Ep.6
“เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหม” เอวาเปิดประตูเข้าพร้อมกับคำถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนลงกว่าครั้งแรกที่คุยกัน ในเมื่อเธอกำลังจะหมดสิ่งที่เรียกว่า ‘เสี้ยนหนามตำใจ’ ความขุ่นเคืองที่มีต่ออีกฝ่ายจึงค่อยๆ คลายลง
“ฉันไม่มีของให้ต้องเก็บค่ะเพราะมาตัวเปล่า แต่ว่าทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อยแล้ว แล้ว..ว่าแต่..นี่คุณฟิลลิปส์กลับมารึยังคะ เขาจะไปสนามบินด้วยกันรึเปล่า” คนตัวเล็กก้าวลงจากเตียง จัดระเบียบเสื้อผ้าที่สวมใส่ให้เข้าที่ ก่อนจะเดินเข้าไปหามือซ้ายมาเฟียที่ยืนรออยู่หน้าประตู โดยไม่ทันสังเกตเห็นคิ้วบางที่เริ่มมุ่นเข้าหากันของหล่อนตอนที่เธอเอ่ยถามในประโยคท้าย
“ฟิลลิปส์ไม่ได้มีงานด่วน แต่เขามีนัดไปดินเนอร์กับว่าที่คู่หมั้น เลยไปส่งเธอไม่ได้” ใครฟังก็คงจับได้ความได้ว่าเอวาต้องการเหน็บแนมและบอกหล่อนทางอ้อมว่า ‘เธอไม่ได้สำคัญต่อเขาขนาดนั้น’ ด้วยถ้อยคำที่สุภาพและรักษาน้ำใจมากที่สุด
ซึ่งวีนัสก็พอเข้าใจอยู่บ้าง..
เธอสัมผัสและรู้สึกได้ว่าเอวาคิดกับฟิลลิปส์เกินกว่าคำว่า ‘เจ้านาย’ เหตุเพราะหล่อนมีท่าทีคล้ายกันกับตนเวลาเห็นผู้หญิงอื่นเข้ามาวอแวกับแฟนหนุ่ม
จิตใจห่อเหี่ยวลงดั่งดอกทานตะวันที่ไร้แสงอาทิตย์ เมื่อเสี้ยวหน้าของ ‘คนทรยศ’ ลอยเข้ามาในโสตประสาท วีนัสส่ายหัวไล่ความคิดโง่งม แล้วเอ่ยถามอีกฝ่ายว่า “เราจะไปกันเลยรึเปล่าคะ”
“อื้ม ตามมา” ขาเรียวก้าวตามร่างของหญิงแกร่งออกไปอย่างเก้ๆกังๆ ด้วยความรู้สึกวาบหวิวในใจแปลกๆ ทั้งที่คลุกคลีและรู้จักกับทุกคนที่นี่เพียงแค่สี่สิปแปดชั่วโมง ทว่ากลับเหมือนกำลังจะลาจากกับความอบอุ่นที่ส่วนลึกของหัวใจกำลังโหยหา
ไม่สิ.. ไม่ใช่ทุกคน..
แต่เป็นเขา ‘ฟิลลิปส์’
สนามบิน
“ขอบคุณมากนะคะที่เป็นธุระมาส่ง รวมถึงเรื่องออกเงินค่าตั๋วด้วย ฉันสัญญาว่าจะโอนกลับมาคืนคุณทุกบาททุกสตางค์” คนตัวเล็กโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับมือซ้ายมาเฟียอุตส่าห์ที่สละเวลางานบึ่งรถมาส่งเธอถึงสนามบิน
“ไม่ต้อง นั่นมันก็แค่เศษเงินของฉันเท่านั้นแหละ ถือซะว่าฉันเมตตาเธอก็แล้วกัน” ในวาจาที่ดูปกติเรียบง่าย แฝงการเหน็บแนมด้วยถ้อยคำที่ว่า ‘เศษเงินและเมตตา’ อยู่ด้วย
แน่นอนว่าวีนัสไม่ใช่คนโง่ที่จะฟังไม่รู้ความ และไม่ได้ซื่อจนมองไม่มองออกว่าที่เอวายอมช่วยเธอทั้งที่หล่อนไม่ชอบหน้านั่นมีสาเหตุมาจากอะไร
ทว่าเธอไม่ใช่คนที่จะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่ไม่สำคัญ นาทีนี้ขอแค่ได้บินกลับไปถึงเมืองไทย ได้ซุกอ้อมกอดอุ่นๆ จากครอบครัวก็พอแล้ว
“ยังไงฉันก็ถือว่าติดหนี้บุญคุณคุณ ฉะนั้นถ้าวันหน้าเราบังเอิญได้เจอกันแล้วคุณมีเรื่องให้ช่วย บอกได้ไม่ต้องเกรงใจเลยนะคะ ส่วนตอนนี้ต้องขอตัวก่อนจริงๆ” ร่างบางคลี่ยิ้มเล็กๆ ให้กับเอวา ก่อนที่จะหันหลังสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก้าวขาเดินเข้าไปด้านในของสนามบิน
เพล้ง!
“อ๊ะ!” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าคมสวยตามแบบฉบับของสาวชาวยุโรปร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจจนร่างบอบบางสะดุ้งโหยง จนชายหนุ่มตรงหน้าต้องก้มศีรษะให้หนึ่งทีแล้วเอ่ยว่า
“ขอโทษครับ เป็นความผิดของผมเอง” เพราะไม่ทันได้ระวังจึงเผลอดันข้อศอกไปโดนแก้วไวน์ตกแตก ฟิลลิปส์กระดิกนิ้วชี้สองที ไม่นานมือขวาอย่างอดัมก็เดินก้าวเข้ามา “ให้คนมาจัดการด้วย”
“ครับนาย”
“เอวาบอกบ้างไหมว่าวีนัสทำอะไรอยู่” ประโยคนี้จำใจต้องใช้เสียงกระซิบ ด้วยเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท ‘ว่าที่คู่หมั้น’ มากจนเกินไป แต่เพราะรู้สึกวูบวาบ ยุบยิบอยู่ในใจแปลกๆ จนต้องการทราบความเป็นอยู่ของคนตัวเล็ก
“ธ..เธอปกติดีครับ” ท่าทีอึกอักของอดัม ทำเอาคิ้วหนาเริ่มมุ่นเข้าหากันจนเกิดเป็นรอยร่องอยู่กลางหน้าผาก เขาเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยเอวาให้พาเธอหลบหนีกลับเมืองไทย หากจะไม่ให้มีท่าทีผิดสังเกตเลยก็คงจะเป็นเรื่องเกินจริง
“อืม” ถึงอย่างนั้นความสงสัยก็อยู่ต่ำกว่าความไว้ใจ จึงขานรับเบาๆ แล้วไม่ได้ซักไซ้ไล่ความต่อ “ขอโทษที่คุยกับมันนานไปหน่อย หวังว่าคุณคง..”
“ไม่ถือสาหรอกค่ะ เลนไม่ได้ไม่มีเหตุผลขนาดนั้นคุณก็รู้” ปากว่ามือก็เริ่มไม่อยู่นิ่ง เฮเลนออกแรงเลื่อนนิ้วเรียวไปสัมผัสกับมือหนาของคนตรงหน้าเบาๆ อย่างอ้อยอิ่ง เขาเป็นว่าที่คู่หมั้นที่เธอ ‘ถูกชะตา’ ด้วยมากที่สุดก็ว่าได้
เฮเลน ทิมเมอร์สัน เป็นลูกสาวของมาเฟียใหญ่ที่มีอำนาจการปกครองสูงที่สุดในเนเธอร์แลนด์ เกือบแทบจะทุกคนที่ต้องก้มหัวให้เขา คาลปาส ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาให้กำเนิด
ยกเว้นคนเดียวที่ไม่เคยต้องแม้แต่จะต้องรักษาน้ำใจของเจ้าพ่อมาเฟียใหญ่นั่นก็คือฟิลลิปส์ ด้วยอำนาจที่มีน้อยกว่าเพียงเศษเสี้ยวเดียว ทำให้เขาไร้ซึ่งความเกรงกลัวต่ออีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง
แต่นั่นใช่ว่าจะเป็นเหตุผลที่แท้จริง
คาลปาสต้องการสัมพันธไมตรีที่ดีจากฟิลลิปส์ เพื่อจะได้กลายเป็นใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบ เขาพูดคุยกับ เดวิด ผู้เป็นพ่อของอีกฝ่ายเรื่องที่อยากจะให้ครอบครัวได้เกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
แน่นอนว่าเดวิดย่อมเห็นด้วยและตอบตกลงในทันทีโดยไร้ซึ่งความลังเล ทว่าฟิลลิปส์กลับขอศึกษากันไปก่อน แม้จะไม่ชอบใจแต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจาก ‘รอ’ เพราะเขาได้มอบอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดให้กับลูกชายหัวแข็งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว