“มาม๊าคะ หนูอยากลงค่ะ”
“หื้อ หนูจะลงไปไหนคะ”
“เป่าเป้ยจะไปหาอานัย เจ๊แป้ง แล้วก็เจ๊เนตรค่ะ”
“อ่อ งั้นไม่ดื้อนะคะ”
“ค่ะ”
ฉันกำลังตักกระเพาะปลาใส่ถ้วยแล้วก็ส่งให้เนตรก่อนจะสะดุ้งขึ้นมาเบาๆ หลังได้ยินคนตัวสูงที่พูดขึ้นมา
“แป้งครับ พี่ช่วย”
“อุ้ย คุณ มาทำไมเงียบๆ”
“คิกๆ งั้นเดี๋ยวเรามานะ เราไปเปิดทีวีก่อน”
“จ่ะ”
“ลุงนัยขา”
“ครับ”
“อุ้ม”
ผมมองเด็กตัวน้อยก่อนจะยิ้มแล้วก็อุ้มหลานขึ้นมาจากนั้นเจ้าตัวเล็กก็พูดสิ่งที่ต้องการกับร่างบางทันที
“เจ๊แป้งขา เป่าเป้ยอยากเอาไข่เล็กๆ เยอะๆ ค่ะ”
“อ่อ ได้เลยจ้า เอาแต่ไข่เหรอคะ หนูเอาอย่างอื่นด้วยไหมคะ”
“เอาค่ะ แต่พิเศษไข่ค่ะ”
“คิกๆ โอเคค่ะ นี่ค่ะ พิเศษไข่ของน้องเป่าเป้ย”
“ว้าว ขอบคุณค่ะ”
“เดี๋ยวพี่ถือไปให้หลานเองครับ”
ฉันพยักหน้าแล้วก็ส่งถ้วยให้คนตัวสูง เพราะตอนนี้เนตรก็ยังเปิดทีวีไม่เสร็จพร้อมกับได้ยินอาม่าในประโยคที่ได้ยินบ่อยมากๆ จนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“อาแป้ง อย่าลืมตักให้พี่เขาเยอะๆ นะ เขาเป็นผู้ชาย นิดเดียวมันไม่อิ่ม”
“ค่ะอาม่า คุณเอาเส้นเพิ่มไหมคะ เอาไปนั่นแหละ”
ผมเลิกคิ้วมองแล้วก็มองร่างบาง คือถามนะ แต่มือคือใช้ตะเกียบคีบเส้นหมี่ใส่ลงไปในถ้วยของผมเรียบร้อยแล้ว ผมเลยหัวเราะออกมาเบาๆ พอร่างบางตักจนครบผมก็มานั่งทานกระเพาะปลาพร้อมกัน แล้วตอนนี้ทุกคนเงียบผิดปกติเพราะกำลังให้ความสนใจไปที่ทีวี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่แหละ ผมเลยยิ้มมุมปากก่อนจะใช้ตะเกียบคีบไข่นกกระทาจากช้อนของร่างบางแล้วก็เอาเข้าปากพอร่างบางเอาช้อนเข้าปากผมเลยหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก็ทำเป็นไม่รู้ไม่รู้ชี้
“หื้อ”
ฉันกินกระเพาะปลาในช้อนของตัวเองแล้วทำไมมันมีแต่น้ำอะ ฉันจำได้ว่าเลือกไข่นกกระทาเอาไว้นะ เดี๋ยวนะ พอฉันหันมามองคนตัวสูงเขาก็ทำหน้าตาแบบไม่รู้ไม่ชี้แต่เหมือนจะแอบยิ้ม ซึ่งในโต๊ะนี้ก็คงไม่มีใครกวนประสาทฉันเหมือนเขาหรอก ฉันเลยวางตะเกียบแล้วก็ใช้มือหยิกที่เอวของเขา
“โอ๊ะ”
“หื้อ อานัยลื้อเป็นอะไร กัดปากตัวเองเหรอ”
“เปล่าครับม๊า มดกัดที่เอวน่ะครับ”
“อ่อ หึหึ ลื้อไปกวนพญามดเขาล่ะสิ”
ผมใช้มือลูบที่เอวตัวเอง แล้วชุดทำงานผมมันพอดีตัว โดนเต็มๆ แสบๆ คันๆ พอได้ยินลูกค้าเรียกแล้วร่างบางออกไปขายของผมเลยเดินตามออกมาด้วย
“อาซิ้ม อั๊วซื้อของหน่อย”
“อือ อาแป้ง ลื้อไปขายของให้อาม่าหน่อย”
“ค่ะอาม่า”
ฉันลุกขึ้นแล้วก็เดินออกมาข้างนอกโดยที่มีคนตัวสูงเดินเข้ามาด้วย แล้วเหมือนฉันเป็นนักโทษที่ต้องมีตำรวจมาควบคุมอย่างนั้นแหละ ฉันเลยพูดกับเขาออกไปเบาๆ
“คุณไม่ต้องตามฉันก็ได้ค่ะ”
“พี่มาคอยดูแลความปลอดภัยให้แป้งไงครับ”
“คุณนั่นแหละ ตัวอันตราย”
“อันตรายแค่ไหน ก็รักเดียวนะครับ”
“น้ำเน่าจริงๆ”
“หึหึ”
“อาม่าเลือกเลยจ่ะ เดี๋ยวแป้งคิดเงินให้”
“อืมๆ อาม่าซื้อน้ำแข็งหลอดสองถุงนะ”
“จ่ะ คุณ หลบ ฉันจะตักน้ำแข็ง”
“เดี๋ยวพี่ช่วยครับ”
“เต็มถุง สองถุง ด่วน”
“ครับคุณนาย”
“เดี๋ยวฉันจะดีดปากคุณ”
“หึหึ ให้เป็นคุณนายเลยนะครับ น้องแป้งไม่ชอบเหรอครับ”
ผมยักคิ้วให้ร่างบางที่ยืนกอดอกอยู่ใกล้ๆ แล้วถ้าเป็นคนอื่นก็คงเขินอายไปแล้ว ส่วนร่างบางที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ย่นจมูกใส่ผมแล้วก็หันหน้าไปทางอื่น ผมเลยหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆ จากนั้นก็ตักน้ำแข็งใส่ถุงหิ้วแล้วก็เดินตามร่างบางมาที่โต๊ะ
“ทั้งหมด 64 บาทจ่ะ รอเงินทอนสักครู่นะจ๊ะ”
“จ่ะ อาแป้ง แล้วนี่แฟนลื้อเหรอ”
ฉันกำลังนับเงินทอนพอได้ยินคำถามฉันเลยยิ้มแล้วก็ตอบอาม่าเขากลับไป คือเขาก็ไม่ถึงขั้นอาเล้ง แต่เขาก็ชอบพูดเหมือนกัน ฉันเลยยิ้มแล้วก็ตอบกลับไปพร้อมกับส่วเงินทอนให้เขา
“ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะอาม่า”
“อ้าวเหรอ อาม่าคิดว่าแฟนลื้อ”
ผมปรายตามองร่างบางแล้วก็นิ่งไป มันก็รู้สึกนิดๆ ในตอนที่น้องตอบ แต่พอได้ยินประโยคถัดมาผมยิ้มจนตาจะปิด
“พี่เขาเป็นคู่หมั้นแป้งค่ะ นี่เงินทอนนะคะ อาม่านับดูก่อนนะคะ ออกไปจากร้านแล้วถ้าเงินไม่ครบแป้งไม่รับปิดชอบนะคะ”
“อือๆ”
ฉันยิ้มให้อาม่าที่เป็นลูกค้าพร้อมกับกำชับให้เขานับเงินทอน เพราะออกจากร้านไป กลับไปแล้วจะมาบอกว่าเงินทอนไม่ครบฉันก็คงไม่รับผิดชอบ แล้วที่ตอบไปแบบนั้นมันก็เป็นความจริง แล้วฉันก็เป็นคนพูดตรงๆ ขี้เกียจอ้อม มันเหนื่อย พอลูกค้าเดินออกไปฉันมองนาฬิกาแล้วก็ตะโกนบอกอาม่า
“อาม่าคะ แป้งปิดร้านแล้วนะคะ”
“อือๆ ปิดเลย”
“แป้ง”
ผมกำลังช่วยร่างบางเอาผ้าคลุมชั้นขนมแล้วก็ได้ยินดสียงผู้ชายเรียกร่างบางขึ้นมา แล้วไม่ใช่เด็กที่ดิษฐ์ เหมือนจะเป็นเพื่อนห้องเดียวกับร่างบางตั้งแต่มัธยม บ้านอยู่ซอยถัดไป ผมเลยมองนิ่งๆ
“อ้าว ตาล จะซื้อของเหรอ”
“อืม พี่ชายแป้งเหรอ”
ฉันขมวดคิ้วมองเพื่อนเก่าแบบงงๆ เพราะปกติก็เพื่อนร่วมห้องแต่ไม่ใช่เพื่อนที่สนิท แต่เขาอาจจะงงๆ ก็ได้ เพราะทุกคนในห้องก็รู้ว่าฉันเป็นลูกคนแรก ฉันเลยส่ายศีรษะก่อนจะตอบเพื่อนกลับไป
“เปล่าหรอก พี่นัย เขาเป็นคู่หมั้นแป้ง ตาลจะซื้ออะไรก็เลือกได้เลยนะ”
“อ่อ อืม”
ผมยิ้มมุมปากก่อนจะมองไอ้เด็กหน้าละอ่อนตรงหน้า เพราะผมมองออกว่าไม่ได้ตั้งใจมาซื้อของหรอก พอร่างบางตอบกลับไปเด็กนั่นก็ซื้อขนมไปไม่กี่บาทแล้วก็รีบเดินออกไป ผมสองคนเลยปิดประตูแล้วก็เดินเข้ามาในบ้าน พอเดินเข้ามาเด็กๆ ก็พากันไปนั่งดูทีวีแล้ว ส่วนผู้ใหญ่ก็ยังนั่งกินกระเพาะปลากันอยู่ พอกินเสร็จตอนแรกผมก็ว่าจะกลับบ้าน แต่พวกเฮียทั้งสามคนเขาชวนดูบอลก็เลยอยู่ดูด้วยกัน
เวลา 04.30 นาที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อาแป้ง ลื้อเสร็จหรือยัง”
ฉันแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็หมุนดูความเรียบร้อยอยู่หน้ากระจก วันนี้ฉันใส่เสื้อแขนกุดคอกลมสีสาวคู่กับกระโปรงยีนส์ ใส่แบบทับใน แล้วความยาวกระโปรงก็ลงมาถึงหน้าแข็งแล้วก็ผ่าด้านหน้า เขียนคิ้วแต่งหน้าโทนหวานๆ เบาๆ รวบผมครึ่งศีรษะแล้วก็เอากิ๊บไข่มุกติดลงไป อ่อ อาวาดเป็นคนสอนพวกฉันแต่งหน้านะ ไม่รู้ว่ามีเทคนิคต่างจากคนอื่นยังไงแต่ฉันชอบมาก มันดูสวยแบบลงตัวดีมากๆ ดูธรรมชาติ แล้วฉันมีสร้อยทองที่ใส่ติดคอไว้ด้วย เป็นพระที่อานัสกับอาวาดให้มา องค์เล็กๆ กรอบทอง ฉันก็เลยใส่ติดตัวมาตั้งแต่จำความได้ แต่ทองม๊าจะพาไปเปลี่ยนทุกสองปี ม๊าบอกว่าน้ำหนักจะเปลี่ยนตลอดเลยพาไปเปลี่ยน จากนั้นฉันก็หยิบกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาสะพายแล้วก็เดินออกมาเปิดประตูพร้อมกับตอบมาม๊ากลับไป
“พร้อมแล้วค่ะมาม๊า”
“อืม ปะ ข้างนอกมันหนาวนะ ลื้อเอาเสื้อแขนยาวติดไปด้วยล่ะ”
“ค่ะ ม๊ารอแป๊บหนึ่งนะคะ เสร็จแล้วค่ะม๊า”
“อืม ปะ”
“ป๊ารออยู่ข้างล่างแล้วเหรอคะ”
“อืม ยังไม่ได้นอนเลย”
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะถามมาม๊าออกไปแบบงงๆ เพราะถ้าป๊าไม่นอนป๊าจะไปไหน
“หื้อ หึหึ ทำไมป๊าไม่นอนล่ะคะ”
“ก็ดูบอลกันไง บอลจบก็ได้เวลาไปตลาดพอดี กลับมาคงจะสลบแน่ๆ อาแปะก็เพิ่งจะแยกย้ายกันไปนอน เดี๋ยวเราไปหากินอะไรที่ตลาดแล้วกันนะ แล้วนี่เงินค่าขนม เผื่อลื้ออยากจะซื้ออะไร”
“ขอบคุณค่ะมาม๊า คุณ คุณยังอยู่อีกเหรอคะ”
“ไอหย่า อาแป้ง ลื้อทักพี่เขาอะไรแบบนั้น อาม่าจะเป็นลมทุกที”
ผมหัวเราะออมาเบาๆ เพราะผมก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะหรอก แล้วพอหันมามองร่างบางเท่านั้นแหละ น้องสวยมากจริงๆ ผมเลยยิ้มให้ร่างบางก่อนจะตอบร่างบางกลับไป
“พี่ก็ต้องไปตลาดกับน้องแป้งไงครับ”
ฉันย่นจมูกใส่เขาแล้วก็กอดอกพร้อมกับเบนหน้าไปทางอื่น จากนั้นก็เห็นรถของอาวาดมาพอดี พวกฉันเลยพากันเดินออกมาข้างนอก
“อาวาดมาแล้ว งั้นเราไปกันเถอะ ไปสายตลาดจะวายเอา”
“อืมๆ ไปๆ แล้วบอกอาวาดอีนะ เดี๋ยวอั๊วให้อากงไปดูหลานให้”
“ค่ะม๊า”
“นี่ อาปิ่น”
“ปิ่นเตรียมเงินมาแล้วค่ะม๊า”
“อืม เอาไปเถอะ ติดไว้ดีกว่าขาด อะไรที่สำคัญลื้อก็ซื้อมาเลย ซื้ออย่างดีมาเลยนะ มันจะได้ใช้ได้นานๆ ไม่ต้องเสียดายเงิน”
“ขอบคุณค่ะม๊า”
“อืมๆ นี่อาแป้ง ค่าขนมลื้อนะ เดินไปเดินมาเดี๋ยวก็หิว แล้ววัยลื้อหิวบ่อย หิวก็กินเลยนะ ดูดีๆ ก่อนซื้อล่ะ บางร้านทำไม่สะอาดเดี๋ยวท้องจะเสีย”
“ขอบคุณค่ะอาม่า เดี๋ยวแป้งจะซื้อมาฝากอาม่ากับอากงด้วยนะคะ”
“อืมๆ ไปๆ ขับรถกันดีๆ”
“ของอากงเอาเยอะๆ เลยนะ”
“คิกๆ ได้เลยค่ะอากง”
ผมพากันเดินออกมาจากตัวบ้านก็เจอมนัสกับภรรยาเพื่อนผมพอดี ทั้งสองคนก็ยกมือไหว้ม๊ากับป๊าจากนั้นก็พากันเดินมาที่รถ
“ปาป๊า มาม๊า สวัสดีรับ”
“ปาป๊า มาม๊า สวัสดีค่ะ”
“อืมๆ สวัสดี เดี๋ยวอั๊วให้ป๊าลื้อไปอยู่เป็นเพื่อนเด็กๆ นะ ส่วนม๊าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าปรัชญ์ ตื่นมาไม่เห็นใครจะร้องไห้”
“ขอบคุณค่ะม๊า”
“อาสี่ อาวาด สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีลูก”
“สวัสดีจ่ะสาวน้อยแสนสวย วันนี้มีองครักษ์ส่วนตัวด้วยเหรอจ๊ะ”
“มันก็ธรรมดานะน้องสาว พี่ก็เหมือนไอ้นัสนั่นแหละ”
“หึหึ ไปๆ ลื้อพากันไปเถอะ เดี๋ยวจะช้า”
“ค่ะม๊า”
“แป้งจะไปไหนครับ”
“ก็ไปตลาดน่ะสิคะ คุณไม่ได้นอนจนเบลอเหรอคะ เขาก็ยังบอกกันอยู่ว่าจะไปตลาด”
ฉันหันมาตอบคนตัวสูงพร้อมกับถามเขาออกไปในคราวเดียวกัน แต่คำถามฉันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนะ เพราะตอนนี้เขากำลังจะไปตลาดกัน
“หึหึ พี่รู้แล้วครับว่าจะไปตลาดกัน พี่ถึงรีบอาบน้ำแต่งตัวนี่ไงครับ”
“เอ้า แล้วคุณถามทำไม คุณกำลังพาฉันงงไปด้วยนะคะ”
“พี่กำลังหมายความว่าให้น้องแป้งไปด้วยกันครับ พี่ไม่รู้ทางไปตลาดนะครับ”
“คุณก็ขับตามป๊าสิคะ แล้วคุณเป็นตำรวจยังไงถึงไม่รู้เส้นทางพื้นที่แถวที่คุณทำงาน”
“ไอหย่า หัวใจอั๊วจะวายอีกแล้ว”
“อาแป้ง ลื้อพูดขอโทษพี่เขาซะ แล้วอย่าถามห้วนๆ แบบนี้อีก มันดูไม่น่ารัก เดี๋ยวคนอื่นที่เขาได้ยิน เขาจะพูดกันว่า สวยตอนไม่พูด แล้วพี่เขาไปช่วยเราทำธุระ เราเองก็ควรจะมีมารยาทกับเขาให้มากกว่านี้รู้ไหม”
คือผมก็อยากจะบอกทุกคนว่าไม่ได้เป็นอะไร เพราะผมก็ไม่ได้คิดมาหรือเก็บมาถือสาน้องในเรื่องนี้ พอพูดจบร่างบางก็ยกมือไหว้ผมพร้อมกับขอโทษออกมา
“ค่ะม๊า ขอโทษค่ะ”
“ไอหย่า อาปิ่น ลื้ออย่าเพิ่งจริงจังไป อาแป้งอีก็ยังเด็กอยู่ ผิดบ้างถูกบ้างมันก็ธรรมดา”
“หนูว่าบอกไว้ดีแล้วค่ะม๊า ดีกว่าได้ยินคนอื่นพูดนะคะ ปิ่นไม่ได้ว่าลูกหรือจะลงโทษนะคะ แค่เตือนเฉยๆ ค่ะ แล้วที่เตือนเพราะว่าปิ่นหวังดีกับลูก หนูไม่ได้สนใจคนอื่นหรอกนะคะ เพียงแต่ลูกยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกันกับคนอื่น บางทีตรงไปมันก็ใช่ว่าจะดี คนที่ถูกใจเขาก็อาจจะชอบ แต่ถ้าคนที่เขาไม่ได้ชอบเขาก็อาจจะมองว่าเป็นเด็กพูดจาเหมือนมะนาวไม่มีน้ำ ปิ่นไม่อยากให้ลูกถูกมองแบบนั้นค่ะ ปิ่นหวังดีกับลูกค่ะ ปิ่นเลยบอกลูกว่าตรงไหนที่ต้องปรับ”
“อืมๆ ลื้อก็อย่าถือสาน้องนะดนัย บางทีน้องก็ไม่ได้ตั้งใจ”
“ครับอาม่า ผมไม่ได้ถือสาน้องหรอกครับ”
“อืม ดีๆ ไปๆ อาแป้ง งั้นลื้อก็ไปกับพี่เขานะ อย่าลืมดูขนมมาฝากอาม่ากับน้องๆ ล่ะ ตื่นมาท้องร้องกันแล้ว”
“ค่ะอาม่า”
ฉันตอบอาม่ากลับไปพร้อมกับยิ้มให้ท่าน จากนั้นก็เดินตามเขามาโดยที่เขาก็เปิดประตูรถเก๋งสีดำยี่ห้อดังฝั่งข้างคนขับที่เพิ่งซื้อได้สองวัน ที่รู้เพราะเขาเอามาให้อากงกับอาม่าเจิมให้ที่บ้านนี้แหละ พอฉันขึ้นมานั่งเขาก็เดินอ้อมแล้วก็เข้ามานั่งตรงคนขับ ซึ่งฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาหรอก ตอนนี้ฉันกำลังคิดทบทวนอยู่กับตัวเองเรื่องการเป็นคนพูดตรงๆ ของตัวเอง คือฉันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ชอบพูดอ้อมเพราะคิดว่าเสียเวลา แต่มันก็คงจะตรงเกินไปจนมันดูไม่ดี เพราะถึงขั้นมาม๊าบอกว่ามันไม่น่ารักก็คงจะไม่ดีจริงๆ คงต้องปรับเปลี่ยนประโยคคำพูดของตัวเองให้ดีกว่านี้ เพราะก็ไม่มีใครหวังดีกับเราเท่ากับแม่เรา เท่ากับคนในครอบครัวเราหรอก