บทที่ 9 ความจริง

1458 คำ
“ฉันไม่เคยคิดเลยนะ ว่าจะเป็นเธอ และเป็นเธอมาตลอด” เสียงเย็นจากคนร่างหนาพูดขึ้น หลังจากที่สังเกตุการณ์อยู่นาน สายตาที่มองไปยังคนตรงหน้าทั้งเจ็บปวด เสียใจและผิดหวัง “เอ่อ.. อะ อะไรเหรอคะ” เสียงตอบกลับจากคนถูกพบ ตอบกลับเสียงกระตุกๆ พยายามปรับเสียงให้นิ่งแล้ว แต่ดูเหมือนจะได้แค่นี้ “ยิ่งฉันพยายามหาข้อมูล เพื่อให้เธอไม่ผิด แต่สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็ชี้มาที่เธอ ฉันไม่ดีกับเธอเหรอ เธอถึงต้องทำขนาดนี้…เมลิสซา” เสียงเย็นพูดความในใจยาวเหยียด เพราะเธอแทบไม่เชื่อเลยว่าน้องสาวตัวเอง ที่เธอไว้ใจ พอๆกับฟาเอลกลับทำอะไรแบบนี้ “ทะ ทำอะไรคะ พี่ฟาเดีย มะ เมลแค่มาตรวจพื้นที่ หะ เห็นว่าคุณมีนาวางยาคุณหนู เมลมาหาหลักฐานค่ะ” เสียงหวานทำหน้าใสซื่อ ตอบกลับคนตรงหน้าไปแต่น้ำเสียงยังคงติดขัดอยู่ “เธอจะยอมรับเอง หรือให้ฉันเปิดหลักฐาน รู้ใช่มั้ยว่าถ้าฉันเปิดหลักฐาน เธอจะไม่มีสิทธิ์พูดมันอีกต่อไป แม้จะเอ่ยปากยอมรับในตอนนั้น ก็ไม่ทันแล้วนะ..” น้ำเสียงฟาเดียฟังดูเหมือนเครื่องจักรไร้วิญญาณ “อะ เอะ พี่พูดอะไรคะ เมลแค่มาหาหลักฐานจริงๆค่ะ” ร่างบางตรงหน้ายังคงแสดงสีหน้าที่ตกใจ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะใสซื่อ แต่ตอนนี้ฟาเดียไม่มองเป็นแบบนั้นอีกต่อไป การแสดงออกของร่างบางตรงหน้า ทุกอย่างมันคือความเสแสร้ง แกล้งทำทั้งหมด “จับมัน ไปขังรอการลงโทษ ในโทษสูงสุดของตระกูล ไม่มีคำว่าแต่!!!” ฟาเดียตระโกนเสียงสั่งการดังด้วยความโกรธ พร้อมมองไปที่ร่างบาง ที่กำลังถูกคุมตัวด้วยความเย็นชา เธอไม่อยากยอมรับแต่นี่คือความจริง “เธอจะปลอมตัว เนียนเป็นคนในตระกูลแบบตอนนั้นไม่ได้แล้วนะ…เพราะครั้งนี้ ฉันตั้งใจจับเธอ” เสียงเย็นพูดกับร่างบางที่มีท่าทางขัดขืนตะโกนว่าตัวเองไม่ผิด แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้เข้าไป ทำให้เธอนิ่งไปทันที ก่อนจะเผยรอยยิ้มแบบคนที่ไร้สติออกมา “ฮ่าๆๆ รู้แล้วหรอเนี่ย โง่กันมาตั้งนาน” เสียงพูดและเสียงหัวเราะเหมือนคนสติไม่ดี ร่างจริงของน้องสาวที่ทุกคนให้การดูแล ได้เผยออกมา “ฉันโง่จริงๆแหละ ที่มองความเสแสร้งของเธอไม่ออก แต่ก็ต้องขอบใจเธอนะ ที่ลงมือบ่อย จนฉันสืบได้” ฟาเดียพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น เหมือนคนที่หมดทุกอย่างแล้วจริงๆ “พวกมึงมันต้องตายกันให้หมด ไอ้พวกลูกเมียหลวง พวกมึงทำให้แม่ต้องตีกู พวกมึงต้องตายทั้งเป็น แบบที่กูเป็น ตาย!!!” ก่อนที่ร่างบางจะโดนลากตัวไป ก็ตะโกนไล่หลังฟาเดียมา นั่นทำให้ฟาเดียรู้แล้วว่า ทำไมเมลถึงใจร้าย เพราะแม่เมลไม่รู้จักพอ . . . เรื่องราวดูเหมือนจะจบลง ฟาเดียจับคนที่ลอบทำร้ายอลิซได้แล้ว ความรู้สึกผิดในใจก็ดูจะลดลง แต่ก็ยังคงมีกำแพงบางอย่างอยู่ แบบนี้เมลจะโดนอะไรบ้าง แล้วแม่เมลล่ะ อลิซคิดในใจ ขณะที่นั่งเฝ้ามีนาอยู่ เพราะเธอเข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกกดดัน แต่ของเธอโชคดีกว่า เพราะมันเป็นสิ่งที่ ทุกคนมองอยู่แล้ว เธอไม่ต้องทำอะไรมากเลย แค่ทำตามที่คนอื่นมอง สำหรับเมล การที่ถูกแม่ตบตีประจำ กดดันให้เธอต้องทำร้ายพี่สาวตัวเองที่ดีกับเธอมาตลอด และเฝ้าบอกเสมอว่าพี่ของเธอเป็นคนไม่ดี เพราะแย่งทุกอย่างของตัวเองไป กดดันจนเมลเลือกที่จะทำร้ายคนอื่น เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกทำร้าย เพราะถ้าเธอทำให้ฟาเดียเสียหาย พ่อของอลิซก็จะไม่ไว้ใจ รวมถึงพ่อของฟาเดียก็จะไม่ไว้ใจฟาเดียด้วยเช่นกัน การทำให้ความเชื่อมั่นของคนในตระกูลสั่นครอน ไม่เชื่อมั่นในตัวฟาเดีย มันจะทำให้ฟาเดียหลุดจากตำแหน่งหัวหน้าตระกูลคนต่อไป และฟาเอลที่ปกติไม่สนใจมันอยู่แล้ว คอยปฎิเสธเสมอจึงถูกตัดไป เลยจะเหลือแค่เมล ที่จะเหมาะสม แต่ทุกอย่างก็ผิดคาดหลังจากเหตุการณ์วันนั้น เมื่อ 10 ปีก่อน ฟาเดียเป็นคนขอไม่รับตำแหน่ง ขอมาเป็นบอดิการ์ดให้อลิซ เพราะรู้สึกผิด ที่ปกป้องได้ไม่ดีพอ แต่พ่อฟาเดียก็ไม่ยอมถอนตำแหน่งให้ รอวันที่ฟาเดียพร้อม จนสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครได้เป็นผู้สืบทอด นอกจากฟาเดีย ความแค้นนี้จากแม่ของเมลก็มาลงที่เมล ให้เมลคอยลอบทำร้ายอลิซ เพื่อให้พ่อของฟาเดีย และพ่อของอลิซ เริ่มไม่ไว้ใจในฝีมือฟาเดีย แต่ในจังหวะที่ฟาเดียอยู่ ไม่มีช่องโหว่เลย เมลจึงทำได้แค่ตอนที่ฟาเดียไม่อยู่ แม้จะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่เป็นการกระตุ้นอาการแพนิกของอลิซได้ดีเลย อลิซเหม่อลอยคิดถึงเรื่องที่มิราเล่ามารวมกับเหตุการ์ณต่างๆ มันก็เหมาะเจาะพอดี เธอแค่เคยสงสัย แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นจริง เรื่องความอิจฉาในวงตระกูล ดูน่ากลัวจริงๆ “คุณอลิซไม่ต้องกังวลนะคะ คุณมีนาฟื้นตัวได้ดีค่ะ ดีที่ทานไปไม่เยอะ เลยไม่เป็นอะไรมาก” เสียงคุณหมอที่ดูอาการให้มีนาดังขึ้น ทำลายความเหม่อลอยของอลิซ “ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณหมอ” หญิงสาวตอบกลับอย่างสุภาพ “ยินดีค่ะ ยังไงขอตัวก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรเรียกได้เลย” หมอสาวพูดจบ ก็เดินออกไป สวนทางกับหมอสาวอีกคน ในชุดหน่วยแพทย์ห้องฉุกเฉิน “สวัสดีค่ะ คุณอลิซ” หมอสาวที่เข้ามาใหม่ทักทายหญิงสาวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “อ้าว คุณหมอลลิน มาได้ไงคะเนี้ย” เสียงตอบกลับอลิซหวานจนถ้าฟาเดียได้ยิน คงวิ่งไปต่อยกับหมอ “มีพี่พยาบาลมาแจ้งว่า เห็นคุณอลิซมาที่นี่ คิดว่าไปเจออะไรมาอีกแล้ว เลยรีบมาดู” หมอลลินตอบกลับด้วยท่าทางที่เป็นห่วง หมอลลิน เป็นเหมือนหมอประจำตัวอลิซไปแล้ว เพราะอลิซเกิดอุบัติเหตุบ่อย เลยได้เข้าห้องฉุกเฉินบ่อย ทำให้เจอหมอลลินบ่อย จนสนิทกัน และดูท่าทางหมอจะดูมีใจให้อลิซ ไม่มากก็น้อย “อลิซไม่ได้อยากมา บ่อยๆสักหน่อย แต่รอบนี้คนที่เจอแทนอลิซ เป็นเลขาของอลิซเอง คนที่อยู่รอบตัวอลิซล้วนเจ็บตัวเพราะอลิซ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกำลังร้องไห้ หมอลลินเห็นแบบนั้นก็เลยเข้าไปปลอบใจเธอ อลิซไว้ใจหมอลลินมากพอสมควร เพราะเจอหมอทุกครั้งก็ไม่ทำให้เธออึดอัดเลย ถ้าอยากให้ปลอบเธอก็ทำได้ดีเลย อลิซเลยมองหมอลลินเหมือนคนสนิท หมอลลินสวมกอดอลิซด้วยความอ่อนโยน การกอดถือเป็นการปลอบโยนที่ดี เธอไม่ถามอะไรอลิซเลย ถ้าอลิซไม่พูด แววตาของอลิซที่ดูเหมือนจะกลัวอะไรบางอย่างมันได้หายไปแล้ว แต่กลับมีความกังวลเข้ามาแทน “ไม่เป็นไรนะ เราอยู่ตรงนี้ เรื่องบางเรื่องมันกำหนดไม่ได้ เหตุการณ์บางอย่างก็ไม่สามารถรู้ได้ล่วงหน้า ถ้าคุณรู้ คุณก็ไม่อยากให้มันเกิดกับใครหรอก จริงมั้ย?” คำปลอบโยนของหมอลลินทำให้อลิซปล่อยโฮออกมา พยักหน้ารับสิ่งที่หมอลลินบอก แต่ที่ร้องเพราะมันอึดอัด และผ่อนคลายไปด้วย เธอดีใจที่เจอคนที่ลอบทำร้ายแล้ว แต่ก็ยังคงกังวล แล้วจะเป็นยังไงต่อไป ถ้าไม่มีคนมาทำร้ายแล้ว ฟาเดียยังจะเป็นบอดิการ์ดให้เธออยู่ไหม ความคิดต่างๆรวมกันจนเก็บไว้ไม่ไหว ซบหน้าลงที่ไหล่ของหมอลลินอย่างคนหาที่พึ่ง เหตุการณ์นี้ถูกฟาเดียมองอยู่ตั้งแต่เริ่มสนทนา ความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้น รู้สึกหวงที่อลิซกอดกับคนอื่น แต่พอมองอีกที ทั้งสองดูเหมาะสมกันมาก คนหนึ่งก็นักธุรกิจสาวสวย อีกคนก็คุณหมอน่ารักสุดเพอร์เฟค ทั้งคู่เดินด้วยกันมันเป็นอะไรที่คู่กันมากในทางสังคม ต่างจากเธอที่มีทั้งชื่อเสียงที่น่ากลัว ไม่เหมาะสมเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม