สองวันถัดมา…
ญาดารีบตรงไปโรงพยาบาลทันทีหลังเลิกงานเหมือนทุกครั้ง
แต่เมื่อเธอก้าวไปถึงห้องพักผู้ป่วยของแม่
กลับเห็นพยาบาลหญิงวัยกลางคนในชุดยูนิฟอร์มใหม่ นั่งเฝ้าอย่างเรียบร้อย
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ ดิฉันเป็นลูกคนไข้” ญาดาทักขึ้นทันที
พยาบาลลุกขึ้นยิ้มสุภาพ
“คุณญาดาใช่ไหมคะ? ดิฉันถูกว่าจ้างให้ดูแลคุณแม่ของคุณเป็นพิเศษค่ะ ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
ญาดาชะงัก หัวใจสะดุ้งวาบ
“ใคร…เป็นคนว่าจ้างคะ?”
พยาบาลเพียงยิ้ม ไม่ตอบ
เพียงยื่นเอกสารสัญญาการดูแลให้เธอไม่มีชื่อผู้ว่าจ้างระบุ มีเพียงโลโก้บริษัทดูแลผู้ป่วยเอกชนระดับสูง
ญาดาหยิบขึ้นมาอ่าน ลมหายใจสะดุดอีกครั้ง
เพราะท้ายเอกสารมีหมายเหตุสั้น ๆ ตัวอักษรเดียว
V.H.
หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา
ในจังหวะเดียวกัน โทรศัพท์มือถือสั่นขึ้นเบา ๆ
อีเมลใหม่ปรากฏบนหน้าจอ
From: Dinner for One
เรื่อง: การนัดหมายครั้งถัดไป
เวลา 20:00 น. / LUNA Tower / ชั้นสูงสุด
ญาดากำโทรศัพท์ไว้แน่น
เธอรู้แล้วนี่ไม่ใช่การบังเอิญ ไม่ใช่เพียงเกมที่เล่นเพื่อความหรูหราชั่วคืน
“เขา…จัดการทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตจริงของฉัน”
เธอกัดริมฝีปากแน่น มองแม่ที่หลับสนิทอยู่บนเตียง
ความโล่งใจที่มีคนดูแลเพิ่มเติมปนกับความสั่นไหวในอก
โล่งใจ…แต่ก็หวาดหวั่น
เพราะรู้ดีว่าทุกสิ่งนี้มีราคาที่เธอต้องจ่าย
และราคานั้น…คือการก้าวเข้าสู่เกมดินเนอร์อีกครั้ง
ห้องกระจกบนชั้นสูงสุดของ LUNA Tower
โต๊ะเล็กสำหรับสองคนถูกจัดไว้อย่างเรียบหรู
เทียนเล่มยาวสองแท่งส่องประกายพริ้วไหวเหนือแก้วไวน์สีแดง
ญาดาก้าวเข้ามาช้า ๆ
หัวใจยังสั่นไหวไม่ต่างจากครั้งแรก แต่ครั้งนี้ต่างออกไป
เพราะเธอไม่อาจปฏิเสธได้แล้วว่า ผู้ชายที่รออยู่ตรงนี้ กำลังซ้อนทับเข้ามาในชีวิตจริงของเธอ
เวหาลุกขึ้นต้อนรับ ร่างสูงในสูทสีดำขับกับบรรยากาศรอบตัว
เขาเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ แต่สายตาที่จ้องเธอ…กลับแน่นิ่งจนเธอแทบลืมหายใจ
“คืนนี้คุณมาสาย”
เสียงทุ้มเรียบ แต่แฝงแววรู้ทันบางอย่าง
ญาดาชะงักเล็กน้อย ก่อนตอบเบา ๆ
“มีธุระที่โรงพยาบาลค่ะ”
เวหาไม่ถามต่อเพียงยกแก้วไวน์ขึ้น หมุนช้า ๆ
สายตาคมยังตรึงอยู่กับเธอไม่วาง ราวกับเขารู้หมดแล้วว่าเธอเพิ่งผ่านอะไรมาบ้าง
ญาดาหลบตา รีบยกแก้วขึ้นจิบเพื่อกลบเกลื่อน
แต่หัวใจกลับยิ่งเต้นแรง…
เพราะในแววตาเขา ไม่ได้มีแค่ความลึกลับ
แต่ยังมีบางอย่างที่เหมือน การรับรู้ทุกความลับของเธอ
แสงเทียนที่สั่นไหวสะท้อนบนแก้วไวน์
บรรยากาศในห้องกระจกเงียบเกินไป
จนญาดาได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจของตัวเอง
เวหานั่งตรงข้าม
ไม่พูด ไม่ถาม ไม่เร่งรัด
เพียงแค่นั่งมองเธอ…สายตาคมกริบที่ไม่ยอมหลบ
ญาดาพยายามยกส้อมขึ้น แต่มือกลับสั่นเล็กน้อย
เธอจิ้มอาหารตรงหน้า แต่กลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารสชาติเป็นอย่างไร
เพราะสายตาของเขายังคงกดดันอยู่ตลอดเวลา
เธอทนอยู่ได้ไม่กี่วินาที
สุดท้ายต้องก้มหน้าลง หลุบตาหลบจากการจ้องตรง ๆ นั้น
ปลายนิ้วกำส้อมแน่นราวกับหาที่ยึด
เวหายกคิ้วเล็กน้อย มุมปากโค้งขึ้นน้อย ๆ
ไม่ใช่รอยยิ้มอ่อนโยน แต่เป็นรอยยิ้มของคนที่ “รู้” ว่าอีกฝ่ายเริ่มพ่ายแพ้ในเกมเงียบ
เขาวางแก้วไวน์ลงเบา ๆ เสียง กริ๊ก ดังสะท้อน
ก่อนเอ่ยช้า ๆ น้ำเสียงทุ้มลึก
“คุณรู้หรือเปล่า ว่าสายตาคุณ…มันบอกอะไรกับผม”
ญาดาเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าตอบ
เธอรู้เพียงว่าใจเธอกำลังเต้นแรงจนแทบระเบิด
เวหาก้มตัวเล็กน้อย สายตายังตรึงอยู่ที่เธอ
“มันบอกว่าคุณกำลังหนี…แต่หนีไม่พ้น”
คำพูดของเวหายังคงลอยอ้อยอิ่งในอากาศ
“มันบอกว่าคุณกำลังหนี…แต่หนีไม่พ้น”
ญาดากัดริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นโครมคราม
เธอพยายามควบคุมสีหน้า ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเพื่อบังความสั่นไหว
แต่กลับรู้สึกได้ชัดมือของเธอสั่นจนแก้วแทบจะกระทบฟัน
เวหามองทุกการเคลื่อนไหวนั้นนิ่ง ๆ
ก่อนจะวางผ้าเช็ดปากลง ลุกขึ้นช้า ๆ
เก้าอี้หนังหรูเลื่อนออกเสียงเบา ๆ แต่กลับสะท้อนก้องในห้องเงียบ
ญาดาชะงัก สบตาเขาเพียงเสี้ยววินาทีแล้วรีบหลบ
แต่ไม่ทันแล้ว…เวหาก้าวเข้ามาหา ก้าวยาวและมั่นคง
จนเธอรู้สึกว่าทุกอณูอากาศถูกกลืนไปกับเงาของเขา
ร่างสูงหยุดอยู่ข้างเก้าอี้เธอ
สายตาคมกริบกดลงมาจนเธอต้องหลุบตาต่ำ
มือใหญ่เอื้อมมาวางเบา ๆ บนพนักเก้าอี้ด้านหลังเธอ
ท่าทางเหมือนกักพื้นที่โดยไม่แตะต้องร่างกาย
“ญาดา…” เขาเอ่ยชื่อเธอเบา ๆ เป็นครั้งแรกในค่ำคืนนี้
เสียงทุ้มต่ำใกล้หูจนเธอสะดุ้งเธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ
แสงเทียนสะท้อนบนดวงตาคมคู่นั้น…ที่จ้องเธอแน่นิ่งเหมือนจะอ่านทะลุใจ
ลมหายใจเธอสะดุดวูบ
ทั้งโต๊ะ ทั้งห้อง ตอนนี้เหมือนเหลือเพียงเขากับเธอ
เวหาก้มลงใกล้ช้า ๆ
แขนแข็งแรงยังวางพาดพนักเก้าอี้ กักเธอไว้ในวงแขนโดยไม่ต้องสัมผัสตรง ๆ
กลิ่นน้ำหอมอุ่นเข้มลอยมาแตะจมูก…กลิ่นเดียวกับคืนนั้น
“ทำไมไม่กล้าสบตาผม”
เสียงเขาทุ้มต่ำ กระซิบใกล้หูญาดากัดริมฝีปากแน่น
หัวใจเต้นแรงจนเจ็บอก แต่เธอพยายามตอบเสียงสั่น
“เพราะ…สายตาคุณมันทำให้ฉันหายใจไม่ออก”
เวหายกคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากโค้งขึ้นช้า ๆ
“งั้นก็อย่าหนี”
สิ้นคำ ร่างสูงโน้มเข้ามา
ริมฝีปากแข็งแรงกดลงบนริมฝีปากเธออย่างมั่นคง
ไม่รุนแรง…แต่ลึกซึ้งจนเธออ่อนระทวยในวินาทีเดียว
ส้อมที่เธอถืออยู่ร่วงลงบนจาน เสียง กริ๊ง ก้องสะท้อนในความเงียบ
มือเธอสั่นไหว ยกขึ้นเกาะสูทเขาไว้แน่น
ร่างกายตอบสนองต่อสัมผัสนั้นอย่างไม่ทันคิด
เวหากดจูบหนักขึ้นเล็กน้อย
แผ่วลึก แต่วาบหวามราวกับจะดูดวิญญาณเธอไปทั้งดวง
จนญาดาหลับตาลง ปล่อยให้ความสั่นสะท้านแล่นไปทั่วร่าง
เขาผละออกเพียงเสี้ยววินาที
สายตาคมยังตรึงแน่นอยู่ที่ใบหน้าแดงซ่านของเธอ
เสียงทุ้มเอ่ยต่ำใกล้ริมฝีปากที่ยังสั่นไหว
“ผมบอกแล้ว…คุณหนีไม่พ้น”
เสียงหัวใจเธอยังดังสะท้อนในอก
ริมฝีปากที่เพิ่งถูกช่วงชิงยังร้อนวาบ
ญาดานั่งนิ่ง หายใจไม่เป็นจังหวะ
เวหามองเธอไม่วางตา
ก่อนจะยื่นมือออกมาช้า ๆ จับข้อมือเรียวแล้วดึงให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้
ร่างบางเซถลาเข้าหาอกกว้างอย่างไม่ทันตั้งตัว
แขนแข็งแรงโอบรัดแน่น
ใบหน้าคมโน้มลงชิด เสียงทุ้มกระซิบใกล้ข้างหู
“ผมไม่เคยปล่อยสิ่งที่ผมเลือก…และคุณรู้ดีว่าคุณถูกเลือกแล้ว”
ญาดาหลับตาแน่น
หัวใจสั่นไหวระคนสับสน โล่งใจเพราะแม่มีคนดูแล แต่ก็หวาดหวั่นกับอำนาจที่กำลังกักเธอไว้
ปลายนิ้วเธอสั่น ยกขึ้นเกาะแขนเขาเบา ๆ ไม่รู้ว่าคือแรงต้าน หรือการยอมจำนน
เวหากดจูบสั้น ๆ อีกครั้งที่ขมับ
ก่อนจะคลายอ้อมแขนอย่างช้า ๆ
ร่างสูงหันกลับไปนั่งลงที่เก้าอี้ของตนเอง ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
สายตาคมเพียงกวาดมองเธออย่างมั่นคง
“นั่งลงสิ ดินเนอร์ของเรายังไม่จบ”
เขาเอ่ยเรียบ ๆ น้ำเสียงไม่เปิดช่องปฏิเสธ
ญาดากัดริมฝีปากแน่น หัวใจยังสั่นสะท้าน
เธอก้าวกลับไปนั่งตามคำสั่ง
แต่รู้ดีว่า…ตั้งแต่วินาทีนั้นไป เธอไม่ได้เป็นแค่แขกในเกมนี้อีกแล้ว
เธอคือคนที่กำลังถูกคุม…โดยชายที่ชื่อเวหา