@คฤหาสน์พิพัฒน์พงษ์
งานหมั้นของน้ำพิงและเวไนยถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายสไตล์ไทย ผู้คนที่มาร่วมงานมีเพียงคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้
"เห้อออ...."น้ำพิงนั่งถอนหายใจยาวในชุดไทยสีเงินสไบเฉียงเผยให้เห็นไหล่ขาวเนียน
ก๊อก ก๊อก ~
"ว้าว....วันนี้พี่พิงของน้องสวยจัง แล้วเป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้นอ้ะ ตื่นเต้นหรอคะ" พริ้งพราวเดินเข้ามาทักทายพี่สาวในห้อง
"หึๆ ใช่ตื่นเต้นมากๆเลยแหละ"น้ำพิงยิ้มแหยๆ
"ว่าเเต่ว่าทำไมมันถึงได้รอดเร็วทันใจขนาดนี้อ่ะ"
"ไม่รู้สิ"
"นี่สินะรักไม่ต้องการเวลา"พริ้งพราวมองหน้าน้ำพิงแล้วยิ้ม "ดีใจด้วยนะคะ ที่พี่หลุดออกจากวังวนแล้วมาเริ่มใหม่ได้แล้ว"
'หลุดอะไรนี่มันวังวนเดิม คนเดิม เลยแท้ๆ' น้ำพิงพูดอยู่ในใจ
"เอ่อ...แล้วหลานล่ะ"
"พี่คีย์ดูอยู่"
"อ๋อ...มาเฟียพ่อลูกอ่อนสินะ" น้ำพิงยิ้มอย่างขำๆ
"มัวแต่แซวคนอื่นนะ คุณพ่อให้มาตามค่ะ"
"อืม...ไปสิ"
•ด้านเวไนย
"วันนี้หัวหน้าดูหล่อมากๆๆๆเลยคะ"
"แล้วผมไม่หล่อบ้างหรอครับคุณเคท"มาร์คแซวขึ้น
"ก็พอดูได้นะแต่วันนี้มันเป็นวันของหัวหน้า คิดดูสิขนาดงานหมั้นยังหล่อขนาดนี้ งานแต่งจะขนาดไหน"
'หึ..คงจะไม่มีวันนั้นหรอกนะ ฉันจะไปแต่งงานกับคนที่ทำให้น้องชายตายได้ไง ทุกวันนี้ยังงงอยู่เลยว่าจะไปขอหมั้นกับยัยนั่นทำไม' เวไนยคิดอยู่ในใจ
"ขอประทานโทษนะคะคุณ พอดีคุณท่านให้มาตามไปด้านในน่ะคะบอกว่าจะได้ฤกษ์แล้ว" แม่บ้านหญิงวัยกลางคนออกมาตามคำสั่ง
"ครับ" เวไนยรับคำ
"ไปข้างในกันเถอะ" เวไนยหันไปพูดกับลูกน้องคนสนิททั้งสอง
"มาพอดีเลย เดี๋ยวผมขอแนะนำให้รู้จักกันก่อนนะ นี่'ชาญ' เพื่อนรักและก็พ่อสามีของลูกสาวคนเล็กผม"
"สวัสดีดีครับ ผม เวไนย เรียกสั้นๆว่าเวย์ก็ได้" เวไนยกล่าวทักทายพร้อมแนะนำตัว
"สวัสดีครับ ดร.เวย์ ผมไม่อยู่แค่ไม่กี่วันนี่คุณเคลมน้องสาวผมซะแล้วนะ คุณนี่มันร้ายจริงๆเลยนะ" ภูดิศพูดเหมือนหยอกเล่นแต่สายตาก็บ่งบอกถึงความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย
"ต้องขอโทษด้วยครับผอ. ที่เราใจเร็วด่วนได้ไปหน่อย"เวไนยตอบอย่างยิ้มๆ
"เก่งนะครับ ขนาดมีคนมาตามจีบยัยน้ำพิงตั้งเยอะ บางคนก็ตามจีบเป็นปีๆ ยัยน้ำพิงยังไม่เลือกเลย แต่คุณนี่เจอกันแค่ไม่เท่าไร ยัยน้ำพิงก็ยอมเปิดใจให้แล้ว"
"ความสามารถเฉพาะตัวน่ะครับ"เวไนยยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"เขยบ้านนี้มันร้ายจริงๆ"ภาคพูดขึ้นแล้วหันไปมองคีตะที่ยืนอุ้มลูกน้อยอยู่
"เอ่อ....คือคุณชาญครับผมมีเรื่องจะรบกวนคุณชาญหน่อยครับ"
"อ๋อได้สิเรื่องอะไรล่ะ"
"คือทางผมไม่มีญาติผู้ใหญ่มาเลย ผมเลยอยากจะขอให้คุณชาญช่วยเป็นผู้ใหญ่ฝั่งผมให้หน่อยได้ไหมครับ"
"ได้แน่นอน เรียกผมอาชาญแบบที่ยัยน้ำพิงกับพี่และก็น้องเค้าเรียกเถอะ ก็ถือซะว่าเราเป็นญาติกันก็แล้วกัน"
"ขอบคุณมากครับ"
"เดี๋ยวรอแปปนึงนะ ให้ยัยพิ้งค์ไปตามยัยน้ำพิงลงมาแล้ว" ภาคบอกกับทุกคน
"อ้าวว...มาพอดี" ภาคพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวทั้งสองเดินเข้ามา "งั้นก็นั่งลงเลย จะได้เริ่มพิธีกัน"
เวไนยเข้าไปประคองน้ำพองลงนั่งอย่างทะนุถนอม
"ไม่ต้องสร้างภาพขนาดนี้ก็ได้ ฉันเดินเองได้" น้ำพิงกระซิบเบาๆ
"วันนี้ดูสวยจังนะ เห็นแล้วอยาก...."
"นี่! ไม่หื่นสักวันจะเป็นไรไหม"
"หึๆๆ"เวไนยขำในลำคอเบาๆ
ทั้งคู่นั่งลงประจำตำแหน่ง แล้วพิธีต่างๆ ก็เริ่มขึ้น จนมาถึงตอนสวมแหวน
"ยื่นมือมาสิ"เวไนยบอกกับน้ำพิงที่นั่งตัวแข็งอยู่ แต่เธอยังคงนั่งเงียบไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เขาจึงดึงมือของน้ำพิงเข้ามาสวมแหวนให้ที่นิ้วนางเรียวข้างซ้าย
"ลูกสวมแหวนให้พี่เค้าซะสิ"
น้ำพิงหยิบแหวนขึ้นมาสวมให้นิ้วมือหนา เมื่อสวมเสร็จน้ำพิงก็นั่งนิ่งไปทันที
"อะ..แฮ่ม!! หัวหน้าคะหอมแก้มคู่หมั้นหน่อยค่ะจะได้มีภาพสวยๆ หวานๆ เดี๋ยวเคทถ่ายให้เอง"
"......." น้ำพิงและเวไนยมองหน้ากันเงียบ
หอมเลย หอมเลย หอมเลย เสียงคนในงานต่างพากันร้องสนับสนุน
พรึบ~ จู่ๆเวไนยก็ดึงน้ำพิงเข้ามากอดแล้วบรรจงประกบจูบไปที่ริมฝีปากบางอย่างนุ่มนวล
Wow.... ผู้คนพากันตกตะลึง
"หืมมมม....."พริ้งพราวจิ๊กไปที่แขนของสามีทำหน้าเขินอายแทนพี่สาว
"อุ้ยยย...เจ็บนะครับเมียจ๋า" คีตะกระซิบเบาๆ
"ขอโทษค่ะ หนูเขินแทนพี่พิง"
"อยากโดนมั่งหรอ เดี๋ยวกดจูบให้จมเตียงไปเลย"
เพี๊ยะ! "นี่แน!!หื่นดีนัก" พริ้งพราวฟาดฝ่ามือลงไปที่แขนแกร่งของสามีที่อุ้มลูกน้อยอยู่ คีตะยิ้มอย่างเอ็นดูภรรยาสาว
น้ำพิงผลักตัวออกจากอ้อมแขนของเวไนย มองหน้าเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้
"อื้มมมม.....เบาบ้างไอ้ลูกเขยหน้ายัยน้ำพิงแดงไปหมดแล้ว" ภาคตบบ่าพูดแซวเวไนย
ภาพงานหมั้นที่แสนชื่นมื่นถูกโพสต์ลงโซเซียลมีเดียของเคทนักวิจัยสาวพร้อมแท็กไปหาน้ำพิงและเวไนย
"กรี๊ดดดดดด"
เคร้ง~
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวและเสียงแก้วแตกกระจัดกระจายดังขึ้นไปที่ห้องพักของหญิงสาว
"อีน้ำพิง อีตัวมารความสุข แกกล้าดีอย่างไงมาแย่งพี่เวย์ไปจากฉัน ฮือๆๆ ฉันรอของฉันมาตั้งหลายปี ฮือๆๆ แก แก อีหน้าด้าน!! ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่ ฉันจะไม่ยอมให้แกได้เสวยสุขกับพี่เวย์ของฉันง่ายๆหรอก ฮือๆๆ คอยดู กรี๊ดดดๆ" อิงฟ้าร้องกรี๊ดอาระวาดราวกับคนเสียสติ
•หลายวันต่อมา
เวไนยคอยไปรับไปส่งน้ำพิงทุกวัน ภายนอกทั้งคู่ดูเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก แต่ภายในใครจะรู้ว่าระหว่างเธอกับเขามันช่างขมขื่นเสียเหลือเกิน
"วันนี้เธอกลับเองนะ ฉันมีธุระอยากจะไปหาที่ระบาย.....สักหน่อย" เวไนยพูดขึ้นขณะที่กำลัวจอดรถ
"เชิญตามสบายเถอะ ดีเหมือนกันอึดอัดจะเเย่"
"หึ..ดีใจมากสินะที่ในที่สุดฉันก็เปิดโอกาสให้เธอ คงจะให้ไอ้หมอหน้าแหลมนั่นไปส่งละสิ ฉันเห็นนะว่ามันยังคอยตามเกาะแกะเธออยู่"
"อืม....เป็นความคิดที่ดีนะ ตอนแรกยังไม่ได้คิดเลยว่าจะให้ใครไปส่ง ขอบใจนะ"
"นี่เธอ!! กวนประสาทฉันหรอ"
"นายตั้งหากที่กวนประสาทฉันก่อน" น้ำพิงปลดเข็มขัดแล้วจะลุกลงไปจากรถแต่ถูกเวไนยดึงแขนไว้
"เดี๋ยว!! ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะต้องไปหาที่ระบายที่อื่นทำไมในเมื่อทำมันกับเธอก็ได้ คืนนี้ไปค้างที่คอนโดกับฉัน"
"ไม่!! ฉันไม่ไป ปล่อยฉันได้แล้วฉันจะไปทำงาน"
"ลืมไปแล้วรึไงว่าเธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธฉัน ถ้าเธอยังหาหลักฐานมายืนยันไม่ได้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำให้น้องชายฉันตาย เธอก็ต้องเป็นนางบำเรอคอยรองรับอารมณ์ให้ฉันต่อไปจนกว่าฉันจะเบื่อ"
"จำคำพูดนายไว้ด้วย ทันทีที่ฉันมีหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ นายต้องปล่อยฉันทันที"
"หึ..ลงไปได้แล้วตอนเย็นเจอกันที่เดิน ห้ามสาย ฉันไม่ชอบรอนาน" น้ำพิงได้แต่มองตาขวางใส่
"เดี๋ยว!!"
"อะไรอีก!!"
"หอมแก้มฉันก่อน" เวไนยทำแก้มป่องยื่นไปไปน้ำพิง
"จะบ้ารึไง เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก"
"ถ้าเธอมัวชักช้านั่นแหละจะมีคนมาเห็น หรือจะให้ฉันเป็นคนทำเอง แต่ถ้าฉันทำเองมันไม่ใช่แค่หอมแก้มนะ"
"นายนี่มัน..ก็ได้!! แต่นายต้องหลับตาก่อน"
"หึ.." เวไนยยิ้มอย่างคนชนะ และยอมหลับลงตามที่น้ำพิงบอก
"เห้อ...." น้ำพิงถอนหายใจยาว ก่อนจะเอาจมูกเข้าไปชนที่แก้มของเวไนย
ฟอด~
"พอใจแล้วใช่ไหมปล่อยด้วยฉันจะไปทำงานแล้ว"
เวไนยยอมปล่อยมือจากน้ำพิงยอมให้เธอลองไปจากรถแต่โดยดี เขามองตามหลังเธอจนสุดสายตา แล้วก็อดที่จะเผลอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้ เขานั่งยิ้มในรถอยู่นานกว่าจะดึงสติตัวเองกลับมาได้
"ถ้าไม่มีเรื่องนั้น ฉันกับเธอคงมีความสุขกันไปแล้ว" เวไนยพรึมพรำกับตัวเอง เขานั่งถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามเข้าไป
--เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายสุดท้ายก็น่าจะโบ้ ^^--