หลายวันต่อมา...
ฉันเดินเข้าบ้านหลังใหญ่มาหลังจากออกไปทำธุระข้างนอกมา ก่อนจะได้ยินเสียงพูดคุยกันอย่างสนิทสนมดังขึ้นมาจากห้องนั่งเล่น ฉันไม่อยากเดินไปดู แต่จะให้ฉันขึ้นไปข้างบนเลยก็ดูไม่ดีอีก เพราะมันจะกลายเป็นการเก็บตัวไม่เข้ากับคนอื่นๆ ฉันจำต้องก้าวไปยังห้องนั่งเล่น ถึงได้เห็นคุณย่า คุณแม่ แล้วก็เข็มอักษรที่นั่งอยู่ในห้องด้วยเสียงหัวเราะกัน
“กลับมาแล้วหรอ” คุณแม่ที่หันมาเห็นฉันก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาตัวว่าง
“พี่แพลองชิมขนมที่เข็มทำดูสิคะ” แล้วเข็มอักษรที่นั่งอยู่ที่พื้นก็พูดขึ้นพร้อมกับตักขนมชิ้นใหม่ใส่จานใบเล็กยื่นมาให้ฉัน
“ขอบใจ” ฉันพูดขึ้นตามมารยาทและรับมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ก่อนตัดมันเข้าปากอย่างไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่
“เป็นยังไงบ้างคะ ขนมนี่เข็มพึ่งได้ทำให้คนอื่นทานเป็นครั้งแรกเลย” แล้วเข็มอักษรก็ถามฉันขึ้นอย่างรอคำตอบ
“รสชาติดีนะ” ฉันตอบกลับ ถึงแม้ว่าฉันไม่ได้อยากกิน แต่ก็ยอมรับว่ารสชาติไม่ได้แย่อะไร
“ว่างๆเราก็มาเรียนทำขนมกับเข็มสิแม่แพ เข็มทำขนมเป็นหลายอย่างเลยนะ” แล้วคุณย่าก็พูดบอกฉันขึ้น ฉันได้แต่ส่งยิ้มไปให้คุณย่าอย่างไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ
จริงๆฉันก็พอทำงานบ้านงานเรือนได้ ทำเกือบทุกอย่างทั่วๆไปนั่นแหละ อาหารการกินก็ทำให้คนอื่นกินได้ไม่อายใคร เพียงแต่พวกขนมหวาน ขนมไทยฉันไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ เพราะจริงๆฉันเป็นคนชอบทำงานนอกบ้านมากกว่า ฉันอยากออกไปทำงานข้างนอก และฝันว่าอยากทำมานานแล้ว เพียงแต่ชีวิตคนเราเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่แล้ว
หลังแต่งงานไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยขอคุณจิณกับคุณย่าออกไปทำงานนะ แต่คุณย่าไม่เห็นด้วย ท่านบอกว่าเป็นผู้หญิงอยู่ทำงานในบ้านก็พอ ไม่จำเป็นต้องออกไปทำข้างนอกเพราะนั่นหน้าที่ผู้ชาย ซึ่งฉันก็เถียงท่านไม่ได้หรอก ท่านเป็นคนหัวโบราณมาก เป็นผู้ดีเก่าแก่ที่ถูกปลูกฝังมาแบบนี้ เลยทำได้แค่นั่งๆนอนๆ เรียนงานบ้านงานเรียนบ้างไปวันๆก็เท่านั้น
“พี่แพทำขนมไม่เป็นหรอคะ” แล้วเข็มอักษรก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่ฉันไม่แน่ใจน่ะสิ ว่าแปลกใจหรือรู้สึกอย่างอื่นมากกว่า
“เรื่องเป็นน่ะเป็น แต่ไม่ถนัดเท่าเรา” แล้วคุณย่าก็เป็นคนตอบแทนฉันออกไป
“ถ้าพี่แพไม่รังเกียจมาทำกับเข็มได้นะคะ เราจะได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน” แล้วเข็มอักษรก็พูดขึ้นอย่างใจกว้าง
“จ้ะ...” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“แพขอตัวไปอ่านหนังสือนะคะ” แล้วฉันก็หันไปพูดกับคุณย่าและคุณแม่ก่อนจะลุกออกจากห้องนั่งเล่น แล้วไปอ่านหนังสือในสวนที่ฉันชอบไปนั่งเล่นบ่อยๆเวลาเบื่อๆ
แต่คิดหรอว่าสถานการณ์แบบนี้ฉันจะอ่านอะไรรู้เรื่อง มันก็เป็นแค่ข้ออ้างที่ฉันจะพาตัวเองออกห่างจากผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น จะบอกว่าฉันอัคติเพราะเธอเป็นเมียอีกคนของสามีฉันก็ได้ แต่ฉันบอกตรงๆ ว่าฉันทำใจให้ดีกับเธอไม่ได้จริงๆ เพียงแต่ฉันก็ไม่ได้ร้ายขนาดที่จะไปหาเรื่องเธอหรอกนะ ถ้าเธอไม่ล้ำเส้นฉันก่อน เพียงแต่ฉันขออยู่ห่างๆทุกครั้งที่เลี่ยงได้จะดีกว่า
“ชีวิตคนเราก็แบบนี้แหละ” แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นก่อนท่านจะนั่งลงข้างๆฉัน
“คุณแม่” ฉันเรียกท่านออกไปด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าท่านจะตามฉันออกมา
“แม่เข้าใจความรู้สึกเรานะ เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนรู้สึกดีกับการให้สามีมีผู้หญิงอื่นนอกจากเราได้...”
“แต่ก็อย่างที่แพรู้ ว่าคุณย่าท่านเป็นคนโบราณ ท่านโตมาเห็นเหตุการณ์แบบนี้เมื่อสมัยก่อนทั้งในครอบครัวท่านเอง ทั้งในครอบครัวอื่นๆที่รู้จัก เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติของคนชั้นกลางและสูงในสมัยนั้นที่จะมีหลายเมีย และลูกหลายคน นั่นก็เลยทำให้ท่านไม่คำนึงว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว” แล้วคุณแม่ก็พูดขึ้น
และฉันก็เข้าใจและโกรธคุณย่าไม่ลง เพราะสมัยก่อนผู้ชายที่มีฐานะ มียศฐาบรรดาศักดิ์ต่างก็มีภรรยากันมากกว่าหนึ่งเป็นเรื่องปกติทั้งนั้น ยิ่งถ้าภรรยาหลวงให้กำเนิดบุตรหรือบุตรชายไม่ได้นั่นยิ่งถือว่าปกติกับการมีภรรยาเพิ่ม มันเห็นได้ง่ายๆจากละครพีเรียด แล้วไหนจะคนเก่าแก่เล่าๆต่อกันมาให้ฟังอีก มันก็ไม่แปลกที่คุณย่าจะทำแบบนี้
“แต่แพอย่าโกรธคุณย่าเลยนะ ที่ท่านทำอะไรแบบนี้ไม่ใช่ว่าท่านไม่เอ็นดูเรา ไม่ใช่ว่าท่านแค่หวังลูกจากเราอย่างเดียว แต่คุณย่าท่านอายุมากแล้ว ท่านฝากความหวังไว้กับตาจิณมาก ท่านกลัวไม่มีใครสืบสกุลและก็อยากอุ้มเหลนสักครั้งในชีวิต” แล้วคุณแม่ก็พูดต่อ
“แพไม่ได้โกรธคุณย่าหรอกค่ะ แต่แพโกรธตัวเองต่างหาก ที่ไม่สามารถมีเหลนให้คุณย่าได้สักที” ที่ฉันพูดไม่ได้เพราะพูดให้ดูดีหรอกนะ แต่ฉันคิดแบบที่พูดจริงๆ ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่มีลูกสักที ทั้งที่ไปตรวจมาทุกอย่างก็ปกติทั้งฉันและคุณจิณ จนฉันไม่รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหนกันแน่
“อย่าไปคิดมากเลยของแบบนี้เราบังคับไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเขาพร้อมจะมาอยู่กับเราเมื่อไหร่ ยังไงเขาก็มา” คุณแม่ให้กำลังใจฉันออกมา และฉันเคยคิดแบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่พอมีผู้หญิงอีกคนเข้ามา มันก็ทำให้ฉันอดคิดมากกับเรื่องนี้ไม่ได้
“ค่ะ” แต่ฉันสุดท้ายฉันก็ได้แค่ส่งยิ้มและตอบคุณแม่กลับไปอย่างทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจยอมรับเหมือนทุกเรื่องที่เจออยู่ก็เท่านั้น