ตอนที่ 1 เขาไม่กลับมาแล้ว (1)
ผ่านไปเกือบสองเดือน ที่ ‘ไอญารินทร์’ ไม่มีโอกาสได้มาเยือนอพาร์ทเมนท์แห่งนี้ เธอยุ่งวุ่นวายกับการเก็บข้าวของออกจากบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ไปขออาศัยบ้านญาติคนนั้นทีคนนี้ทีเพื่อหนีเจ้าหนี้ ทว่าในท้ายที่สุดสามพ่อลูกก็ถูกบีบให้ออกไปหาบ้านเช่าอยู่กันเอง
ไอญารินทร์เข้าใจหัวอกเครือญาติ ที่ไม่เต็มใจให้แหล่งพักพิง เพราะหวาดกลัวเจ้าหนี้จะตามมาทำให้เดือดร้อน เธอปลอบโยนพ่อกับพี่สาวหลายวัน กว่าทั้งสองคนจะทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลง ว่าฐานะครอบครัวไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ทั้งสองเคยชินกับการอาศัยในบ้านเดี่ยว มีคนงานคอยรองมือรองเท้า มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีรถหรูให้ขับ ได้ย้ายมาอยู่บ้านเช่าหลังเล็กกว่าห้องคนรับใช้ พ่อกับพี่สาวเงียบซึมไม่ยอมออกไปไหนหลายวัน ไอญารินทร์ต้องคอยออกไปซื้อกับข้าวมาคะยั้นคะยอให้กิน ปลอบใจพ่อกับพี่สาวให้เห็นถึงข้อดีของบ้านหลังนี้ ที่ถึงแม้มันจะเล็กและเก่า แต่ก็ช่วยให้มีที่หลบลมหลบฝน
‘แกก็พูดได้สิ แกไปอยู่กับไอ้กระจอก ใช้ชีวิตจนๆ กับมันจนชินแล้วนี่!’
อัญญาณีตะคอกใส่หน้าน้องสาว โกรธจนลมออกหู ลุกขึ้นมาร้องกรี๊ดๆ โต้กลับอย่างใจร้าย เธอเพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรี กำลังจะมีชีวิตที่ดี แต่เมื่อครอบครัวประสบปัญหาการเงินเข้าขั้นวิกฤต ถูกข่มขู่เอาชีวิตจากเจ้าหนี้ของพ่อไม่เว้นวัน มันส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตจนเธอต้องมาติดอยู่ด้วยกันที่นี่ จะออกไปใช้ชีวิตตามลำพังก็ถูกพวกมันตามล่า
‘ในเวลาแบบนี้มันหายหัวไปไหนล่ะ หรือมันหลอกนอนกับแกแล้วเฉดหัวทิ้ง ฉันว่า แกกับมันเหมาะสมกันดีนะ จนกับจนอยู่ด้วยกัน กลายเป็นไอ้พวกโคตรจน พอลูกแกคลอดออกมา ก็จะกลายเป็นไอ้เด็กยากจนตามพ่อกับแม่ของมัน!’
‘ยายอัญ!’
หัวหน้าครอบครัวคว้าท่อนแขนลากลูกสาวคนโตไปสงบสติอารมณ์หลังบ้าน ทิ้งไอญารินทร์ให้เศร้าเสียใจอยู่ตามลำพัง มือเรียวบางเลื่อนมาวางบนครรภ์อายุสามเดือนที่เริ่มจะใหญ่โดยไร้พ่อของลูกเคียงข้าง
ฮอนด้าเวฟ ยานพาหนะประจำตัวของแฟนหนุ่มนักศึกษาแพทย์ไม่อยู่ในลานจอด ไอญารินทร์พาร่างกายอ่อนแรงเดินตากแดดตากลมไปนั่งรอบนม้าหินอ่อน เฝ้ามองความเงียบเหงาของอพาร์ทเมนท์ที่ผู้อาศัยส่วนมากเป็นคนวัยทำงาน
เตชธรรมเลือกเช่าห้องที่นี่ซึ่งไกลจากมหาวิทยาลัย เนื่องจากราคาค่าเช่าค่อนข้างถูก รวมค่าน้ำค่าไฟเฉลี่ยแล้วสามพันห้าร้อยบาท เขาประหยัดช่วยแม่ที่มีอาชีพขายข้าวแกงในจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
ทุกวันที่เขาไปเรียนมักจะมีไอญารินทร์ นักศึกษาเทคนิคการแพทย์ชั้นปีสองซ้อนท้ายเสมอ ได้หลับนอนกับเขาในห้องพัก ได้กินข้าวข้างทางด้วยกัน ไอญารินทร์มีความสุขมากกว่าจะคิดว่ามันคือความลำบาก
แม้ฐานะทางครอบครัวของเธอจะจัดอยู่ในกลุ่มร่ำรวย แต่ไอญารินทร์ปิดบังเขาเรื่อยมา และคบหากับเขานานเกือบสองปี กว่าความจะแตกว่าเป็นลูกเศรษฐี เรื่องไปถึงหูพ่อ พ่อโกรธมาก สั่งห้ามไอญารินทร์ไม่ให้พบเตชธรรม ส่งคนขับรถมารับส่งที่มหาวิทยาลัย ไม่เปิดโอกาสให้คู่รักได้เจอกัน กีดกันถึงขั้นบังคับไอญารินทร์ให้คบหากับลูกชายเพื่อนพ่อที่ฐานะใกล้เคียงกัน
พ่อไม่สนใจว่าเตชธรรมจะเรียนคณะอะไร มีเกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ หรือรักลูกสาวพ่อมากแค่ไหน สิ่งเดียวที่พ่อสนใจคือเงินทองของนอกกายที่เขาไม่สามารถเทียบกับคนที่พ่อเลือกได้ เตชธรรมเป็นแค่เด็กต่างจังหวัด บ้านจน แม้ว่าเขาจะเข้ามาคุกเข่าขอโอกาส ให้คำมั่นสัญญาว่าเรียนจบจะมาสู่ขอ จะดูแลไอญารินทร์ให้ดีที่สุด จะไม่ทอดทิ้ง และไม่ทำให้เสียใจ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่พอสำหรับพ่อ
ไอญารินทร์นั่งเหงาอยู่นาน กระทั่งแสงสุดท้ายของวันลับหายไปจากขอบฟ้า หลายชั่วโมงมานี้มีผู้คนเข้าออกอพาร์ทเมนท์ แต่ไม่มีเลยสักคนที่เค้าโครงเดียวกับเตชธรรม ต่อให้เขาจะพรางตัวหรือสวมเสื้อผ้าแปลกใหม่ ไอญารินทร์ก็มั่นใจว่าเธอนั้นจำเขาได้
สายเรียกเข้าจากพ่อโทรมาอีกครั้ง พ่อเป็นห่วง กลัวเจ้าหนี้เจอตัวแล้วจะทำร้าย หรือพาไปกักขังหน่วงเหนี่ยว เหมือนที่คนพวกนั้นเคยทำกับพ่อ นัยน์ตาไอญารินทร์ทอดมองมือถือซัมซุงเครื่องเก่าแต่ใช้เบอร์เดิมอย่างชั่งใจ ให้กำลังใจตัวเองก่อนจะกดรับสาย และกรอกเสียงบอกพ่อว่ากำลังรอรถกลับบ้าน
ก่อนจะไปจากที่แห่งนี้ ไอญารินทร์บีบมือตัวเองจนเจ็บ ใจหนึ่งเธออยากก้าวเดินต่อไปไว้วันหน้าค่อยกลับมาใหม่ แต่อีกใจ ไอญารินทร์ไม่อยากหลอกตัวเองให้มีความหวังกับความสัมพันธ์ที่จบลงไปแล้ว หากเป็นจริงตามที่คิด ถึงมันจะเจ็บปวดกับการทำใจยอมรับ แต่วันเวลาอาจช่วยเยียวยาหัวใจเธอให้ผ่านช่วงเลวร้ายนี้ไปได้ และเข้มแข็งในสักวันหนึ่ง
ไอญารินทร์คลายมือสองข้างที่กำแน่น สูดลมหายใจลึก กะพริบตาถี่เพื่อขับไล่ม่านน้ำตา หมุนร่างกายผอมบางเดินเข้าไปยังห้องติดต่อสอบถามในอพาร์ทเมนท์
‘หนูมาหาแฟนห้อง 501 ค่ะ วันนี้... ป้าเห็นพี่เขาบ้างไหมคะ’
ป้าเล็ก หญิงวัยกลางคนตัวเล็กสมชื่อ ทำงานให้อพาร์ทเมนท์มานาน สนิทกับผู้เช่าอาศัยเกือบทุกคน นักศึกษาแพทย์หนุ่มหน้าตาดีคนนั้นอาศัยอยู่ที่นี่ บนชั้นห้าคนเดียว ตั้งแต่เข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ชั้นปีหนึ่ง เพิ่งจะพาแฟนเข้ามาอยู่ด้วยเป็นบางวันช่วงชั้นเรียนปีที่ 5-6 ก่อนจะเลิกรากันเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จากนั้นก็ไม่เห็นแฟนสาวของเตชธรรมมาที่นี่อีกจนถึงวันนี้
‘เตเขาไม่ได้บอกหนูหรอกเหรอ เขาย้ายออกไปนานแล้วจ้ะ ก็ตั้งแต่ที่เลิกกัน’
ไม่เลย... เขาไม่บอก ไม่รับกระทั่งสายโทรศัพท์
‘อย่างนั้นเหรอคะ’ เปรยปากสั่น
ไม่ใช่อยากให้ป้าตอบกลับ เพียงแต่สมองไอญารินทร์ถูกฝังกลบไปด้วยความสิ้นหวัง คิดไม่ออก ว่าควรพูดหรือถามอะไรในสถานการณ์แบบนี้
‘พี่เต เขา... ได้ฝากอะไรถึงหนูหรือเปล่าคะ’
อาจจะคำพูด เบอร์ติดต่อ สถานที่ที่เขาไปเป็นแพทย์ใช้ทุน หรือระยะเวลารอคอย เขาอาจจะกลับมาที่นี่ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ไอญารินทร์ภาวนาให้ป้าเล็กบอกข้อมูลเหล่านั้น เพื่อให้เธอได้มีหนทางพบเจอเขาอีกครั้ง
อย่าทิ้งเธอกับลูกไว้เพียงลำพัง จะให้อยู่ในสถานะอะไรไอญารินทร์ก็จะอดทน วันที่เขาเห็นหน้าลูก ไอญารินทร์มั่นใจว่าเขาจะกลับมารักและไว้ใจเธออีกครั้ง เพราะเธอไม่เคยนอกใจเขาเลย
เรื่องในวันนั้นไม่ใช่ความจริง เขาเข้าใจผิด
‘ไม่มีจ้ะ’
แต่แล้วความหวังเล็กๆ ก็สลายหายไป มวลความรู้สึกส่งตรงไปยังแขนและขาให้ชาไปทั่วทั้งร่างกาย อ่อนแรงถึงขั้นทรุดล้มลงไปนั่งร้องไห้กับพื้น
ไอญารินทร์ยกมือขึ้นปิดบังใบหน้าหวาน ป้าเล็กจากเคยห่างเหิน ก็เข้ามาโอบประคองไหล่พาไปนั่งพักอย่างใจอ่อน ตามประสาคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน
‘ไหวไหม’
‘ฮึก...’
‘ว่าก็ว่าเถอะนะ พ่อหนูให้คนมาอุ้มซ้อมเตขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้นแหละหนู’
‘ป้าขา ฮึก...’ แววตาป้าอ่อนลง
‘ถ้าพี่เตกลับมา หนูมีคำพูดอยากฝากถึงเขา...’
‘เขาไม่มาหรอกหนู...’
‘...’
เสียงตัดบท ตัดรอนมาถึงดวงใจไอญารินทร์
ถูกของป้า
เขาไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีกเลย
พิธีรับปริญญาบัตรที่แพทย์ทุกคนภาคภูมิใจเข้าร่วม เขาก็ไม่มา ไอญารินทร์อุ้มท้องที่โตจนใกล้คลอดเบียดฝ่ากลุ่มคนจำนวนมาก มาเฝ้ามองกลุ่มเพื่อนของเขารวมตัวกันถ่ายรูปกับป้ายคณะจากมุมไกล
เพราะไม่อยากเห็นหน้าเธอใช่ไหม เขาถึงไม่มา
คนอื่นมีความสุขในวันสำคัญ แต่ไอญารินทร์กลับร้องไห้อย่างน่าสงสาร ใบหน้าขาวซีดไม่เหลือที่ว่างให้คราบน้ำตา เธอไม่มีหน้าจะเข้าไปตื๊อถามถึงเขาจากคนกลุ่มนั้น เดินน้ำตานองหน้าออกจากรั้วมหาวิทยาลัย และออกจากชีวิตเขาตราบปัจจุบัน