คุกมืดซึ่งตั้งอยู่ในค่ายทหารหน้าด่านต้าไห่มีสภาพไม่ต่างจากหลุมศพขนาดมหึมาเท่าใด
กลิ่นสาบสางที่โชยคลุ้งตลอดเวลานั้น บ่งบอกได้ดีว่ามันคือสถานที่สังเวยชีวิตของข้าศึกและเชลยมานับไม่ถ้วน
ภายใต้กรงเหล็กล้อมรอบรายทางมีเสียงโหยหวนจากการลงทัณฑ์นักโทษดังลั่นทั่วบริเวณ
ท่ามกลางกลิ่นอายอันน่าสะอิดสะเอียดเหล่านั้น ฝ่าเท้าในรองเท้าปักดิ้นทองพาเรือนกายสูงค่าเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
แม้ใบหน้าของพระองค์บิดเบี้ยวเหยเกสูญเสียความงามสง่าไปหลายส่วนเพราะเหม็นกลิ่นคาว แต่ความตื่นเต้นในทรวงอกกลับมามากกว่าจนมิแยแสความสกปรกโสโครกของสถานที่แห่งนี้
พระองค์ไม่เคยคิดเหยียบย่างมาเลยสักครั้ง หากมิใช่เพราะต้องการยลโฉมพญายมราชจากแคว้นเยี่ยเป่ยผู้นั้น ย่อมไม่ลดตัวลงมาสัมผัสกลิ่นอายอันโสมมต่ำตมของที่นี่
ครั้งนี้คือครั้งแรกและคาดว่าคงเป็นแค่ครั้งเดียว ไม่ว่าการเจรจาแกมข่มขู่จะเป็นผลหรือไม่ก็ตาม
เมื่อองค์ชายใหญ่แห่งต้าไห่ปรากฏกาย เหล่าทหารรีบค้อมกายกันอย่างลนลานด้วยมิเคยพบพานเชื้อพระวงศ์ หากมิใช่แม่ทัพเป็นคนหันมากระซิบบอกกล่าว เกรงว่าคนคงอาญามิพ้นเกล้าแล้ว
“ถ่ะ ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ” แต่ละคนตื่นตระหนก สุ้มเสียงติดขัดยิ่งนัก
เหรินจงไม่สนใจ เพียงโบกมือปัดรำคาญ
“อยู่ที่ใด?”
“ทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ประตูเหล็กถูกปลดสลักและเปิดออกช้าๆ ค่อยๆ เผยกลิ่นอายแปลกประหลาดออกมา
แม้ยังไม่ทันได้เจอหน้าสบสายตาแต่กลับรับรู้ได้ถึงกระไอสังหารอันเข้มข้นทะลุทะลวงจนแสบเคืองโพรงจมูก
เหรินจงถึงกับต้องกลั้นหายใจเดินเข้าไปอย่างระแวดระวัง กระทั่งได้เห็นห้องขังหนึ่งคล้ายมีสัตว์ป่าดุร้ายถูกมัดตรึงเอาไว้ คนผู้นี้ทั้งตัวใหญ่และน่าเกรงขาม ประดุจเจ้าป่าตั้งแต่บรรพกาลที่ความน่ากลัวถูกกล่าวขานมาช้านาน
ครั้นมองอีกทีจึงเห็นเป็นบุรุษตัวโตผมเผ้าปิดหน้า เปลือยกายท่อนบนยืนถมึงทึงอยู่กลางห้องอย่างโดดเดี่ยว
ทว่าน่าหวาดกลัวอย่างประหลาด
แม้อีกฝ่ายอยู่อาการสงบนิ่งเงียบงัน แต่รอบกายนั้นกลับอึมครึม รอบด้านแผ่ซ่านกลิ่นอายมืดดำเย็นเยือกเหมือนน้ำแข็งอันธการ
พระองค์หรี่ตาเพ่งมอง เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายรำไรผ่านเส้นผมยาวสยายที่ปรกใบหน้า
“คงไม่ผิดตัวกระมัง?” พระองค์ถามกุนซือข้างกาย
กุนซือรีบหันไปถามแม่ทัพที่ยืนอยู่อีกฝั่ง “ใช่หรือ?”
แม่ทัพผู้นั้นพยักหน้าหนักแน่นที่สุดในชีวิต “ใช่!”
ทว่าไม่นาน องค์ชายใหญ่ก็ทรงค้นพบได้ด้วยตนเอง
เมื่อคนตรงหน้าค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมกล้าที่มองมาคมกริบราวคมกริชทะลวงใจกระนั้น มีความกลัวเกรงต่อทัณฑ์ทรมานที่กำลังเผชิญเสียที่ไหนกัน
เหรินจงสะดุ้งเฮือกอย่างมิอาจควบคุม
ย่อมไม่ผิดตัวแน่นอน!
แต่ทว่า...น่ากลัวออกปานนี้ ไฉนถึงมีใบหน้างดงามเฉกสตรีกันเล่า?
บุรุษผู้นี้เรียกว่าฟ้าประทานโดยแท้ แม้รูปลักษณ์มิใช่ หากแต่กลิ่นอายเฉพาะกาย อีกทั้งบรรยากาศที่กดทับผู้คนจนรู้สึกหายใจไม่ออกนี้ แม้แต่ผู้เปี่ยมบารมีกุมอำนาจสูงส่งแห่งต้าไห่ที่ไม่เคยมีผู้ใดข่มขวัญพระองค์ให้รู้สึกยำเกรงได้ ยังสัมผัสถึงอย่างลึกล้ำจนเผลอหวาดหวั่นอย่างมิอาจควบคุม
ในห้องมืดแห่งนี้มีไว้เฉพาะขังเดี่ยวนักโทษอันตราย และยังคงมีกรงเหล็กไหลอีกชั้น กระนั้นผู้ถูกควบคุมตัวกักขังยังต้องถูกโซ่ตรวนตรึงร่างกายไว้อย่างแน่นหนา ทั้งแขนซ้ายและแขนขวา รวมถึงข้อเท้าทั้งสองข้าง โซ่ที่รั้งร่างทั้งร่างนี้ทำจากแร่เหล็กไหลชั้นเลิศ ไม่มีทางขาดโดยง่าย
เหรินจงค่อยๆ ขยับเท้าเดินเข้ามาถึงกรงเหล็กชั้นใน ระยะสายตาลุ่มลึกของพระองค์พลันเห็นบุรุษร่างใหญ่ยืนอยู่
คนผู้นี้แม้ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล แต่ดวงตากลับนิ่งสงบ สองแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามถูกพันธนาการยากหลุดพ้น สองเท้าถูกมัดแน่นด้วยโซ่เส้นใหญ่ เลือดสดๆ หลั่งไหลจากเนื้อหนังไม่หยุด เนื่องจากผู้ลงทัณฑ์ยังคงลงแส้ฟาดใส่ไม่ยั้ง
ทว่าคนถูกแส้กระหน่ำกลับยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย คงความเงียบงันอันดุดัน ท่วงท่าที่สุขุมเยือกเย็นเช่นนี้สามารถสงบสยบทุกความเคลื่อนไหวได้ชะงัด
แววตาราบเรียบแต่คมกริบเจือกระแสสังหารคู่นั้น มีแต่ความเย็นเยียบขั้นสุด
ทั่วทั้งตัวที่เปื้อนโลหิตสีแดงฉานนั้นแผ่ซ่านกลิ่นอายเยี่ยงจอมมาร แลดูน่าเกรงขามชวนขนลุกอย่างยิ่ง
เขาผู้นี้คือผู้กุมอำนาจนักรบหน่วยพิเศษของเยี่ยเป่ย
หวงหมิง....
ไม่ผิดแน่! ดูมัดกล้ามที่แขนนั่นปะไร
แผงอกที่ใหญ่และหนาดั่งผนังหินผา ลำตัวทั้งบึกบึนทั้งสูงโตดุจหมีป่าที่ว่ากันว่าทนทานต่ออาวุธทุกชนิด
ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริง!
มุมปากเหรินจงค่อยๆ ยกโค้ง เกิดเป็นรอยยิ้มหยันแกมชิงชัง
เนตรมังกรที่เจ้าเล่ห์ไล่สำรวจทั่วเนื้อตัวของอีกฝ่ายอย่างพึงพอใจ
องค์ชายใหญ่เดินไปคลึงแหวนหยกที่นิ้วโป้งไปอย่างสบายอารมณ์ ก่อนถอนหายใจแล้วสั่ง
“หยุดมือ!”
เมื่อเสียงลงแส้เงียบหาย เหรินจงค่อยเอ่ยเสียงเนิบ “ยินดีต้อนรับสู่ต้าไห่ ข้ารู้ว่าเจ้าอุตส่าห์มาเยือนถึงที่นี่ ล้วนเป็นเพราะต้องการช่วยเหลือรัชทายาทเยี่ยเป่ยออกไป” ยามเอ่ยเนตรมังกรเผยความเจ้าเล่ห์ออกมา มองคลับคล้ายดวงตาของจิ้งจอกอย่างไรอย่างนั้น “หากเจ้ายอมบอกความลับของเยี่ยเป่ย และแหล่งขุมทรัพย์ทั้งหมดแก่ข้า ข้ายินดีปล่อยรัชทายาทกลับไป ส่วนตัวเจ้าก็เลือกเอาว่าจะอยู่ที่นี่และมีชีวิตที่ดีต่อไปหรือตกตายกลายเป็นศพ”
บอกแหล่งขุมทรัพย์และแร่ทองคำทั้งหมดที่เยี่ยเป่ยครอบครองเอาไว้จนกลายเป็นแคว้นมหาอำนาจจนทุกวันนี้เพื่อแลกกับชีวิตรัชทายาทและความภักดีของหวงหมิง
สิ้นคำของเหรินจงเนิ่นนานยังคงมิได้รับคำตอบใดจากบุรุษสูงใหญ่ตรงหน้า มีเพียงความเงียบสงัดดุจสุสาน แผ่ซ่านกลิ่นอายเย็นยะเยือกจนผู้คนหนาวสั่น
ดวงตาดุดันคมกริบของหวงหมิงสบเนตรมังกรนิ่ง มุมปากที่มีเลือดสีแดงเกรอะกรังเพียงยกขึ้นอย่างเชื่องช้า เกิดเป็นรอยยิ้มอันเยือกเย็น
ทหารที่คุมเชิงให้นายเหนือหัวให้รู้สึกเสมือนกำลังยืนบนน้ำแข็งใต้ธาราฉับพลัน หนาวเหน็บน่าพรั่นพรึงปานนั้น
ในขณะที่เหรินจงให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังประจันหน้ากับเสือโคร่งตัวเขื่อง ไม่สิ! อีกฝ่ายเหมือนพญาราชสีห์ที่จ้องเขมือบนายพรานมากกว่า ไออำมหิตสังหารที่กำจายออกมามากมายปานนั้น ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
หวงหมิงมีใบหน้างดงามเฉกสตรีก็จริงทว่ากลับมีความสง่างามยิ่งกว่าบุรุษใด ความงามอันมีเสน่ห์เย้ายวนนั้นถูกความแข็งแกร่งไร้เทียมทานบดบังจนสิ้น ความหล่อเหลายิ่งถูกความโหดเหี้ยมไร้ปราณีปกปิดจนมิด
ข่าวว่าอีกฝ่ายทั้งอำมหิตและเลือดเย็น เป็นนักรบเหนือนักรบอย่างแท้จริง
หากได้ครอบครองเทพมรณะผู้นี้จะดีสักเพียงใด
เหรินจงได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
หากหวงหมิงยอมหันมาภักดีต่อเขา คนคงกลายเป็นพยัคฆ์ติดปีกไม่มีทางพ่ายต่อผู้ใด แต่เนื่องจากเขามั่นใจว่ายมราชหวงหมิงไม่มีทางแปรพักตร์แน่นอน
ทว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว...
แค่จับตัวอีกฝ่ายมาได้ก็เกินพอ
ขอเพียงกักขังหวงหมิงไว้ในกำมือ กลิ่นอายมัจจุราชย่อมขับไล่ภูตผีปีศาจมิให้กล้ำกลาย ผลพลอยได้ก็คือชัยชนะมิสิ้นสุด นอกจากได้กุมอำนาจต้าไห่แม้แต่ฮ่องเต้ยังกลัวเกรง ยังอาจได้ครองดินแดนเยี่ยเป่ย
ความฝันดำมืดย่อมสว่างเจิดจรัสเปิดทางแจ่มชัด มิใช่แค่รำไรเหมือนที่ผ่านมา
ความเชื่อเรื่องปีศาจเทพมารและตำนานเรื่องภูตผี มีมาช้านาน
การบูชาสิ่งศักดิ์และนับถือลัทธิต่างๆ ยังคงผูกจิตใจ ไม่ว่าต้าไห่หรือเยี่ยเป่ยล้วนมีสิ่งที่ประหวั่นพรั่นพรึงเดียวกัน มีสิ่งที่เคารพนับถือและมีความเชื่อเดียวกัน
นั่นก็คือสิ่งชั่วร้ายย่อมขับไล่ด้วยสิ่งชั่วร้าย
กลิ่นอายอัปมงคลล้วนต้องพ่ายให้แก่ผู้มีกลิ่นอายพญายมราชเช่นหวงหมิง
บุรุษผู้นี้คือคนที่ผู้สูงส่งหยั่งรู้ฟ้าดินซึ่งบำเพ็ญตบะบนหุบเขาเหลื่อมเมฆาบอกกล่าวเองว่าเป็นอีเสิน[1]มาจุติ
สำหรับเหรินจง เขามีทุกอย่าง ทหารคุ้มกันมากมาย มีองครักษ์ทั้งด้านซ้ายด้านขวา ตำแหน่งองค์ชายใหญ่สูงศักดิ์ แต่ที่เขายังขาดแคลนคือจอมเพชฌฆาตตายยากที่คอยรับดาบแทนได้ทุกสถานการณ์และจอมมารคอยขับไล่สิ่งชั่วร้าย ผู้ซึ่งปกปักษ์พิทักษ์เขาด้วยพลังชีวิตที่นรกประทาน
และก่อนที่เหรินจงจะทรงรู้สึกถึงขั้นที่ว่ากำลังถูกพยัคฆ์ร้ายเข้ามากัดคอแล้วกระชากลากถูไปขย้ำเล่น พระองค์จึงออกคำสั่งเสียงเข้ม “ไปพาตัวรัชทายาทออกมา ลองดูสิว่าหวงหมิงจะทนเห็นองค์เหนือหัวถูกทรมานได้นานหรือไม่?”
สีหน้าที่สงบและเยือกเย็นของหวงหมิงพลันเข้มขึ้น คิ้วคมขมวดเล็กน้อย ใบหน้าคมคายขรึมลงตามสัญชาตญาณ สายตาคมปลาบทอแสงวูบหนึ่ง
เหรินจงเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มสาสมใจ
การจับรัชทายาทเยี่ยเป่ยมาได้มีประโยชน์มากจริงๆ
ดูเถิด! ยามนี้ เจ้าภูผาน้ำแข็งแซ่หวงผู้หยิ่งยโสเย็นชายังมีปฏิกิริยาแล้ว
[1]***มหาเทพปีศาจหรือพญามัจจุราช (เทพเจ้าแห่งนรกและความตาย)