หลังจากวางสายกับพ่อแม่ ลินาก็นั่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ความตื่นเต้นยังเต้นอยู่ในอกเหมือนจังหวะเพลงที่ดังเกินไป เธอหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมา เปิดหน้าจอที่มีโฟลเดอร์ชื่อ Paris Dream โฟลเดอร์ที่เธอสร้างไว้ตั้งแต่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสไปจริง ๆ
ในนั้นเต็มไปด้วยลิงก์เว็บไซต์ บันทึกเรื่องสถานที่น่าเที่ยว แผนที่เมือง ข้อมูลการเดินทาง และภาพถ่ายร้านกาแฟที่เธอใฝ่ฝันจะนั่งจิบช็อกโกแลตร้อน แต่คราวนี้ เธอไม่ได้ดูมันเพื่อฝันอีกต่อไป…เธอดูเพราะอีกไม่กี่วันก็จะได้สัมผัสจริง
ลินาพิมพ์ค้นหาเพิ่มเติม “ชีวิตนักเรียนในปารีส”
ผลการค้นหามีทั้งเรื่องดีและเรื่องที่ทำให้เธอขมวดคิ้ว เช่น ค่าครองชีพที่สูง การต้องเรียนรู้ระบบขนส่ง และอากาศหนาวที่อาจทำให้เธอป่วยได้ถ้าไม่เตรียมเสื้อผ้าดี ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เธอหยุดเลื่อนหน้าจอ คือหัวข้อ “ภาษา คือ กุญแจสำคัญของชีวิตในฝรั่งเศส”
เธอถอนหายใจยาว… ภาษาเป็นสิ่งที่เธอกังวลที่สุด ถึงจะเรียนพื้นฐานมาบ้าง แต่ก็ยังไม่คล่องพอที่จะสนทนาได้ยาว ๆ
“คิดมากอีกแล้วใช่มั้ย” เสียงหนึ่งดังจากประตู ก่อนเพื่อนสนิทอย่าง มิลาน จะโผล่หัวเข้ามาในห้องพร้อมถุงขนมปังฝรั่งเศสที่เพิ่งซื้อมาจากร้านใกล้หอ
มิลานเป็นเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันและเป็นคนแรกที่รู้ว่าลินาได้ทุน เธอยิ้มกว้างแล้วนั่งลงตรงข้าม “เอาน่า ฝรั่งเศสก็ไม่ได้พูดกันยากขนาดนั้น เดี๋ยวฉันสอน”
“สอนอะไร? ฉันรู้แค่ว่า Bonjour แปลว่าสวัสดี” ลินาพูดพลางหัวเราะ
“งั้นเริ่มจากสิ่งจำเป็นที่สุดก่อนการสั่งกาแฟ” มิลานทำหน้าจริงจัง “ถ้าจะอยู่นั่นให้รอด ต้องสั่งเป็นอย่างน้อยวันละแก้ว”
เพื่อนสาวหยิบโทรศัพท์เปิดเสียงตัวอย่าง “Un café, s’il vous plaît.” (อึน กาแฟ ซีล วู เพล)
ลินาทดลองพูดตาม ออกเสียงเพี้ยนจนทั้งคู่หัวเราะลั่นห้อง
“ถ้าสั่งแบบนั้น เดี๋ยวเขาอาจเสิร์ฟกาแฟผสมรอยยิ้มขำให้ฟรี” มิลานแซว
ลินาหัวเราะจนแก้มแดง แต่ในใจเธอเริ่มรู้สึกว่าบางที…มันอาจจะไม่ยากเกินไปถ้าเธอมีคนให้กำลังใจแบบนี้
สองวันถัดมา ลินาเริ่มเก็บกระเป๋า กลางห้องเต็มไปด้วยเสื้อกันหนาวโทนสีอ่อน ผ้าพันคอ ถุงมือ และหมวกไหมพรมที่แม่ถักส่งมาให้เมื่อรู้ว่าลูกสาวจะไปเมืองหนาว
เธอวาง กล้องถ่ายรูปตัวโปรด ลงอย่างระมัดระวัง ตามด้วยสมุดบันทึกปกหนังที่ตั้งใจจะจดทุกความรู้สึกระหว่างอยู่ที่ปารีส
ทุกอย่างถูกจัดอย่างมีระบบ แต่หัวใจของเธอกลับไม่เป็นระเบียบเลย มันเต็มไปด้วยคำถามว่า…จะเหงาไหม จะมีเพื่อนไหม จะคิดถึงบ้านมากแค่ไหน และจะเจออะไรที่เปลี่ยนชีวิตหรือเปล่า
คืนก่อนเดินทาง
ท้องฟ้านอกหน้าต่างเป็นสีหม่น ลินานอนอยู่บนเตียงในความมืด ดวงตาเบิกโพลง แม้จะพยายามหลับแต่ความคิดวิ่งวุ่นไม่หยุด
เธอนึกถึงภาพแม่น้ำแซนที่เคยเห็นในภาพถ่าย เสียงหัวเราะของนักเรียนต่างชาติในบล็อกเล่าเรื่องเรียนต่อ กลิ่นขนมครัวซองต์ในร้านเล็ก ๆ และ…ความเป็นไปได้ที่จะมีใครสักคนเดินเข้ามาในชีวิตโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
แต่ก็อดกลัวไม่ได้ว่าบางอย่างอาจไม่เป็นอย่างฝันฝนตกในวันที่ตั้งใจจะถ่ายรูป หรือตื่นเช้าไปเรียนไม่ทันเพราะหลงทาง
ลินาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมไหล่ สูดลมหายใจลึก พยายามบอกตัวเองว่า “ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง…มันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่”
เธอหลับตาลงพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ในความมืด และหัวใจที่เต้นแรง…ราวกับกำลังนับถอยหลังไปพบปารีสจริง ๆ