กลางหุบเขาของวันที่สองหลังจากที่เหวินเจากลับมาหานาง ซูเหมยหลันกำลังคัดแยกสมุนไพรออกตามชนิด ในมือของนางมีตะกร้าไม้สานที่เต็มไปด้วยสมุนไพรสดใหม่ ใบหน้าเปื้อนเหงื่อแต่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“เจ้ารู้จักสมุนไพรเยอะกว่าข้าอีกนะ” เสียงหัวเราะเบาๆ ของเขาดังขึ้นจากด้านหลัง ขณะที่เขาแบกฟืนพาดไหล่เดินตามมาทีหลัง
“ข้าเรียนรู้จากสามีคนก่อน” นางพูดเรียบๆ แล้วหันมามองเขาแวบหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเลือนลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า ‘สามีคนก่อน’แต่เขาก็พยักหน้ารับอย่างเงียบๆ
“พรุ่งนี้ข้าจะต้องลงจากเขา”
มือของนางชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน
“ใช่สิ สมุนไพรเต็มสองตะกร้าแล้วนี่ คงขายได้ไม่น้อย” นางเงยหน้ามองเขา แววตาเต็มไปด้วยความหวัง
เขาพยักหน้า ชำเลืองมองหน้านางครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างช้าๆ
“ข้ารู้ว่าเจ้าคงอยากไปจากป่าแห่งนี้ ไปอยู่กับข้าในหมู่บ้าน... แต่ข้ายังพาเจ้าไปตอนนี้ไม่ได้ มารดาของข้าแก่ชราและดื้อรั้นยิ่งนัก ให้เวลาข้าได้อธิบายกับนางเสียหน่อยเถิด” น้ำเสียงของเขานุ่มนวล สายตาดูเจ็บปวดเล็กน้อยอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ซูเหมยหลันนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางสมุนไพรในมือลงเบาๆ มือของนางเลื่อนไปจับมือเขาอย่างแนบแน่น
“ข้าเข้าใจข้าไม่โกรธมารดาของเจ้าเลย หากเจ้าบอกว่าจะกลับมา...ข้าจะรอ”
เขาบีบมือนางตอบเบาๆ แล้วโน้มตัวมากระซิบที่ข้างหู
“รอข้านะ...อีกไม่นาน ข้าจะกลับมาและพาเจ้าลงจากเขานี้เราจะมีชีวิตใหม่ด้วยกัน”
นางไม่ตอบอะไร เพียงพยักหน้าช้าๆ และซบหน้าลงกับอกของเขา
************************
รุ่งเช้าวันลาจาก
เหวินเจาสะพายตะกร้าสมุนไพรไว้แน่น สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย ยืนมองนางอยู่หน้าบ้านไม้ด้วยแววตาที่อาลัยอาวรณ์ สามวันนี้เขากับนางใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนชินแล้ว แต่ก็จำต้องจากนางไป
“ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
“ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว อย่าห่วงเลย…” นางยิ้มเศร้า พลางพยักหน้า
เขาเดินเข้ามา กอดนางแน่นเป็นครั้งสุดท้ายกลิ่นหอมจากเรือนผมนางซึมลึกเข้าสู่ใจเขา
“เจ้าเป็นคนเดียวที่ทำให้ข้าอยากกลับมา” เขาผละออก มองหน้านางด้วยแววตาลึกซึ้ง ก่อนจะหันหลังเดินออกจากรั้วไม้
ซูเหมยหลันยืนมองเงาเขาไกลลับลงไปตามเส้นทางในหุบเขา แสงแดดยามเช้าส่องกระทบหยดน้ำตาที่เริ่มเอ่อในดวงตาของนาง
นางยกมือแตะแนบอก ก่อนจะกระซิบกับตัวเองเบาๆ
“ข้าจะรอเจ้าอีกครั้ง...”
************************
ในหมู่บ้านห้วยจั้น ตำบลหนานซาน หน้าบ้านไม้หลังหนึ่งในย่านค้าขาย
ชายหนุ่มเดินแบกตะกร้าสมุนไพรหลังโก่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเปื้อนฝุ่นดิน แต่แววตาเป็นประกายอย่างผู้ที่กลับมาพร้อมของล้ำค่า
เมื่อเขาเดินเข้าประตูบ้าน หญิงสาวร่างบางในชุดผ้าฝ้ายสีอ่อนก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับ ใบหน้าของนางเปื้อนรอยยิ้ม อ้อมแขนรีบโอบเอวสามีไว้ทันที
“เจ้ากลับมาแล้วหรือ ดูสิ ทั้งตัวมีแต่โคลนเต็มไปหมด” นางบ่นเบาๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย เขาหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อตัวเอง
“เหนื่อยแทบขาดใจ แต่ก็คุ้ม ข้าได้สมุนไพรดีๆ มาหลายอย่าง โดยเฉพาะโสมป่าต้นหนึ่ง อายุไม่ต่ำกว่าสิบปี”
นางตาโตทันที รีบก้มลงมองตะกร้าในมือเขา
“จริงหรือ คราวนี้ได้ของดีกว่าครั้งก่อน แถมไม่หลงทางอีก ดีจริงๆ” ลู่ฉางเอ๋อร์กล่าวแล้วยิ้มอย่างยินดี
เขาทำท่าคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ข้าโชคดีที่เจอพรานป่าคนหนึ่ง เขารู้เส้นทางดีนัก ข้าขอให้เขาช่วยชี้ทาง ครั้งหน้าข้าต้องแบกข้าวสารและเกลือไปให้เขาเยอะๆ แล้ว” เขาบอกนาง ครั้งก่อนที่ซื้อข้าวสารไปส่งซูเหมยหลันภรรยาของเขายังไม่รู้เรื่อง แต่ครั้งหน้าหากข้าวหายไปนางต้องถามหาแน่
“อืม ถ้าเจ้าแบกไหวก็เอาไปให้นายพรานผู้นั้นเยอะๆ สมุนไพรที่เจ้าหาได้คราวนี้น่าจะขายได้ตั้งหลายสิบตำลึง” นางยิ้มอย่างพอใจ ขณะที่เขาเดินเข้าไปล้างหน้าล้างมือในอ่างน้ำไม้ไผ่ข้างบ้าน
เขาเหลือบมองไปทางตะกร้าสมุนไพรที่วางอยู่ภาพหญิงสาวกลางหุบเขาผุดขึ้นมาในความคิดอย่างรวดเร็ว เรือนผมดำขลับ ผิวขาวผ่องในสายหมอก น้ำเสียงนุ่มละมุนยามเรียกชื่อเขา
ซูเหมยหลัน เขาหลงใหลนางเข้าแล้ว แต่ถ้าต้องให้เลือกย่อมต้องเลือกภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี แต่จะทิ้งนางก็คงทิ้งไม่ลง
เขาเม้มริมฝีปากแน่น ลอบถอนใจเบาๆ ก่อนจะสะบัดหน้า แล้วเดินกลับเข้าเรือนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลู่ฉางเอ๋อร์เตรียมอุ่นอาหารไว้รอสามีขณะที่เขาไปอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ ยิ่งภรรยาทำดีด้วยเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกผิด แต่ก็ไม่ได้แสดงพิรุธใดๆ ออกมา
“อีกหลายวันข้างหน้า ข้าคงต้องขึ้นเขาไปอีก” เขาพูดขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า
“เจ้าขึ้นเขาบ่อยไปแล้ว แต่ก่อนมิใช่ว่าเดือนละครั้งหรือ” นางถามสามีด้วยน้ำเสียงที่กังวล นางห่วงความปลอดภัยของเขา และไม่อยากให้สามีต้องห่างกาย
“พวกพ่อค้ารับซื้ออยากได้พวกโกฐหัวบัว กับสมุนไพรป่า ข้าเห็นแถวๆ ลำธารบนเขามีอยู่มาก แล้วยังต้นโสมอีก พรานป่าผู้นั้นบอกว่าอยู่ที่ริมผาแต่ช่วงนี้ปลายฤดูฝนแล้ว รอให้หน้าหนาวข้าจะปีนลงไปเก็บ เราจะรวยกันแล้ว ข้าก็ไม่ต้องขึ้นเขาอีก”
นางมองเขาอธิบาย แต่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
“ตอนนี้ข้ารู้แหล่งเก็บแล้ว ไม่อยากให้คนอื่นรู้แล้วไปเก็บมาก่อน เจ้าเข้าใจข้าหรือไม่”
“อืม เจ้าจะให้ข้าไปช่วยไหม ข้าไปด้วยน่าจะขนลงมาได้เยอะทีเดียว เจ้าจะได้ไม่ต้องขึ้นไปหลายรอบ” ลู่ฉางเอ๋อร์อาสาอยากติดตามไปช่วยเขา
“ไม่ต้องหรอก ถ้าเจ้าไปด้วยชาวบ้านจะต้องสงสัยแน่ว่าข้าเจอของดี”
“จริงด้วย เช่นนั้นเจ้าอย่าลืมนำอาหารและข้าวสารไปให้เขาด้วยล่ะ อย่าขนไปเยอะ เอาเท่าที่เจ้าแบกไหว” นางกล่าวเตือนสามี หวังว่าให้เขานำอาหารเหล่านั้นไปตอบแทนผู้ที่ให้การช่วยเหลือ
เขาพยักหน้า “อืม ข้าจะเตรียมไปให้ตามสมควร เขาช่วยข้าได้มาก เราจะตระหนี่กับเขาไม่ได้”
ภรรยาพยักหน้าอย่างวางใจ นางไม่มีความระแวงใดๆ ในใจเลย เพราะไม่เคยนึกฝันว่าพรานป่าที่สามีกล่าวถึง แท้จริงแล้วเป็นหญิงหม้ายที่ทำให้สามีนางลุ่มหลงจนเกิดความสัมพันธ์เกินเลย
เหวินเจาได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้เขาต้องแบ่งเวลาให้ภรรยาทั้งสอง หลังจากเก็บสมุนไพรได้เยอะแล้ว ค่อยวางแผนต่อว่าจะเอาอย่างไรหญิงหม้ายดี
************************