๑ ความหลังครั้งเก่า

1532 คำ
๑ ความหลังครั้งเก่า ทุกคนในบ้านศิริธาราต่างรอคอยวันนี้มายาวนาน เมื่อคงไคยกลับมาถึง ต่างยินดีกันถ้วนหน้า “คุณสองมาถึงหรือยัง” สาวใช้เก่าแก่เอ่ยถามเพื่อนอย่างตื่นเต้น “มาถึงเมื่อกี้เองพี่ ฉันยกเครื่องดื่มไปให้คุณสองก่อนนะ” สาวใช้รุ่นน้องตอบพลางเดินกลับออกไปพร้อมเครื่องดื่มเย็นฉ่ำที่เตรียมเอาไว้สำหรับลูกชายคนเล็กของบ้าน ภายในห้องรับแขก คงไคยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น เขาจากที่นี่ไปในวัยยี่สิบห้าปีเต็ม เมื่อกลับมาอีกครั้งชายหนุ่มจึงอยู่ในวัยฉกรรจ์ หล่อเหลาและดูแข็งแกร่งไปทั้งเนื้อทั้งตัวในวัยสามสิบห้าปีเต็ม เขาควรมีคู่ครองได้แล้ว ทว่าลูกชายคนเล็กของคุณมาริสาและคุณปองพลยังคงครองตัวเป็นโสดเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น... “แม่ดีใจที่สองตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านของเราเสียทีนะลูก” คุณมาริสากอดลูกชายด้วยความดีใจ แม้จะเดินทางไปเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เหมือนกับที่อีกฝ่ายตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านและได้เห็นหน้ากันทุกวันเช่นตอนนี้ ชายหนุ่มยิ้มตอบมารดาขณะกอดท่านเอาไว้แนบอกกว้างของตน ก่อนจะผละออกแล้วหันไปกอดบิดาที่ยืนอยู่ข้างๆ มารดา “กลับมาก็ดีแล้วนะ จะได้มาช่วยพ่อกับพี่ของแกทำงาน พ่อเตรียมการเอาไว้แล้ว” คุณปองพลกล่าว ใบหน้าที่ยังดูดีเสมอเจือยิ้ม ชายหนุ่มยิ้มตอบพลางหันไปสบตาพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างภรรยาที่เขาไม่ค่อยชอบหน้านัก ทว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปความรู้สึกเหล่านั้นค่อยๆ จืดจางลงตามครรลอง ที่สำคัญทั้งสองมีลูกชายและลูกสาวอย่างละหนึ่งคน ซึ่งเป็นหลานๆ ที่เขารักมากด้วยเช่นกัน ความรู้สึกชังน้ำหน้าคนเป็นแม่ของเด็กๆ จึงค่อยๆ ถูกมองข้ามลงไปทีละนิด จะมีก็เพียงใครอีกคนที่พอเขาคิดถึงยามใดหัวใจของเขามักรู้สึกเหมือนมีเข็มมาทิ่มตำ ราวกับหนามที่ยังคงยอกไม่เคยหลุด ยังความไม่พอใจขึ้นมาเสียทุกครั้งไป “สบายดีนะพี่หนึ่ง” เขาเขย่ามือกับพี่ชาย ก่อนจะกอดอีกฝ่ายชั่วอึดใจแล้วถอยออกมา “สบายดี มาเหนื่อยๆ พักก่อนไหม” เขาถามความเห็น และปรายตามองไปยังภรรยาที่ยืนเยื้องตนไปเพียงเล็กน้อย “เหนื่อยที่ไหนกัน หลานๆ ผมล่ะ” พรทิพาเงยหน้ามองเขาพร้อมส่งยิ้มทันทีที่อีกฝ่ายถามถึงลูกๆ ของหล่อน “เด็กๆ ไปโรงเรียนค่ะ” คงไคยสบตาอีกฝ่ายแวบหนึ่งก่อนพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้กล่าวตอบโต้ แต่ก้าวไปนั่งลงยังโซฟาตัวใหญ่ข้างมารดา ทุกคนจึงเดินตามไปนั่งล้อมเขาเอาไว้ ระหว่างนั้น ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะกวาดสายตามองหาใครบางคนที่ทำให้เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้นานนับสิบปีเต็ม “มองหาใครหรือไง” คุณปองพลเอ่ยถาม แววตาคมปลาบมองลูกชายอย่างรู้ทัน แต่คงไคยส่ายหน้า “ผมกำลังมองว่าบ้านเรายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด” เขายิ้มให้บิดา หลีกเลี่ยงสิ่งที่กำลังคิด แต่ดูเหมือนทุกคนจะรู้ทันความคิดของชายหนุ่ม ทว่าไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาหรือพูดถึงใครอีกคนที่ไม่ได้ร่วมวงสนทนาด้วย “พรุ่งนี้ผมอยากเข้าบริษัทพร้อมพ่อน่ะครับ” เขาบอกกับบิดาด้วยแววตามุ่งมั่น “ไม่พักผ่อนสักอาทิตย์หรือไง เอาน่า พักผ่อนก่อน สักอาทิตย์ค่อยไปก็ไม่สาย แกเองก็ทำงานหนักมาตลอด พักสักหน่อย ถือโอกาสพาแม่ไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้างก็ดี” ท่านกล่าวพลางยิ้มให้ภรรยาที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ “แม่อยากไปที่ไหนครับ” เขาหันไปถามมารดา “ก่อนไปที่อื่น แม่ว่าพรุ่งนี้เราไปไหว้พระกันก่อน จากนั้นไปไหว้ป้านุ่ม ท่านบ่นคิดถึงเราตลอด” ป้านุ่มหรือคุณนิรมลเป็นพี่สาวของบิดา ตอนเด็กท่านรักและเอ็นดูเขามาก มาห่างๆ ท่านก็ตอนเริ่มเป็นหนุ่ม “ตกลงครับ พรุ่งนี้ไปไหว้พระแล้วไปไหว้ป้านุ่มต่อ” เขายิ้มให้มารดา จากนั้นก็เริ่มคุยเรื่องสัพเพเหระเรื่อยไป พอตกดึกจึงได้มีเวลาอยู่ตามลำพังเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม แก้ววิสกี้สีอำพันวางอยู่บนเคาน์เตอร์ มีมือของเขาประคองเอาไว้หลวมๆ ขณะคิดอะไรเพลินๆ ไปด้วย บรรยากาศในยามนี้ดูจะเงียบสงบดี มีเพียงเสียงรถยนต์แว่วมาเป็นครั้งคราว เจ้าของดวงตาคมใหญ่หันไปมองนาฬิกาที่บอกว่าเพิ่งจะสี่ทุ่มครึ่ง คืนนี้ยังเยาว์สำหรับเขา ชายหนุ่มคิดพลางผ่อนลมหายใจ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเพื่อนเก่า แต่ละคนมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว เหลือแค่เขาเท่านั้นที่ยังคงไร้พันธะ ขณะเดียวกันก็คิดถึงผู้หญิงอีกคนที่เขายังไม่พบหน้า ดวงตาสีเข้มไหววูบไปยามคิดถึงหล่อน อรจิราไปอยู่เสียที่ไหนทำไมเขาจึงไม่เจอหน้าหล่อน แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ต้องเจอหน้าผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้นอีก ทว่าเหตุการณ์ในอดีตกลับย้อนคืนมากระตุ้นอารมณ์ที่สงบนิ่งให้ตื่นขึ้นมาอีกหน เมื่อสิบปีก่อน... “ใครจะบอกฉันได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงของคุณมาริสาแฝงไว้ซึ่งความโกรธชัดเจน ดวงตาคู่งามยามนี้วาววับขณะมองไปยังลูกชายที่นั่งหน้าตึงกับเด็กสาวที่อายุเพียงสิบแปดปีที่มีสีหน้าเผือดซีดก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาใครด้วยสายตากังขา พรทิพามองน้องสาวด้วยความสงสาร ขยับปากเตรียมเอ่ยบางอย่าง ทว่าคารมกลับวางมือลงบนต้นขาของภรรยาเอาไว้แล้วสบตาเป็นเชิงห้ามปราม ทำให้คนเป็นพี่ได้แต่เม้มปากมองน้องอย่างอัดอั้นตันใจ “ถามเด็กคนนี้สิครับ” คงไคยมองเด็กสาวที่นั่งตัวสั่นด้วยสายตาเหยียดหยัน ก่อนจะหันไปสบตาพรทิพาด้วยแววตาไม่ต่างกันนัก ทำให้หญิงสาวร้อนเห่อไปทั้งใบหน้า คารมที่ประเมินเหตุการณ์เห็นแววตาของน้องชายก็ไม่พอใจขึ้นวูบหนึ่ง ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างคงไคยกับพรทิพาจนทำให้ทั้งสองไม่ลงรอยกันนัก ทว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ไม่มีทางเกี่ยวข้องกับภรรยาของเขาอย่างแน่นอน “แกควรถามตัวเองด้วยนะนายสอง” ครานี้ทั้งหมดหันไปมองคารมที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงขรึมจัด และทุกคนต้องฟังเขาบ้างเพราะในยามปกติอีกฝ่ายมักเป็นคนพูดน้อย เมื่อเขาพูดทุกคนย่อมนิ่งฟังอย่างใคร่ครวญ แต่กลับทำให้คนเป็นน้องชายเม้มปากแน่น ดวงตาคมกริบวาวโรจน์อย่างไม่พอใจเช่นกัน “พี่หนึ่งจะบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผมเป็นต้นเหตุใช่ไหม” คนเป็นพี่เหลือบตามองน้องชายที่เวลานี้หน้าดำหน้าแดง ก่อนส่ายหน้า “พี่ยังไม่ได้พูดแบบนั้น แค่อยากให้นายใจเย็นและพิจารณาเหตุการณ์ให้ถี่ถ้วนจะดีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีใครในนี้รู้นอกจากแกกับอร ตอนที่เด็กไปตามอรพวกเขาเจอแกสองคนนอนด้วยกันในห้องก็ตกใจยกใหญ่ ฉันกับพรที่ได้ยินก็ตามไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องมันก็มีแค่นี้ แล้วแกจะมาโยนให้พรกับอรรับมันก็ไม่ถูกนัก” ด้วยความเป็นคนใจเย็น ทำให้เขาพยายามใช้เหตุผลกับคงไคย ทว่าชายหนุ่มที่อายุเพิ่งจะยี่สิบห้าปีไม่สนใจ เขาไม่ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีเขาเป็นต้นเหตุ “พี่หนึ่งจะพูดอะไรก็ได้ แต่ผมไม่สน ขอบอกเอาไว้ตรงนี้ว่าผมไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ถ้าจะให้ผมเลือกระหว่างรับผิดชอบเด็กนี่กับอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต ผมขอเลือกอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตเสียจะดีกว่า!” “ตาสอง!” คุณมาริสาปรามเสียงหนัก ด้วยคำพูดและท่าทางหยามหยันของลูกชายคนเล็กทำให้เด็กสาวที่นั่งตัวสั่นน้ำตาร่วงเผาะ มือเรียวขยุ้มชายเสื้อจนยับย่น ได้แต่คิดวนเวียนไปมาว่าหล่อนทำอะไรผิด... ชายหนุ่มตวัดสายตามองมารดา เขากำลังน้อยใจทุกคนที่พากันเข้าข้างเด็กนี่ “ทำไมทุกคนต้องโทษว่าผมผิด ทำไมไม่คิดบ้างว่าทุกอย่างเป็นแผนของเด็กนี่กับ...” เขากวาดตามองไปยังพรทิพาที่หน้าเผือดสีลงเมื่อถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ “ทำไมคุณสองพูดแบบนี้คะ พรกับอรไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย” “ตอแหลน่ะสิ!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม