยผู้ชายในสภาพอย่างนี้ได้อย่างไร! สภาพเหมือนถูกรถชนและลากกับพื้นถนนแบบนี้ "มึงไปทำอะไร" "รักทำผิดกฎบ้าบอคอแตกในเซกิคลับอะ" โกหกออกไป เพราะยังไงไมยราพต้องเอาไปรายงานให้เฮียพักตร์ฟังแน่นอน ถ้าเกิดว่าบอกไปว่าถูกผู้ชายที่ฉันกำลังตามจีบโยนลงพื้น เฮียพักตร์ต้องตามล่าหลิวซุ้ย เอ๊ย! หลิวซุ่ย เพื่อกระทืบแน่ ฉันไม่ยอมให้สามีเจ็บตัวหรอกนะ! "ฮ่าๆ สมน้ำหน้า! " หัวเราะเยาะเย้ย คฤหาสน์ "เฮียยยย" ฉันลากเสียงยาวพร้อมกับวิ่งขาเดี้ยงไปหาพี่ชายสุดที่รักด้วยน้ำตาคลอเบ้า แสดงกลบเกลื่อนเดี๋ยวเฮียพักตร์จับได้ว่าฉันโกหก "ไปโดนอะไรมาวะ! " เฮียพักตร์ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "นางสาวรักนารา เดชะกรณ์ลปักษ์ เกือบเป็นปุ๋ยหมักแล้วจ้ะพี่จ๋า แง้ๆ " ฉันคร่ำครวญเหมือนคนกำลังใกล้ตายให้ทุกคนได้ยิน "ทำใครมึง! " "ก็มันดันทำผิดกฎในเซกิคลับดิ เลยโดนโยนออกมาเหมือนหมาไง" ไมยราพเอ่ยสมทบ "ทำร้ายจิตใจ! " แกล้งบีบน้ำตา "รักแค่ป้องกันตัวอะ! มีผู้ชายสะเหล่อมาจีบ รักไม่ชอบรักเลยถีบมันดั้งหัก" "เบาๆ บ้างก็ได้เรื่องตบตี" เฮียพักตร์โยกหัวเหมือนฉันเป็นตุ๊กตา "รักโตแล้วนะ" "โตแล้วมีแฟนได้แล้วใช่ปะ" "ลองดู...เดี๋ยวรู้" "ชิ! " หลายวันผ่านไป ประเทศจีน ฉันนั่งซึมเป็นส้วมมาหลายวันเพราะตั้งแต่กลับจากไทยก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย ไม่มีอะไรเป็นจุดสนใจกระตุ้นให้ออกไปไหนทั้งนั้น ตอนนี้ในสมองมีแต่หลิวซุ่ยวนเวียนเป็นว่าเล่น อยากได้! จะกลับไทยก็กลัวเฮียพักตร์จะจับผิดจนไม่มีแฟน "ฮือออ หลิวซุ่ยกลับมาหารักเถอะ" นั่งงอแงเหมือนเด็กน้อยสุดแสนผิดหวังในชีวิต "ลูกสาวของป๊าเป็นอะไรไปคะ? " ป๊าเปิดประตูเข้ามาถามพร้อมกับลูบเส้นผมเบาๆ ด้วยความเอ็นดู "ป๊าคะ! รักขอไปอยู่คอนโดฯ ได้ไหม" ฉันกอดแขนป๊าพร้อมกับใช้ท่าทางออดอ้อนบวกกับแววตาใสซื่อ "ป๊าว่า…" "นะคะ" ตีหน้าใสซื่อ "แต่…" "ป๊าอย่าลืมนะคะว่าป๊าเคยทำอะไรไว้! ถ้าไม่ได้รัก.." "ครับๆ ป๊าอนุญาต" "เย้! ป๊าน่ารักที่สุดเลยค่ะ" ฉันกระโดดหอมแก้มป๊าด้วยความดีใจ ฉันบอกแล้วไงว่าป๊าโอ๋ฉันทุกอย่าง ถือหาง ตามใจที่หนึ่ง เพราะอะไรรู้ไหม ฉันจะบอกชื่อจริงรวมทั้งนามสกุลให้ฟัง... นางสาวรักนารา เดชะกรณ์ปักษ์ ทำไมฉันเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ใช้นามสกุลเหมราชเหมือนพี่ชายทั้งสอง เหตุเกิดเพราะว่าเมื่อฉันยังเด็กแต่จำความได้ ตอนนั้นฉันยังใช้นามสกุลเหมราชเหมือนทุกคนนั่นแหละ แต่มีอยู่วันหนึ่งม๊าจับได้ว่าป๊ามีบ้านเล็กบ้านน้อย ม๊าไม่พูดอะไร ไม่โวยวาย แต่หอบผ้าหนีบฉันหนีป๊ามาตั้งหลักที่ประเทศจีนพร้อมกับเปลี่ยนนามสกุลมาใช้ของม๊าแทน เมื่อป๊ารู้เรื่องราวทั้งหมด ป๊ารีบมาขอคืนดีกับม๊าถึงประเทศจีนแต่ม๊าสวยค่ะ ม๊าสะบัดผมเชิดใส่รัวๆ ต่อให้ป๊าทำดีกับม๊ายังไง ม๊าก็ไม่สนใจ ป๊าถึงกับวิ่งฝ่าถนนให้รถชนบาดเจ็บสาหัสจนเข้าโรงพยาบาลเพื่อให้ม๊าเห็นใจ แต่เปล่าเลยม๊าหัวเราะน้ำตาร่วงพร้อมกับสมน้ำหน้ากับความโง่ที่กระทำลงไป แต่ฉันนี่สิเห็นป๊าเจ็บหนักไม่ได้เลย ร้องไห้แทบขาดใจตาย ม๊าที่เห็นฉันร้องไห้ก็เกิดใจอ่อนขึ้นมาเล็กน้อย ต้องเป็นฉันกลายเป็นฝ่ายอ้อนวอนให้ม๊ารีบคืนดีกับป๊า จนทั้งสองกลับมาครองรักกันอีกครั้ง ปัจจุบันฉันยังใช้นามสกุลเดชะกรณ์ลปักษ์เพื่อให้ป๊าได้สำนึกถึงการกระทำของตัวเองตลอดเวลา ถ้าทำอีกครั้งป๊าจะไม่ได้เจอม๊าและลูกสาวคนนี้อีกเลย "รักย้ายพรุ่งนี้เลยนะคะ" "ครับๆ คุณลูก" เช้าวันต่อมา ฉันยืนยิ้มหน้าคอนโดฯ หรูใจกลางเมืองหลวงด้วยความตื่นเต้นก่อนจะน้อมรับคีย์การ์ดจากมือป๊าและโบกมือลาทันที รองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นเป็นจังหวะช้าๆ ฉันกรีดตามองหมายเลขห้องตรงหน้าเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะแตะคีย์การ์ดเบาๆ ติ๊ดๆ! เสียงแจ้งเตือนการเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกันถึงสองเสียง ฉันค่อยๆ ชำเลืองมองทางด้านขวามือเพื่อดูลักษณะเพื่อนบ้าน ถ้าไม่หล่อหรือเป็นผู้หญิงฉันจะย้ายออกทันที เสี้ยววินาทีที่ฉันเห็นเขาร่างกายกลับถูกแช่แข็งจนไม่สามารถขยับได้ เหมือนว่าเขาจะไม่สังเกตว่าฉันกำลังมองอยู่ ร่างสูงหายเข้าไปในห้องปล่อยให้ฉันยืนเขินเหมือนคนบ้า หลิวซุ่ย!!! กรี๊ดดดด! พรหมลิขิต! ฝ่ามือเล็กๆ จับขอบประตูเพื่อประคองร่างกายตัวเองให้ทรงตัว หัวใจดวงน้อยเต้นแรงยิ่งกว่าอยู่ในคอนเสิร์ตที่เปิดเพลงกระหึ่ม ที่รักขา..กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกเมียสักคำ ปล่อยให้นั่งหง่อยอยู่ได้ตั้งนาน รู้ไหมว่าคิดถึงที่สุดเลย หึๆ อยู่ใกล้กันแค่นี้โดนรักนาราอ่อยเช้าเย็นแน่ เตรียมตัวเป็นของฉันเถอะหลิวซุ่ย เพราะฉันจะไม่มีวันปล่อยคุณไปหรอก ฉันเดินเข้าห้องดวงหัวใจพองฟูก่อนจะแนบหูกับผนังห้องทางขวามือแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อห้องมันกันเสียงรบกวน คิดว่าคนอย่างรักนาราจะยอมแพ้เหรอ ไม่มีทาง! คอนโดฯ มันมีระเบียงเว้ย! ฉันตรงดิ่งไปยังระเบียงห้องทันทีก่อนจะเลื่อนเปิดประตูตีเนียนไปสูดอากาศแต่สายตาชำเลืองมองทางขวามือตลอดเวลา งุ้ย! เปิดระเบียงรับลมซะด้วย "***!!!。 " ฉันป้องปากตะโกนเสียงดัง แต่ไร้วี่แววการตอบกลับมา "***!!! 。" เสียงดังกว่าเดิม (ฉันรักนาย) กรี๊ดดดด! หลิวซุ่ยเดินหน้านิ่งมาทางระเบียงฉันใช้จังหวะนี้รีบสางผมตัวเองก่อนจะจัดท่าทางให้ยั่วยวนที่สุด ฝ่ามือหนาจับลูกบิดประตูแน่นพร้อมกับสายตาคมกริบจ้องมองแทบกระชากร่างออกเป็นชิ้น "**!!" (หุบปาก!!) ตึง! ประตูบานเลื่อนถูกปิดอย่างแรงด้วยฝีมือของเขา ฉันยิ้มอย่างชอบใจที่ทำให้ผู้ชายเขินได้ ดูสิแค่บอกรักก็เขินใหญ่เลย ฮ่าๆ ริมฝีปากอมชมพูหัวเราะชอบใจก่อนจะะร้องเพลงเสียงดังเพื่อให้อีกฝ่ายได้ยิน "*****~、*****~。“ (อาจเป็นเพราะพรหมลิขิต หรือชะตากำหนด) 22.00 นาที ฉันส่องตาแมวดูด้านนอกหวังว่าหลิวซุ่ยจะออกไปฉันจะได้สะกดรอยตาม ตอนนี้เสื้อผ้าหน้าผมพร้อมทุกอย่างเหลืออย่างเดียวคือขอให้เขาออกมาก็พอ ไม่อย่างนั้นฉันต้องรอเก้อแน่นอน สาธุๆ ขอให้เขาออกไปดื่มด้วยเถอะ! "หลิวซุ่ย! " ฉันเรียกชื่อเขาเต็มปากเมื่อร่างสูงเดินผ่านประตูห้องไป ฉันรีบเปิดประตูเพื่อเดินตามเขาอย่างเงียบๆ ก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินเมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิดต่อหน้าต่อตา ไม่จริง! ฉันกระทืบเท้าอย่างขัดใจเมื่อประตูลิฟต์ปิดลงต่อหน้า ก่อนจะกรีดร้องแทบสลบเมื่ออยู่ๆ ประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าเรียบนิ่งบึ้งตึง "ไปด้วยกันไหมครับ" น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นราวกับกระซิบจนฉันที่ยืนม้วนบิดด้วยความเขินต้องสะดุ้ง "ค่ะ" ฉันเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับประตูปิดลงอีกครั้ง ร่างสูงยืนนิ่งไม่สนใจสิ่งรอบข้างหรือว่าฉันเลย มีเพียงแค่ตัวฉันเองนี่แหละแอบมองอยู่ห่างๆ พอสังเกตใกล้ๆ เขาหล่อราวกับเทพบุตรจริงๆ แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาฉันก็คือดวงตาของเขาบวมช้ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา เป็นอะไรหรือเปล่า แต่ก็ช่างมันเถอะ! ฉันไม่สนหรอกว่าเขาจะร้องไห้เพราะอะไรมา คืนนี้ฉันต้องเข้าห้องเขาให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม! รักจะเอา! ก็ต้องเอาให้ได้! ถึงเอวจะเคล็ดอยู่ก็ตามกัดฟันทนรอรับแรงกระแทก งื้ออออ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม