แพทองธาร
ฉันเดินขึ้นห้องตัวเองมาก่อนจะนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้ความคิด เพราะในหัวของฉันตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมด ฉันไม่รู้ว่าฉันต้องคิดอะไร ต้องทำอะไรกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ที่สามีของฉันมีผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาอีกคน
ถึงแม้ที่ผ่านมาฉันรู้มาตลอดว่าคุณจิณณวัตรทำทุกอย่างเพราะคำว่าหน้าที่ เขาไม่ได้รักฉันอย่างที่สามีควรรักภรรยา แต่ฉันก็ดีใจที่ได้เป็นภรรยาของเขา ได้อยู่ใกล้ๆเขา อีกอย่างเขาก็ถือว่าทำหน้าที่สามีได้ไม่ขาดตกบกพร่องสักอย่าง ถึงจะไม่ได้โรแมนติกอะไรก็ตาม แต่ฉันก็ได้แค่ขอให้มีเขาอยู่ข้างๆแบบนี้ตลอดไป
เพียงแต่สุดท้ายฉันกลับต้องมาเห็นเขามีเมียอีกคนโดยที่เมียแต่งที่มีทั้งงานแต่ง และทะเบียนสมรสอย่างฉันทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากทำใจยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
.
.
และคืนนี้ก็เป็นคืนแรกที่ฉันต้องนอนอยู่ในห้องคนเดียว เพราะผู้เป็นสามีฉันตอนนี้เขาได้พาตัวเองไปนอนห้องที่อยู่ถัดจากห้องฉัน และห้องนั้นก็คือ ห้องของเข็มอักษร เมียอีกคนของเขา
แมะ น้ำตาที่ร่วงลงมาที่แขนของฉัน เหมือนกำลังเรียกสติของฉันให้หลุดออกจากโลกของภวังค์ และบอกฉันว่าสิ่งที่ฉันเจออยู่ตอนนี้ก็คือเรื่องจริงนั่นเอง ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออกจากใบหน้า แต่ปาดไปเท่าไหร่มันกลับไม่หมดออกจากหน้าของฉันเลยสักนิด
“ในเมื่อเธอท้องไม่ได้ เธอก็ต้องรับชะตากรรมแบบนี้แหละแพ” ฉันพูดขึ้นกับตัวเอง ที่ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนเป็นแค่สินค้า เป็นแค่แม่พันธุ์เท่านั้น เพราะการแต่งงานที่ไม่เคยถามความรู้สึกของใคร มันเกิดขึ้นก็เพื่อให้ฉันท้อง เกิดขึ้นเพราะความต้องการของพ่อฉัน แต่ฉันไม่ท้องสักทีพวกท่านกลับทำในสิ่งที่ฉันไม่อยากเชื่อ นั่นคือการหาเมียอีกคนให้สามีฉันแบบนี้
ตอนแรกฉันเคยคิดว่าฉันโชคดีที่ฉันแต่งงานกับผู้ชายที่เพียบพร้อม ได้แต่งงานกับผู้ชายที่ฉันคอยแอบมองเขามาตั้งแต่เริ่มโต ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะยังรู้สึกโชคดีที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของคุณจิณอยู่ แต่มันกับไม่สามารถลบล้างความโชคร้ายที่ฉันเจอตอนนี้ได้เลย
แต่ในเมื่อเรื่องมันเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว สิ่งที่ฉันควรทำก็คือทำใจ และยอมรับมันให้ได้ไม่ใช่หรอ เพราะสุดท้ายแล้วฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว
.
วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาเช้ากว่าปกติ เพราะเมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้เท่าไหร่ เพราะฉันต้องทำร่างกายฉันให้ดีเพื่อจะได้มีลูกสักที แต่ถ้าใครมาเจอเรื่องอย่างฉันก็คงนอนไม่หลับ หรือหลับก็หลับๆตื่นๆอยู่แบบนี้ทั้งคืน
“เห้อ” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยที่ใจ ก่อนจะลุกเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ
และพอออกจากห้องน้ำมาก็เจอเข้ากับคุณจิณที่กำลังเปลี่ยนชุดนอนเพื่อจะไปอาบน้ำ ฉันไม่ได้พูดหรือทักทายอะไรออกไป ก่อนจะเลี่ยงมาแต่งตัว ส่วนเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน พอแต่งตัวเสร็จ ฉันก็เตรียมชุดทำงานไว้ให้เขาเหมือนทุกวัน ก่อนจะออกมานั่งรอเขาที่ห้องนอน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงประตูที่ถูกเคาะในเวลาเช้าทั้งที่ปกติไม่ค่อยมีใครมาเคาะในเวลาแบบนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือจำเป็นอะไร ฉันเดินไปเปิดประตูออก ถึงได้เห็นว่าคนที่มาคือใคร
“มีอะไร” ฉันถามคนตรงหน้าออกไปด้วยสีหน้าและน้ำเสียงราบเรียบ
“พอดี เข็มมารอลงไปทานข้าวพร้อมพี่จิณแล้วก็พี่แพค่ะ” เข็มอักษรพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มใสซื่อ แต่มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีกับเธอขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
จึก แต่แล้วคำพูดของเธอมันกลับเหมือนกับหอกแหลมพุ่งเข้ามาแทงกลางหน้าอกของฉันอย่างจัง ฉันรู้จักคุณจิณมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันแต่งงานกับเขามาเป็นปี แต่ฉันก็ยังเรียกเขาว่าคุณ เพียงเพราะมันเป็นคำเรียกติดปากที่ฉันเรียกเขาแบบนี้มาตลอด
แล้วผู้หญิงคนนี้ล่ะ เมื่อวานเธอยังเรียกคุณจิณอยู่เลย แต่เวลาแค่คืนเดียว สรรพนามที่เธอเรียกออกมา มันกลับสนิทสนมกัน จนเมียแต่งอย่างฉันรู้สึกห่างเหินไปทันที
“เธอลงไปก่อนเถอะ” ฉันปรับอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติก่อนจะพูดขึ้นแล้วดันประตูเพื่อปิด เพียงแต่
พรึ่บ! เข็มอักษรยกมือขึ้นมาดันประตูห้องฉันไว้ก่อนแล้วฉีกยิ้มให้ฉันอีกครั้ง
“เข็มขอเข้าไปนั่งรอข้างในดีกว่าค่ะ” เธอพูดขึ้นพร้อมกับก้าวขาเพื่อจะเข้าห้องของฉัน แต่ฉันก็ก้าวไปดักหน้าเธอไว้ได้ก่อน
“นี่ห้องส่วนตัวของฉันกับคุณจิณ” ฉันพูดจบก็รีบปิดประตูในตอนที่เธอไม่ได้ตั้งตัวก่อนจะล็อกมันไว้
ฉันพาตัวเองเดินกลับมานั่งอยู่ที่ขอบเตียงอย่างทำอะไรไม่ถูก หัวของฉันมันคิดอะไรต่ออะไรวนไปวนมาไม่รู้จบ แต่ฉันไม่สามารถจับใจความในสิ่งที่ฉันคิดได้สักเรื่อง มันเป็นความรู้สึกที่ตีปนเปไปหมด ฉันไม่รู้ว่าฉันต้องรู้สึกยังไงที่ตัวเองเป็นเมียแต่ง ที่ตัวเองได้ชื่อว่าเมียหลวง แต่กลับเหมือนกับคนอื่นไปทันทีที่มีผู้หญิงอีกคนเข้ามา
ทำไมนะ ทำไมชีวิตครอบครัวของฉันต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย ทำไมฉันถึงไม่เป็นเพียงเมียคนเดียวของสามีที่ฉันรัก ทำไมฉันต้องมาแบ่งสามีของตัวเองให้ผู้หญิงคนอื่นใช้ร่วมแบบนี้ ฉันไม่เข้าใจ
“แพ แพ!” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งหลุดจากภวังค์ก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกถึงได้เห็นว่าคุณจิณแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“เสร็จแล้วหรอคะ ลงไปทานข้าวเถอะค่ะ” ฉันปรับหน้าให้เป็นปกติก่อนจะพูดขึ้นแล้วลุกเดินไปหยุดตรงหน้าเขา
“เป็นอะไร ดูเหม่อๆนะ” คุณจิณถามขึ้นพร้อมกับจ้องมองฉันอย่างหาคำตอบ แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฉันรักเขามากขึ้นได้ยังไง ถึงเขาจะยังไม่ได้มีความรักให้ฉัน แต่การดูแลเอาใจใส่ในฐานะสามี เขาทำได้อย่างดีไม่เคยเปลี่ยน
“เปล่าค่ะ” ฉันตอบพร้อมยิ้มให้เขาบางๆ
“อืม งั้นไปกินข้าวเถอะ” ว่าแล้วเขาก็เดินนำฉันออกจากห้องลงไปด้านล่างและนั่งที่โต๊ะประจำที่ตัวเองโดยที่ตอนนี้มีเข็มอักษรรออยู่ที่ข้างๆฉัน ก่อนคนอื่นๆจะตามมา
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดำเนินไปด้วยความราบรื่น เพราะเวลาอาหารถ้าไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไรทุกคนมักไม่ค่อยคุยกันระหว่างกินเท่าไหร่
“ขอโทษนะคะพี่แพ” แล้วอยู่ๆเข็มอักษรก็พูดขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ แต่สักพักก็ทำให้ฉันรู้สึกขัดใจกับสิ่งที่เธอทำ
เธอขยับตัวข้ามหน้าฉันเพื่อไปตอกไข่ลวกใส่ถ้วยโจ๊กของคุณจิณทั้งที่ถ้วยเขาก็มีไข่ลวกอยู่หนึ่งฟองแล้ว ก่อนจะกลับไปนั่งที่ตัวเองแล้วพูดออกมาด้วยท่าทีเอียงอาย
“ทานเยอะๆนะคะ จะได้ไม่เพลียระหว่างวัน” คำพูดแบบนี้พร้อมกับไข่ลวกสองฟองแบบนี้ สำหรับคนที่ผ่านอะไรมาก่อนก็เข้าใจในความหมายได้ไม่ยาก
“ขอบใจ” คุณจิณไม่ได้ดุหรือต่อว่าอะไรเธอ ก่อนจะพูดขึ้นแค่นั้นแล้วลงมือกินโจ๊กต่อโดยไม่ลืมกินไข่ลวกที่เข็มอักษรพึ่งตอกใส่ไปในถ้วยเมื่อกี้ทั้งที่ฟองแรกยังไม่หมดด้วยซ้ำ
“แบบนี้ฉันคงได้เหลนเร็วๆนี้สินะ” แล้วคุณย่าที่นั่งอยู่หัวโต๊ะก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มพอใจ
ส่วนเข็มอักษรก็ยิ่งมีท่าทีเอียงอายมากกว่าเดิม พร้อมใบหน้าที่แดงก่ำอย่างไร้เดียงสา ต่างจากฉันที่ได้แต่นั่งเงียบโดยไม่รู้จะพูดอะไรออกไป เพราะเวลานี้คงไม่มีบทบาทสำหรับฉัน