“แล้วก็จำไว้อย่าให้ผมเห็นอาหารที่มีนาแพ้เสิร์ฟบนโต๊ะอีกไม่งั้นจะด่าให้หมดไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
คำพูดของเกรย์ดังวนซ้ำในหูฉันหลายรอบเลยนะคะ นี่ถ้าเขาไม่ได้กำลังคบกับเพื่อนรักของฉันอยู่มีนาคนนี้ได้คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาแอบชอบตัวเองอยู่แน่ ๆ -///-
แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ เขาก็แค่ขัดคอคุณฤดีเท่านั้นฉันเลยได้อานิสงส์ไปด้วย
“...เฮ้อ~”
-วันต่อมา-
“มีมี่~” ฉันตื่นเช้าเดินออกไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านตะโกนเรียกเจ้าหมาน้อยของฉัน เอ้ย! ของเขาต่างหากล่ะ หมาของเขาที่ในอดีตเคยเป็นหมาของฉันแต่...โดนคนที่นี่อุ้มมาเลี้ยง
“บ๊อก ๆ ๆ”
“มีมี่~” ฉันเห็นเจ้าหมาน้อยขนยาวพอประมาณสีน้ำตาลอ่อนก็วิ่งเข้าไปหาพร้อมกับมันที่วิ่งมาหาฉันเหมือนกัน
หมับ~
“บ๊อก ๆ ๆ”
“อื้อ~ พี่มีนคิดถึงมีมี่ที่สุดเลย~” มีมี่กระโดดเข้าใส่ฉันที่นั่งลงแล้วกางมือรอกอดจากนั้นหน้าฉันก็เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำลายของน้องหมา
“เมื่อเช้ามันเพิ่งเลียขี้หมาตัวอื่นที่อึข้างรั้วมา”
ขวับ!
“อะไรนะคะ?” ไม่รู้ว่าเขามาตอนไหนแต่คำพูดเขาทำให้ฉันตกใจมากระหว่างนี้ก็เอามือดันหน้าของมีมี่ที่ยังใช้ลิ้นคุกคามหน้าสวย ๆ ของพี่มีนไม่เลิก! ซึ่งปกติก็ไม่ขัดอะไรหรอกแต่คำว่าเพิ่งไปเลียขี้ของหมาตัวอื่นมันทำให้ฉันเครียดเหมือนกันนะ เครียดมากด้วย T^T
“เมื่อเช้ามันตามฉันออกไปเดินเล่นหน้าบ้านแล้วมันก็ไปเลียขี้ที่หมาตัวอื่นมาขี้ไว้ ได้ยินชัดรึยัง”
“...โกหก” เขาแกล้งฉัน ฉันไม่เชื่อหรอกมีมี่ไม่กินขี้หรอก...มั้ง -_-!
“โกหกแล้วได้อะไร ที่บอกเพราะเวทนา หน้าเธอยิ่งขี้เหร่แล้วยังต้องโดนลิ้นหมาที่ติดขี้เลียอีก ขี้เหร่ซ้ำซ้อน”
“...จริงเหรอคุณเกรย์ คุณเกรย์ไม่ได้แกล้งมีนนะ” ฉันไม่อยากจะให้เป็นเรื่องจริงเลยเพราะถ้าเป็นเรื่องจริงก็เท่ากับว่าต้องมีคราบขี้หมาติดอยู่ที่หน้าของฉันน่ะสิ T^T
“อืม เธอไม่ใช่เพื่อนเล่นฉันฉันจะแกล้งเธอทำไมวะ”
“...” หน้าซีดแล้วมีนา ไม่ส่องกระจกยังรู้เลยว่าหน้าตัวเองเปลี่ยนสี ฉันละสายตาจากเขาแล้วมองอีน้องมีมี่ตรงหน้าที่เลิกพยายามจู่โจมคุกคามหน้าของฉันแล้วเพราะฉันดันออกแต่ก็ยังมองด้วยสายตาละห้อยคล้าย ๆ จะบอกว่า พี่มีนจ๋าขอเอาหน้ามาเช็ดขี้หมาออกจากลิ้นหน่อย T^T
“มีมี่ทำไมทำกับพี่มีนแบบนี้ล่ะคะ ทำไมมีมี่ถึงใจร้ายกับพี่มีน” ฉันตัดพ้อน้อยใจหมา ก็มีหมานี่ล่ะที่คุยกันได้ทุกเรื่องถึงมันจะเอาลิ้นเปื้อนขี้มาเลียหน้าก็ไม่กล้าด่ามันหรอก
“อิ๋ง ๆ ๆ” รู้เรื่องไหมเนี่ยมีมี่ว่าพี่กำลังตัดพ้ออยู่ ไม่รู้สินะไม่งั้นคงไม่เอาแต่มองอ้อนแล้วยื่นคอยื่นหน้ามาหาทำท่าอยากเลียหน้าต่อ
“ไม่เอาแล้วมีมี่ขี้เต็มหน้าพี่แล้ว”
“ฮึ ๆ ๆ ฮึ ๆ ๆ”
ขวับ!
ฉันหันไปมองตามเสียงหัวเราะที่เบามาก~ เน้นย้ำว่าเบามาก ๆ เหมือนคนกลั้นขำแต่พอหันไปก็เห็นอีกคนพยายามตีหน้านิ่งแต่มันไม่ทันแล้วไหมล่ะ!
“อะไร?” เสียงเข้มที่ถามฉันดูเอาเรื่องแต่แค่นี้ก็รู้แล้ว!
“คุณเกรย์แกล้งมีน!” อาการแบบนี้รู้เลยว่าแกล้งฉันแน่นอน! นิสัยเสีย!
“ใครไปแกล้งเธอ บอกว่ามันไปเลียขี้มาก็คือเลียขี้นั่นแหละ”
“เหอะ! ขอให้แกล้งคนอื่นไว้ยังไงเวรกรรมตามทันจนเจอของจริง!”
“กล้าแช่งฉัน?”
“เปล่า แช่งคนที่แกล้งคนอื่น แค่พูดรวม ๆ ถ้าคุณเกรย์ไม่ได้แกล้งใครก็ไม่ต้องกังวลค่ะ”
“ฮึ ๆ ๆ ไร้สาระ มีนมีนมานี่เร็ว”
“มีมี่! มันชื่อมีมี่นะคุณเกรย์!” เขาชอบเรียกมีมี่แบบนี้ตลอดเลย! เรียกว่ามีนมีนที่เป็นชื่อฉันแล้วก็เรียกฉันที่มีชื่อมีนว่ายัยคนสวน! นิสัยเสียชอบแกล้งแต่เป็นการแกล้งแบบหยิ่งยโสนะคะ ก็อย่างว่าคุณชายไฮโซกับยัยคนสวนโคตรจนเขาจะมาแกล้งเล่นเหมือนเป็นเพื่อนกันได้ยังไง
“มีนมีนมานี่” เขายังเรียกมีมี่ต่อไม่ได้สนใจคำพูดของฉันเลย แล้วที่สำคัญมีมี่มันก็รีบวิ่งดุ๊กดิ้กไปเลียขาเขาด้วย
“เห็นไหมว่ามันชื่อมีนมีน ถ้าไม่ใช่มันไม่มาหาหรอก”
“คุณเกรย์นิสัยเสียเรียกชื่อหมาเป็นชื่อมีน”
“ฮึ ๆ ๆ ชื่อเธอเหมาะกับมันมากกว่านะยัยมีมี่”
“คุณเกรย์!” ทำไมชอบแกล้งวะ แกล้งแต่ละอย่างนี่นะไม่มีอะไรดีเลย!
“ฮึ ๆ ๆ เอาน่าเธอจะใช้ชื่อมันหรือมันใช้ชื่อเธอก็ไม่เป็นไรหรอก หน้าเหมือนกันซะขนาดนี้”
“นี่คุณเกรย์ว่ามีนหน้าเหมือนหมาเหรอ?”
“ไม่โง่ก็คิดเอา ไปกินข้าวเร็วมีนมีน” เนี่ยถ้าได้แกล้งเมื่อไหร่เขาก็จะแกล้งฉันแบบนี้ไง แกล้งแบบไม่มีอะไรดีสักอย่าง วันนี้บอกหน้าเหมือนหมาใช่ไหม แต่ถ้าวันไหนโชว์โง่ขึ้นมามีนาโดนเปรียบเทียบว่าเป็นญาติควายเลยล่ะ ไม่ได้ประชดนะแต่เคยโดนมาแล้ว
มันน่าหมั่นไส้มากแต่หมายถึงหมั่นไส้ตัวเองนะคะ โดนบอกว่าหน้าเหมือนหมาก็ยังไม่โกรธเขาสักนิดแต่แค่รู้สึกงอน หมายถึง แอบงอนนะเพราะถ้าแสดงอาการงอนออกไปให้เขารู้คงได้โดนด่าว่ากล้าสาระแนไปงอนเขาทั้งที่ตัวเองเป็นแค่คนสวน...
-เวลาต่อมา-
“เมื่อเช้าแกล้งอะไรหนูมีนถึงได้หน้าหงิกหน้างอ”
“ยัยคนสวนฟ้องพ่อ?”
“เปล่า หนูมีนเคยฟ้องอะไรที่ไหนกัน พ่อก็แค่เห็นเลยถามแกดู”
“ไม่ได้แกล้งอะไรหรอก แค่เห็นมีมี่เลียหน้ายัยคนสวนเลยบอกบุญให้ว่ามีมี่มันไปเลียขี้มา”
“ฮึ ๆ ๆ มีมี่มันเคยกินขี้ด้วยเหรอตาเกรย์ แกก็แกล้งหนูมีนไปเรื่อย”
“ช่างผมเถอะน่า ไม่แกล้งยัยนั่นจะให้แกล้งหมาตัวเองรึไง แล้วนี่พ่อมีอะไรครับ ทำไมวันนี้ถึงอยู่บ้านได้ผมนึกว่าจะไปไดรฟ์กอล์ฟ” ผมตัดบทแล้วชวนเปลี่ยนเรื่อง ไม่ต้องคุยเรื่องยัยคนสวนมากหรอกที่ผมแกล้งก็แค่อยากหาอะไรสนุก ๆ เล่น อยู่บ้านมันน่าเบื่อไม่มีอะไรให้ทำจะแกล้งหมาอย่างมีมี่ก็แกล้งไม่ลงสู้แกล้งยัยคนสวนแก้เครียดดีกว่าจะได้ไม่ฟุ้งซ่านเพราะคิดถึงคนบางคน...
“ไม่ล่ะ พ่อเบื่อ ๆ แกกับหนูมีนมาบ้านด้วยอยู่กินข้าวกับพวกแกดีกว่า”
“...ถ้าน้องอยู่ด้วยก็คงดี ทุกคนคงมีความสุขมากกว่านี้” ผมพูดออกไปเบา ๆ เพราะอดที่จะพูดไม่ได้ถึงจะรู้ดีว่าพ่อไม่ค่อยอยากให้เรื่องของเธอออกจากปากผมเท่าไหร่
“ใช่ ทุกคนคงมีความสุขมากกว่านี้ถ้าน้องอยู่...แล้วก็อยู่ในสถานะที่ถูกต้อง” จากน้ำเสียงอารมณ์ดีของพ่อก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่มีอารมณ์โกรธรวมอยู่ด้วยทำให้ผมหน้าเสีย
“...”
“มันคงดีกว่านี้นะตาเกรย์แกว่าไหมลูก”
“...ผมขอโทษ”
“ช่างมันเถอะ พ่อผิดเองที่ไม่ดูแลพวกแกให้ดี พ่อไปพักผ่อนก่อน” พ่อบอกแล้วท่านก็เดินไป บทสนทนาที่เริ่มต้นด้วยดีถูกทำให้จบลงด้วยความรู้สึกแย่เพราะฝีมือของผม ทุกอย่างแย่เพราะผมแต่ผมก็ไม่ได้อยากให้มันแย่ตลอดไป ไหน ๆ เราสองคนก็คุยเรื่องนี้ที่ไม่มีใครอยากอ้าปากพูดแล้วถ้างั้นก็คุยต่ออีกสักนิดเถอะครับจะได้ไม่ต้องคุยกันบ่อย ๆ ผมอยากหาทางออกให้เรื่องนี้
“ผมขอให้น้องกลับมาได้ไหม” ผมเอ่ยออกไปก่อนที่พ่อจะหายไปจากตรงนี้ทำให้พ่อที่กำลังเดินชะงักไป
“...มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีกครับผมสัญญา ให้น้องกลับบ้านเราเถอะนะครับพ่อ” ผมขอร้องพ่อด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนทำให้ท่านหันกลับมาหาผมอีกครั้ง
“ไม่มีหลักประกันอะไรว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกหรอกตาเกรย์”
“ผมสัญญาว่าผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้น พ่อเชื่อใจผมสักครั้งได้ไหมครับ”
“อยากให้น้องกลับมา?” พ่อถามแล้วจ้องผมเขม็ง
“ครับ น้องก็อยากกลับนะครับพ่อ สงสารน้องเถอะนะครับ”
“คนหนุ่มคนสาวอยู่ใกล้กันก็เหมือนน้ำมันกับไฟพ่อไม่สามารถไว้ใจได้หรอกตาเกรย์”
“แต่... / แต่ถ้าแกอยากให้น้องกลับมาก็ต้องมีหลักประกันให้พ่อก่อน” ผมกำลังพยายามแย้งพ่อก็เอ่ยประโยคนี้ขึ้นมาและมันเป็นประโยคที่ทำให้ผมรู้สึกมีความหวังจนเริ่มยิ้มบาง ๆ ออกมาด้วยซ้ำ
“หลักประกันอะไรครับ พ่อบอกมาเลยผมจะทำให้ทุกอย่าง” ขอแค่ให้เธอกลับมา ถึงแม้ผมจะดึงเธอมาอยู่กับผมในฐานะคนรักไม่ได้แต่แค่ได้เห็นเธอใกล้ ๆ แค่นั้นก็พอแล้ว
“หมั้นกับหนูมีน”