บทนำ
เสียงข้อความเข้าทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงบิดขี้เกียจ เธอรู้สึกตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วในเวลาปกติที่ต้องไปทำงาน แต่เมื่อเป็นวันหยุดหญิงสาวก็อยากนอนต่อ แต่เสียงมือถือที่ดังขึ้นซ้ำทำให้เจ้าตัวหงุดหงิดจึงคว้ามาดูอย่างเซ็ง ๆ ทว่าเห็นชื่อบนข้อความแล้วร่างบางก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง
‘เอาเงินสดมาที่คอนโดผมก่อน 11.00’
เมื่อกดเข้าไปอ่านข้อความของเจ้านายแล้วก็ทำให้เธอต้องอ่านข้อความที่ถูกส่งมาก่อนหน้า ซึ่งเป็นแจ้งเงินเข้าบัญชีจากธนาคาร
“สามหมื่น”
หญิงสาวถอนหายใจแล้วบ่นอุบอิบ
“ไม่พกเงินติดตัว พกเช็คบ้างก็ดีนะคะเจ้านาย”
แม้จะขัดเคืองใจหากก็รีบก้าวลงจากเตียงเพื่อไปทำหน้าที่เลขาส่วนตัวผู้ถูกเรียกใช้ได้ตลอดเวลา
เจ้าของร่างบางที่กำลังกดเงินหน้าตู้เอทีเอ็มมองซ้ายมองขวาดอย่างหวาดระแวง ไม่อยากให้ใครรู้เห็นว่าตนกดเงินค่อนข้างเยอะ เมื่อเงินออกมาก็รีบเอากระเป๋าจ่อใกล้ๆ เพื่อหยิบใส่โดยเร็วที่สุด แม้จะกังวลแต่มันช่วยไม่ได้ในเมื่อไม่มีเวลาไปถอนเงินที่ธนาคาร
หญิงสาวรีบออกจากบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อใกล้คอนโดไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีซึ่งอยู่ไม่ห่างนัก เธอมีรถแต่ใช้รถไฟฟ้าสะดวกกว่าเพราะคอนโดเจ้านายหนุ่มอยู่ติดรถไฟฟ้าเหมือนกัน ที่น่าหงุดหงิดก็คือห่างจากเธอไม่กี่ป้าย นั่นทำให้อีกฝ่ายเรียกหาเธอได้ง่ายดายหากเขามาพักที่นี่ อีกอย่างขับรถไปที่นั่นก็ไม่มีที่จอดรถสำหรับคนนอกเช่นเธอ
ขณะที่กำลังรีบร้อนอยู่นั้นเสียงมือถือก็ดังและสั่นพร้อมกัน เธอหยิบออกจากกระเป๋า ทว่าเห็นชื่อก็ชะงักไป
‘แม่’
หากเป็นคนอื่นเห็นเบอร์คนในครอบครัวคงดีใจแต่สำหรับกุลนารีแล้วเธอแทบไม่อยากรับ คนที่บ้านเธอแตกต่างจากใครอื่น
“แก้มเดือนนี้แม่ขอหมื่นห้านะลูก หมื่นเดียวไม่พอ”
ทันทีที่กดรับ ปลายสายก็เอ่ยในสิ่งที่ต้องการ
กุลนารีพยายามอย่างมากที่จะไม่ถอนหายใจ หากก็ผ่อนออกมาบางเบาราวทอดถอนใจ
“มีปัญหาอะไรเหรอจ๊ะ”
“ก็พ่อเราไปบ่อนไก่แล้วเสียก็ยืมเพื่อนต่อทุน แต่มันก็มีแต่เสียกับเสีย ไม่ได้ก็ไม่มีคืนเขา”
“ยืมตั้งห้าพันเลยเหรอแม่”
เธอพยายามพูดเสียงเบา เพราะรอรถไฟฟ้าอยู่ และก็ต้องรีบคุยให้จบก่อนรถจะมา เข้าไปข้างในจะยิ่งได้ยินเสียงชัดเจนกว่านี้
“ก็...ไม่ถึงขนาดนั้น”
เสียงมารดาอึกอักทำให้เธอเดาได้ทันที
“แม่...เบาๆ ลงหน่อยไม่ได้เหรอจ๊ะ”
“ซื้อน้อยมันก็ไม่ถูกสิลูก”
“แล้วซื้อเยอะถูกด้วยเหรอ”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่เมื่อเห็นว่ารถไฟฟ้ากำลังจะมาแล้วเธอก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เพราะคุยกันเรื่องนี้ไปก็ไม่มีวันจบ
“ยังไงก็ลดลงบ้างนะจ๊ะ พ่อก็เหมือนกัน”
เธอตัดบท
“แล้วเงินเดือนออกแก้มจะโอนให้”
น้ำเสียงมารดาขอบใจกลับมาอย่างชื่นมื่นก่อนจะวางสายไปโดยง่าย หากคนเป็นลูกสาวกลับน้ำตาซึม เธอส่งเงินให้ครอบครัวเดือนละหนึ่งหมื่นบาทก็จริง แต่มารดาจะขอเพิ่มทุกเดือน ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เงินที่บ้านมากกว่านี้แต่ให้ก็คือหมด หากไม่ใช่เพราะทำตำแหน่งเลขาประธานกรรมการกุลนารีไม่มีทางจ่ายเงินให้ครอบครัวได้แน่ หญิงสาวจึงพยายามทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เกาะให้แน่นเข้าไว้เสมอ
ก่อนหน้าที่ยังฝึกงานและเป็นผู้ช่วยนั้นเธอต้องกลับมานอนร้องไห้ในห้องเช่าทุกคืนเพราะกลัวไม่ได้งาน เนื่องจากเจ้านายของเธอถูกใจเลขารุ่นพี่คนเดิมของเขามาก และไม่อยากเปลี่ยน แต่งานสองบริษัทอย่างน้อยก็ต้องมีคนช่วยดูเมื่ออีกฝ่ายตั้งครรภ์จึงต้องรับผู้ช่วยเลขา ซึ่งเธอทำงานไม่ถูกใจเจ้านายเลยแม้แต่น้อย เขามักจะเรียกเลขารุ่นพี่เข้าไปคุยเสมอและไม่ให้เธอตามเข้าห้องประชุมหรือออกไปข้างนอกด้วย เธอจึงต้องตั้งใจทำเอกสารให้ดีที่สุดอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยก่อนรุ่นพี่เลขาจะออกเพราะต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวเองนั้น เจ้านายต่อต้านเธอมาก ทว่ากุลนารีก็ก้มหน้าก้มตาทำงานเพียงอย่างเดียว ขณะที่รุ่นพี่บอกกับเจ้านายว่ามั่นใจในตัวเธอเพราะสอนเธอมาเองกับมือ กุลนารีจึงไม่ถูกให้ออก
เธอมีภาระหนี้สินจากทางบ้านรออยู่ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบและยังมีอย่างต่อเนื่อง เธอเป็นลูกคนเดียว การเลี้ยงดูพ่อแม่ติดตัวมานับแต่เราเกิด กุลนารีไม่เคยโทษโชคชะตาของตัวเอง ไม่เคยโทษพ่อแม่ เธอทำเพียงขอให้พวกท่านเพลาๆ มือลงบ้าง แต่นั่นแหละของมันเคยกันอยู่ยากจะหยุดได้
‘มาถึงแล้วเข้ามาได้เลย’
มีข้อความเข้ามาอีกขณะที่เธออยู่บนรถไฟฟ้า หญิงสาวไม่ได้ตอบเช่นเคยเพียงแค่ดูเวลาก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋าตามเดิม
กุลนารีปรากฏตัวหน้าห้องของเจ้านายตนเอง โดยเหลือสิบห้านาทีจะสิบเอ็ดโมง เธอเข้าคอนโดได้เพราะมีคีย์การ์ดสำรองที่เขาให้ไว้และเข้านอกออกในบ่อยจนรปภ.กับแม่บ้านจำหน้าได้ เธอยังเคยถูกแม่บ้านที่เจ้านายจ้างทำความสะอาดเข้าใจว่าเป็นคนรักของเขาด้วยซ้ำแต่ก็บอกไปตามตรงว่าเป็นเลขา
มือบางที่กำลังจะกดกริ่งชะงักเมื่อนึกคำสั่งขึ้นมาได้ ประตูสามารถเปิดได้ทั้งใช้คีย์การ์ดและกดรหัส แม้จะรู้รหัสแต่ในเมื่อมีคีย์การ์ดในมือหญิงสาวก็วางทาบไปทันควัน
เมื่อดันประตูเข้าไป สิ่งแรกที่ปะทะสายตาคือความสลัวรางแม้เป็นเวลากลางวัน ภายในห้องไม่ได้เปิดผ้าม่านและไฟ มีเพียงแสงไฟบางเบาน่าจะเป็นจากประตูห้องนอน ทว่าเพียงก้าวต่อมาก็ต้องชะงักเท้าอยู่กับที่เมื่อปรับประสาทสัมผัสดวงตาได้ดีขึ้น
‘ตาเถร ชีเปลือย!’
ร่างอวบอัดที่เผยแผ่นหลังกับผมยาวสยายหันหลังให้เธอ หากใบหน้าหันมามองเธอแล้วในตอนนี้ และกุลนารีจะไม่ผงะเลยหากอีกฝ่ายไม่ได้นั่งคร่อมร่างใหญ่อยู่บนโซฟาห้องรับแขก!
======