๓
เผชิญหน้า
สมัยเด็กคงไคยเคยมาค้างอ้างแรมกับคุณป้าบ่อยครั้ง ทุกซอกทุกมุมในบ้านหลังนี้ไม่มีตรงไหนที่เขาไม่รู้จัก ร่างสูงมาหยุดอยู่หน้าห้องทำงาน เขายืนนิ่งอยู่อึดใจจึงเปิดประตูเข้าไป
คนที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เงยหน้าขึ้นมองไปยังประตูห้อง ทันทีที่ร่างสูงก้าวเข้ามา หัวใจของอรจิราก็กระตุกโลด
“คุณสอง” ชื่อของเขาหลุดออกจากริมฝีปากสีเรื่อแผ่วเบา ขณะที่ร่างสูงใหญ่ที่ดูภูมิฐานมากกว่าเดิมก้าวมาหยุดลงที่หน้าโต๊ะทำงาน
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือไหว้ชายหนุ่ม ดวงหน้าเรียวสวยก้มลงนิดๆ ก่อนจะสบตาเขาอีกครั้งเมื่อบอกตนเองว่าไม่มีอะไรต้องกลัวเขาอีก
คงไคยยืนนิ่ง ไม่ได้รับไหว้หล่อนด้วยซ้ำ สีหน้าเรียบเฉยทว่าดวงตากวาดมองหล่อนราวจะเอกซเรย์ เช่นเดียวกัน หญิงสาวก็ลอบสังเกตเขาเงียบๆ คงไคยวันนี้ แตกต่างจากคงไคยในวันวานไม่น้อย เขาดูตัวโตและแข็งแรงขึ้น
“อยู่ที่นี่คงสุขสบายดีสินะ”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากจะพูดสิ่งใดที่ทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมาอีก
“ไปไม่รอดหรือไง ถึงมาอยู่ที่นี่” เขาเลิกคิ้วขึ้น มุมปากได้รูปหยักยกราวจะหมิ่นแคลน ทำให้หญิงสาวเม้มปากพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยยามสบตาคมกริบ
“คุณป้าต้องการคนช่วยงาน ท่านจึงอยากให้ฉันมาอยู่ด้วยเพื่อดูแลงานบางส่วนให้กับท่าน”
คงไคยยกมุมปากขึ้น แววตาที่มองมาเวลานี้ดูแตกต่างจากวันวานไม่น้อย ซึ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดยิ่งกว่าเดิม
“เธอรักสบายมากกว่า พอจับฉันไม่ได้ ก็คิดหาวิธีอื่น ป้าฉันเป็นคนดีเกินไป ท่านเป็นคนขี้สงสารก็เลยไม่ทันเกมเธอ”
อรจิราหน้าร้อนด้วยความโกรธ แต่หล่อนจะไม่ยอมหลงกลเมื่อถูกอีกฝ่ายยั่วยุ
“คุณจะคิดยังไงก็แล้วแต่ แต่ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น”
“ก็คงเหมือนกับที่เธอเคยบอกฉันว่า ไม่เคยคิดจะจับฉันนั่นแหละมั้ง”
ดวงตาคู่สวยวาววับขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ
“ตอนนี้ก็ยังคิดแบบนั้นนะคะ ที่ผ่านมาฉันได้พบเจอคนดีๆ มากมาย ดีกว่าคุณก็เยอะแยะไป ถ้าคุณคิดว่าฉันอยากจับคุณก็ขอให้คิดเสียใหม่ เพราะมันเป็นความคิดที่ล้าหลังมากจริงๆ”
รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายจางหายลง ทว่าดวงตาวาววับขึ้น
“เก่งขึ้นเยอะนะ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ ไม่สะทกสะท้านกับคำดูหมิ่นดูแคลนของเขา
“ถ้าคุณป้ามาเห็นเธอในตอนนี้ ท่านคงนึกเสียใจที่เลี้ยงคนแบบนี้เอาไว้ในบ้าน”
หญิงสาวมองคนพูดนิ่ง หัวใจปวดแปลบขึ้น เขาไม่เคยมองหล่อนในแง่ดี ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานนับสิบปีก็ตาม
“ท่านไม่เสียใจหรอกค่ะ เพราะท่านรู้ดีว่าฉันมีนิสัยอย่างไร สักวันฉันก็คงจะไปจากที่นี่ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงว่าฉันจะอยู่นานนัก ถ้าไม่มีอะไรที่สำคัญ ฉันขอทำงานต่อนะคะ”
หญิงสาวนั่งลงตามเดิม แสดงให้เห็นว่าหมดเรื่องที่จะพูดกับเขาแค่นั้น
ชายหนุ่มมองหญิงสาวอยู่อึดใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เขาไม่โกรธท่าทางจองหองของหล่อน เพราะมัวแต่คิดถึงสิ่งที่หล่อนบอกก่อนหน้านี้มากกว่า
‘สักวันฉันก็คงจะไปจากที่นี่ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงว่าฉันจะอยู่นานนัก’
ขณะที่กำลังขับรถออกจากบ้าน เขาตวัดสายตามองไปยังหน้าต่างบานหนึ่ง คลับคล้ายว่าจะเห็นเงาตะคุ่มอยู่หลังม่านหน้าต่าง หัวใจของเขาไหวไปเล็กน้อย แต่เพียงแวบเดียวก็กลับเป็นปกติ บอกตัวเองว่าเขาจะไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นอีก ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตามที...
หลายวันต่อมา อรจิราต้องออกไปติดต่อรับเอกสารสำคัญภายในบริษัทที่คุณนิรมลมีหุ้นส่วนอยู่นั้น หญิงสาวก็ได้พบกับคงไคยโดยไม่คาดคิด ซึ่งชายหนุ่มนั้นกำลังมองมายังหญิงสาวอยู่ก่อนแล้ว
คุณสอง...
หญิงสาวครางออกมาในใจ วันนี้เขาอยู่ในชุดทำงาน คงมาติดต่อธุระบางอย่าง แต่แล้วก็ได้เห็นผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินมากอดแขนของเขาด้วยท่าทางสนิทสนม ภาพนั้นทำให้อรจิราเมินหน้าหนีมาทันที
เวลาเดียวกันคงไคยมองอรจิราอยู่เกือบห้านาที วันนี้เขาเข้าบริษัทเป็นวันแรก เมื่อถึงเวลาเที่ยงก็มีเหตุให้ต้องออกมาพบกับปภาดา พวกเขาเคยคบหากันอยู่ระยะหนึ่งก่อนจะแยกย้าย คงความสัมพันธ์เอาไว้เพียงคนรู้จัก แต่เมื่อหล่อนรู้ว่าเขากลับมาถึงเมืองไทยจึงขอนัดเจออีกครั้งซึ่งเขาก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องเสียหายอะไร จึงออกมาพบกับอีกฝ่ายตามคำเชิญ แต่ไม่คิดว่าจะได้พบกับคู่กรณีที่นี่ เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดแต่เวลานี้เขากลับเอาแต่มองอรจิราจนปภาดาต้องเรียกซ้ำ
“มองใครคะสอง” นักธุรกิจสาวสวยเอ่ยถามคนข้างกาย พลางมองเขาด้วยสายตาชื่นชม หล่อนกับเขาแยกกันมานานพอควร แต่เมื่อได้พบเจอกันอีกครั้งเขาไม่ทำให้ผิดหวัง คงไคยยังคงดูดีทุกกระเบียดนิ้วเช่นเดิม จนทำให้หล่อนหวนคิดถึงวันคืนเก่าๆ ที่เคยมีกันและกัน
คงไคยหลุบตามองคนที่กอดแขนของเขาด้วยสายตาเจือยิ้มนิดๆ
“เจอคนรู้จัก คุณเข้าไปรอในร้านก่อนได้ไหม ผมขอเวลาสักครู่แล้วจะตามไป”
คนที่เคยเป็นคู่ควงของเขาในอดีตอดไม่ได้ที่จะตวัดสายตามองไปยังจุดที่ดึงดูดเขาแวบหนึ่งด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แต่หล่อนไม่ได้คิดที่จะทำท่าเหมือนนางร้ายในละครออกมา เพราะรู้ดีว่าคงไคยเป็นผู้ชายขี้รำคาญ เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ทำตัวงี่เง่า
“โอเคค่ะ แต่อย่าช้านะคะ” หญิงสาวยิ้มหวานให้ชายหนุ่มโดยไม่ลืมปรายตามองสาวอีกคน ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องอาหารภายในโรงแรมชื่อดัง
คงไคยหันไปมองเจ้าของร่างบอบบางที่ยืนคุยกับผู้หญิงวัยกลางคนท่านหนึ่ง ซึ่งเขาไม่รู้จัก ชายหนุ่มยืนรอจนผู้หญิงคนนั้นเดินจากไปจึงสืบเท้าตรงไปหาทันที
“ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่นะ”
เสียงเอ่ยทักคุ้นหูทำให้คนตัวเล็กนิ่งงัน ก่อนจะหันไปมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายใดๆ ที่ได้พบเจอเขาในวันนี้
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะพบคุณเหมือนกัน” หญิงสาวตอบโต้กลับไป ก่อนจะกระชับกระเป๋าสะพายแล้วบอก “ขอตัวก่อนนะคะ”
หญิงสาวทำท่าเดินหนีอย่างไม่คิดไยดี ทำให้คนตัวโตหน้าตึง ไม่มีใครเคยเดินหนีเขา แต่หล่อนช่างกล้า!
เมื่อคิดเช่นนั้น มือแข็งๆ ของเขาก็คว้าเข้าที่ข้อมือกลมกลึงของหญิงสาว ทำให้คนตัวบางที่กำลังจะเดินหนีเจ้าของนัยน์ตาร้อนแรงต้องชะงักกึก หันขวับกลับไปมองเขาด้วยแววตาเอาเรื่องเช่นกัน
“กรุณาปล่อยด้วยค่ะ” หญิงสาวสบตาคมกริบของคงไคยอย่างไม่คิดยอมแสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็นเหมือนในอดีต คำหมิ่นแคลนของเขายังคงชัดเจนในความทรงจำ และหล่อนจะไม่ยอมให้เขามาดูถูกกันได้อีก