EP : 5

1326 คำ
“หมั้นกับหนูมีน” “...อะไรนะครับ?” คำพูดที่ออกจากปากพ่อเกินความคาดหมายของผม มันเป็นคำพูดที่ผมไม่เคยคิดว่าพ่อจะพูดหรือแม้แต่มีอยู่ในหัวท่านมาก่อนพอได้ยินผมก็เลยรู้สึกเหมือนตัวเองหูฝาดไป “หมั้นกับหนูมีน ทำให้พ่อมั่นใจว่าแกมีคนของแกแล้วพ่อจะให้น้องกลับมา แกทำได้ไหมถ้าแกทำได้พ่อก็ให้ในสิ่งที่แกต้องการได้เหมือนกัน” “...นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ? จะให้ผมหมั้นกับเด็กที่เป็นคนดูแลสวนของบ้านเรานี่นะ?” ผมย้ำถามพ่อออกไปอีกครั้งเผื่อว่าพ่อเล่นอะไรอยู่จะได้หลุดอะไรออกมาให้ผมจับสังเกตได้บ้างแต่สีหน้าแววตาของพ่อไม่มีจุดไหนที่ดูเหมือนท่านพูดเล่นเลยสักนิด “ใช่” “ไม่มีทาง ผมไม่มีทางหมั้นกับยัยนั่นแน่นอน” ผมปฏิเสธทันทีที่พ่อย้ำให้มั่นใจว่าสิ่งที่ท่านพูดคือความจริง ปฏิเสธได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น “ก็ไม่เป็นไร เรื่องที่แกขอก็ถือว่าล้มเลิก พ่อไปพักผ่อนก่อนนะตาเกรย์” พ่อพูดออกมาด้วยอาการไม่แยแสสนใจใยดีอะไรแล้วก็หันหลังเดินกลับไปทิ้งให้ผมยืนอยู่ที่เดิมด้วยความโมโห “พ่อคิดเรื่องแบบนี้มาเป็นข้อต่อรองได้ยังไงวะ! เอาความสุขของน้องมาเล่นแบบนี้ได้ยังไง!”ผมเหลืออดเลยตะคอกไล่หลัง “แล้วสิ่งที่แกทำล่ะตาเกรย์ พ่อเลี้ยงให้แกสองคนเป็นพี่น้องกัน คนละพ่อคนละแม่แต่พ่อสอนให้รักกันเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือดมาตั้งแต่เด็กแล้วทำไมแกถึงทำแบบนั้น” “แล้วมันผิดอะไรวะถ้าผมกับกรีนจะรักกัน! มันผิดตรงไหนในเมื่อเราสองคนไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด! หรือมันผิดแค่เพราะไม่ถูกใจผู้ใหญ่! ตอบมาสิวะ!” “...ไม่ผิด แต่แกแน่ใจเหรอว่ามันเรียกว่าความรัก? ถามใจตัวเองดูดี ๆ พ่อไม่ขอก้าวก่ายไปมากกว่านี้ แล้วก็ไม่ต้องมาขอพ่อเรื่องนี้อีกเพราะถ้าอยากได้ข้อแลกเปลี่ยนของพ่อก็เป็นเหมือนเดิม” “ฮึ! ให้แลกกับการที่ผมหมั้นกับเด็กของพ่อน่ะเหรอ? ไม่มีทาง! สักวันผมจะเอากรีนกลับบ้านให้ได้พ่อจำคำผมไว้!” ผมประกาศกร้าวเสียงดังลั่นแต่พ่อก็แค่ตีสีหน้าเรียบเฉยแล้วเดินไป “...แม่งเอ้ย!” โมโหว่ะ! โมโหจนอยากพังบ้านหลังนี้ทั้งหลังเพราะอยู่ไปมันก็ไม่มีอีกคนที่เคยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กจนโตมาอยู่กับผมแล้ว -เวลาต่อมา- “มีมี่พี่มีนรักมีมี่มาก ๆ เลยนะ” “...” “พี่มีนขอโทษที่ไม่ค่อยได้มาหามีมี่เลย แต่มีมี่รอพี่มีนนะเมื่อไหร่ที่พี่มีนมีเงินเยอะ ๆ พี่มีนสัญญาว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันนะมีมี่” “...” ผมที่หลบมานั่งดับความโมโหที่สวนหลังบ้านได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้นมาทำลายความสงบที่ต้องการก็หงุดหงิด ยิ่งเป็นเสียงของยัยนั่นที่เกี่ยวข้องกับบทสนทนาระหว่างผมกับพ่อมาหมาด ๆ ก็ยิ่งทำใจผมหงุดหงิดมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว “หมั้นกับหนูมีน” ฮึ! พ่อผมคิดเรื่องนี้ได้ยังไง พ่อไม่น่าจะคิดเรื่องนี้ได้เองในเมื่อระดับนักธุรกิจใหญ่อย่างพ่อน่าจะอยากได้ลูกสาวของเพื่อน ลูกสาวของคู่ค้าหรือลูกสาวของคนในสังคมเดียวกันมาเป็นลูกสะใภ้เพื่อให้ธุรกิจต่อยอดไปได้ไกลกว่านี้มากกว่า หรือความจริงมีใครอ้อนพ่อเพราะอยากรวยทางลัดกันแน่ก็ไม่รู้ ผมมองไปที่ยัยคนสวนที่กำลังนั่งคุยกับหมาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าผมอยู่ตรงนี้ มองหน้ายัยนั่นที่นั่งคุยกับมีมี่แล้วก็ทำหน้าเศร้าเหมือนคนโดนหมาแย่งข้าว “...” หน้าอย่างยัยนี่น่ะเหรอจะอ้อนพ่อเรื่องแบบนั้น ไม่มีทางหรอกพ่อผมเพี้ยนไปเองมากกว่า “มีมี่~ พี่มีนอยากพามีมี่ไปอยู่ด้วยที่สุดเลยรู้ไหม” เป็นอะไรทำไมยิ่งคุยยิ่งเศร้า จะอยากเอาหมาไปอยู่ด้วยอะไรขนาดนั้นในเมื่อมีมี่มันมาอยู่บ้านนี้ตั้งเกือบสองปีแล้ว ตอนเอามามีมี่มันเพิ่งสามเดือนเองตัวเท่าลูกหมาเลี้ยงแป๊บเดียวจะมีความผูกพันอะไร “มันอยากไปอยู่กับเธอรึเปล่าเคยถามมันบ้างรึยัง” ผมทนไม่ไหวเลยพูดแทรก คุยกับยัยนี่อาจจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นสักนิดก็ได้มั้ง ส่วนยัยคนสวนพอรู้ว่าผมอยู่แถวนี้ก็สะดุ้งแล้วหันมามอง ทำหน้าตกใจอย่างกับเห็นผีเห็นหน้าผมชัดแล้วก็ยังทำหน้าตกใจไม่หยุด “อยู่...อยู่แถวนี้เหรอคะ” “ไม่อยู่มั้ง” “อ่อ แล้วนี่อะไร? วิญญาณคุณเกรย์เหรอคะ” “กวน?” “เปล่าค่ะ นั่งอยู่ตรงนี้นานแล้วเหรอคะ” “อืม” “ถ้างั้นก็...ได้ยินมีนคุยกับมีมี่?”​ “อืม” “...” พอผมพยักหน้ารับยัยคนสวนก็ทำหน้าอย่างกับรู้สึกอายที่มีคนบังเอิญได้ยินตัวเองคุยกับหมา “เป็นไร? เธอคุยกับหมาเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่เห็นมีไรน่าอาย ถ้าคนอย่างเธอคุยกับหมาไม่รู้เรื่องสิแปลกเพราะเธอเหมือนหมา” “...คุณเกรย์เป็นแบบนี้ตลอดเลย ชอบว่ามีนเหมือนหมา” ยัยคนสวนบ่นพึมพำออกมา อาการงอนของยัยนี่ทำผมอดขำนิดหน่อยไม่ได้ “แล้วตรงไหนที่ไม่เหมือนวะถามหน่อย” “ชิส์! เอาเถอะเหมือนก็เหมือนมีมี่มันน่ารักจะตาย เนอะมีมี่เนอะ” “ฮึ ๆ ๆ ใครบอกเธอว่าเธอเหมือนหมาฉัน เธอคิดว่าตัวเองน่ารักขนาดนั้นรึไงยัยหน้าหมา” “...” “แล้วตกลงยังไง ไม่คิดจะตอบคำถามฉันเลยรึไง” “ถามอะไรล่ะคะ” “ฉันถามว่าอยากเอามีมี่ไปอยู่ด้วยแล้วเคยถามมีมี่รึยังว่ามันอยากไปอยู่กับเธอรึเปล่า “...” พอผมย้ำคำถามที่ถามเล่น ๆ ยัยคนสวนก็มองหน้าผมแต่ไม่ยอมพูดอะไร “ว่าไง? เคยถามมันรึยัง” ผมย้ำถามอีกครั้งแล้วยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แกล้งกวนประสาทยัยนี่กี่ครั้งก็สนุกตลอดเลยว่ะ “...แล้วตอนเอามันมาจากมีนล่ะคะ ถามมันรึยัง” “...” อยู่ดี ๆ สีหน้าแอบงอนของยัยนี่ก็เปลี่ยนเป็นเจ็บปวด “ไม่ได้ถามเหมือนกันใช่ไหมคะ?” “อืม” ผมพยักหน้ารับแต่เสียงผมที่เปล่งออกมามันดังแค่ในลำคอเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่ายัยนี่เศร้าจนทำผมรู้สึกผิดได้ยังไงกับอีแค่เรื่องหมาที่มันมาอยู่ที่นี่ยังไงก็ดีกว่าอยู่บ้านสวนอยู่แล้ว “แล้วก็...ไม่ได้ถามเจ้าของมันด้วยถูกต้องใช่ไหมคะ” “...” แม่ง ทำผมรู้สึกผิดกว่าเดิมอีก “คุณเกรย์” ยัยคนสวนมองหน้าผม เธอยิ้มบาง ๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่เศร้าฉิบหาย “มีไร” “ถ้ามีนมีบ้านมีเงิน...มีนขอมีมี่คืนได้ไหม” “...ไร้สาระ” “มันอาจจะไร้สาระสำหรับคุณเกรย์แต่มีมี่มันเป็นครอบครัวของมีนนะคุณเกรย์” “...” ยัยคนสวนแม่งจะดราม่าทำไมวะ คิดว่าตัวเองดูเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่น่าสงสารมากนึไง “มีนขอ... / อืม ไม่ต้องพูดมากแล้ว” กำลังจะขออีกผมเลยพูดแทรกปัดรำคาญแต่คำพูดของผมก็ทำยัยคนสวนยิ้มกว้างทันทีเลย “ขอบคุณนะคะคุณเกรย์” “อืม หาเงินมาซื้อบ้านหลังนี้แล้วกันเพราะฉันไม่ให้มันไปอยู่ที่อื่น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม