EP02 เริ่มเลย
ก่อนที่บรรยากาศจะตึงไปมากกว่านี้แม่บ้านก็เดินมาบอกว่าโต๊ะอาหารพร้อมแล้วเอวาจึงรีบชวนทุกคนไปทานข้าวด้วยกัน
“น้องวาขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ”
“อ้าว ไม่ทานด้วยกันเหรอคะน้องวา” สิงห์ถามหลานสาวที่สีหน้าเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอหน้าลูกชายของเขาอย่างแปลกใจ
“วาไดเอทน่ะค่ะ วีคหน้าจะเปิดกล้องแล้วเดี๋ยวหน้าบวม ขอตัวนะคะ” กอดลาอาสิงห์ส่งท้ายก่อนจะขอตัวขึ้นห้องไป
สิงห์เหลือบมองลูกชายตัวเองที่ไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดๆ อย่างจับผิด ดูท่าทางแล้วขุนเขาคงไปทำอะไรให้น้องโมโหมาแน่นอนเพราะปกติต่อให้ไม่หิววาเลนก็จะนั่งคุยเล่นกับเขาอยู่ดี
“ไปทำอะไรให้น้องโกรธมาหรือเปล่าไอ้ลูกชาย”
ขุนเขาที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากถึงกับชะงักเมื่อโดนคนเป็นพ่อจับผิด
“เปล่านี่ครับ ไม่ได้ทำอะไร” ร่างสูงปฏิเสธทันทีเพราะเขามั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำอะไรจริงๆ
“อย่าว่าขุนเลยสิงห์น้องวาก็แบบนี้แหละ ตั้งแต่เป็นดาราเนี่ยไม่ค่อยทานข้าวหรอกกลัวอ้วนอะไรนักหนาก็ไม่รู้”
เจษฎารีบแก้ต่างก่อนจะเริ่มทานข้าวและถามสารทุกข์สุกดิบเพื่อนรักกับหลานชายที่เพิ่งกลับมาจากการทำงานและเรียนต่อที่ต่างประเทศ เพิ่งกลับมาถึงวันนี้แต่ทั้งคู่ก็แวะมาหาเลยทำให้วันนี้ใช้เวลาบนโต๊ะอาหารคุยกันนานเลย
หลังทานข้าวเสร็จขุนเขาก็ปล่อยให้ผู้ใหญ่ได้คุยกันต่อส่วนเขาขอตัวออกมาเดินย่อยอาหารเยี่ยมชมบ้านหลังใหญ่ของเพื่อนพ่อไปพลางๆ เดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องออกกำลังกายบนชั้นสองของบ้านที่ตอนนี้มีเด็กขี้ประชดออกกำลังกายอยู่ในนั้น
ขุนเขายืนพิงประตูมองร่างบางที่กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งพักใหญ่ ต้องยอมรับเลยว่าคนตัวเล็กที่เขาไม่ได้เจอมาสองปีโตขึ้นและสวยขึ้นมาก ปกติวาเลนก็สวยอยู่แล้วแต่พอไปเป็นดารายิ่งต้องดูแลตัวเองมากกว่าปกติเธอยิ่งสวยและมีออร่าขึ้นไปอีก
‘ยิ่งโตยิ่งสวย’ เขาใช้คำนี้กันใช่มั้ยนะ?
ขุนเขายืนมองน้องอยู่สักพักจนคนที่อยู่บนลู่วิ่งรู้ตัวหันกลับมามองเขา
ตุบ!
“โอ๊ย! เจ็บๆๆ” วาเลนตกใจที่เมื่อเจอคนที่กำลังยืนมองทำให้วิ่งผิดจังหวะจนตกลู่วิ่ง ตามสัญชาตญาณขุนเขารีบเข้าไปดูอาการน้องทันที
“ซุ่มซ่าม”
เขาบ่นพร้อมกับจับข้อเท้าเล็กพลิกไปมาเพื่อดูอาการแต่วาเลนก็ดื้อไม่ยอมให้เขาดู
“กะ ก็ใครใช้ให้มาแอบดูวาล่ะ ปล่อยเลย!”
“อยู่นิ่งๆ”
“ปล่อย! วาดูเองได้ค่ะ” วาเลนปัดมือคนพี่ออกก่อนจะพยุงตัวขึ้นเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ โชคดีที่ข้อเท้าไม่พลิกแค่กระแทกขอบลู่วิ่งแต่แค่นั้นก็ทำให้ผิวขาวๆ ขึ้นสีแดงจัดและพรุ่งนี้ก็คงช้ำอย่างไม่ต้องสงสัย
ขุนเขายืนมองคนตัวเล็กที่นั่งลูบข้อเท้าตัวเองนิ่งๆ จนคนน้องเงยหน้าขึ้นมามอง
“ทำไมยังไม่กลับไปอีกคะพี่...คุณเค”
มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าวาเลนน่ะขี้ประชดประชันที่หนึ่งเลยจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุดเรียกเขาว่าคุณเคอีก
“จะเรียกว่าพี่ก็เรียก”
“ไม่เอาหรอกค่ะก็คุณบอกเองว่าไม่ให้เรียกชื่อจริง ห้ามทำตัวเหมือนรู้จักคุณด้วย”
ขุนเขาถึงกับถอนหายใจ ไม่คิดว่าวาเลนจะฝังใจกับคำพูดเขาขนาดนี้ ที่เขาบอกว่าห้ามเรียกชื่อเขาน่ะหมายถึงเฉพาะเวลาทำงานไม่ได้หมายถึงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้สักหน่อย ที่ต้องห้ามก็ไม่ใช่อะไรเขาน่ะพอจะรู้กระแสของวาเลนมาบ้างถ้าเกิดเขาออกตัวว่ารู้จักกับน้องก็คงไม่พ้นวาเลนที่จะโดนโจมตีและมีข่าวลือแย่ๆ ออกมาอีก
เขาไม่อยากให้น้องโดนมองไม่ดี
“เฉพาะเวลาทำงาน ถ้าอยู่แบบนี้เรียกได้”
“ไม่ค่ะ ต้องฝึกเรียกคุณให้ชินถ้าเรียกชื่อแล้ววาไปหลุดเรียกต่อหน้าคนอื่นอีกเดี๋ยวจะโดนคุณเคว่าเอาได้”
“ประชด?”
“ไม่ได้ประชดค่ะวาจริงจัง มากๆ!”
“เอาเถอะ จะเรียกอะไรก็เรียก”
ขุนเขายอมแพ้ เถียงกับวาเลนไปยังไงก็ไม่ชนะหรอก ดื้อ!
เขาเลิกเถียงแล้วเดินออกมาจากห้องนั้นไปทันทีทิ้งให้คนตัวเล็กอยู่คนเดียว ร่างบางมองตามเขาอย่าง-งงๆ แต่ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีขุนเขาก็กลับมาพร้อมกับผ้าห่อน้ำแข็งในมือ
“จะ จะทำอะไรคะ!”
วาเลนตกใจเมื่ออยู่ๆ คนตัวสูงก็ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นตรงหน้าเธอก่อนจะจับเท้าข้างที่แดงไปวางบนตักแล้วเริ่มใช้ผ้าห่อน้ำแข็งที่เขาถือมาประคบตรงรอยช้ำให้เธอ
“ประคบเย็น”
“วารู้ค่ะ! แต่คุณจะมาทำให้วาทำไมดึกแล้วไม่กลับบ้านหรือไงคะ”
“อาเจษยังไม่ได้บอกเหรอว่าคืนนี้ ‘พี่’ กับพ่อจะค้างที่นี่”
“ไม่ได้บอก อ๊ะ! มันเย็นนะคะ!”
“ประคบเย็นก็ต้องเย็นสิ”
“ไม่ต้องทำให้วาแล้ว วาทำเองได้”
“อยู่เฉยๆ เถอะน่า”
คนตัวเล็กบ่นอุบอิบกับตัวเองแต่สุดท้ายก็ต้องยอมอยู่นิ่งๆ ให้ขุนเขาประคบข้อเท้าให้แต่โดยดี พอเธอยอมอยู่นิ่งๆ จนความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศรอบตัวก็ชวนน่าอึดอัดขึ้นมาทันที
สองปีที่แล้วเราแยกจากกันด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักแต่ก็ไม่ถึงกับแย่ วาเลนยังสามารถคุยกับเขาได้และเธอยังเป็นคนที่ยอมเข้ามาทักเขาก่อนด้วยทำให้ขุนเขาสบายใจขึ้นเล็กน้อยว่าน้องคงไม่ได้โกรธอะไรเขาแล้ว
“เรียนเป็นไงบ้าง”
เสียงทุ้มถามขึ้นท่ามกลางความเงียบในขณะที่ยังคงประคบเย็นให้น้องไปเรื่อยๆ
“ก็...ดีค่ะ”
“คิดยังไงถึงมาเป็นดารา ชอบ?”
“ตอนแรกก็ไม่ได้ชอบหรอกค่ะวาแค่อยากหาเงินไว้ช็อปปิ้งปะป๊าน่ะชอบตัดค่าขนมวา แต่ทำไปทำมาก็เริ่มชอบแล้ว”
เหตุผลก็สมกับเป็นวาเลนดี
อย่างที่รู้ว่าวาเลนน่ะดื้อมากคงถูกพ่อลงโทษอยู่บ่อยครั้งไม่ ขนาดเรียนมหาลัยแล้วแต่วาเลนยังต้องกลับบ้านทุกวันไม่ได้ออกไปซื้อคอนโดอยู่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ อย่างที่วัยรุ่นมหาลัยเขาทำกันคงเป็นเพราะเจษฎากลัวลูกสาวจะหนีเที่ยวล่ะมั้ง
ถึงจะดื้อไปบ้างแต่ก็ยังดีที่เธอรู้จักใช้ความสามารถและหน้าตาของตัวเองหารายได้แม้ว่าขุนเขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ที่วาเลนยอมมาเป็นดาราเพราะเหตุผลแค่นี้
การที่เข้ามาอยู่ในแสงน่ะมันต้องแลกมากับอะไรหลายอย่างยิ่งเห็นน้องโดนโจมตีหนักเขายิ่งเป็นห่วง
“แล้วพี่...คุณกลับมาถาวรหรือแค่มาถ่ายหนังเรื่องนี้คะ”
คนน้องถามเขากลับในสิ่งที่คาใจบ้างเมื่อบรรยากาศเริ่มกลับมาเงียบอีกครั้ง
“แค่กลับมาถ่ายหนัง”
ถ่ายเสร็จก็คงกลับไปสินะ
ถึงแม้ครอบครัวของขุนเขาจะอยู่ที่นี่มีทั้งธุรกิจที่เป็นของตัวเองและส่วนที่เป็นหุ้นส่วนกับครอบครัวของวาเลนแต่เพราะความชอบของเขาที่เลือกทำตามความฝันของตัวเองมากกว่ารับช่วงต่อธุรกิจต่อจากที่บ้านขุนเขาจึงตัดสินใจเรียนต่อด้านการกำกับภาพยนตร์ที่ต่างประเทศตั้งแต่เรียนจบไฮสกูลมีกลับมาเยี่ยมครอบครัวบ้างช่วงปิดเทอมหรือช่วงที่ว่างจากงานที่นู่นและครั้งนี้เขาก็กลับมาเพราะมีงานไม่อย่างนั้นวาเลนคงไม่ได้เจอหน้าเขาไปอีกหลายปีเลยล่ะ...
พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วก็ร้อนที่ตาเหมือนน้ำตากำลังเอ่อคลอจนวาเลนก็เงยหน้าขึ้นกะพริบตาหลายทีเพื่อไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป โชคดีที่ขุนเขาก้มหน้าตั้งใจประคบข้อเท้าให้เธออยู่เขาจึงไม่ได้สังเกตเห็น
เธอไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเขาอีกแล้ว
“พอแล้วมั้งคะ วาไม่เจ็บแล้ว”
คนตัวเล็กบอกเมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้น ขุนเขายอมปล่อยข้อเท้าเล็กให้เป็นอิสระก่อนจะหยัดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วประคองร่างบางให้ลุกขึ้นด้วย
“พรุ่งนี้ก็ประคบอีกนะ จะได้ไม่ช้ำมาก”
“ขอบคุณค่ะ วาขอตัวนะคะ”
ร่างสูงมองคนน้องเดินออกจากห้องไปเงียบๆ แต่ความรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างทำให้เขาเรียกรั้งเธอไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวก่อนน้องวา!”
“คะ?”
วาเลนหยุดหันกลับมามองเขาด้วยความแปลกใจ ขุนเขาทำท่าชั่งใจเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด
“อ่า ไม่มีอะไรไปพักผ่อนเถอะ”
สุดท้ายก็ตัดสินใจปล่อยให้น้องไปพักเพราะสิ่งที่ผุดเข้ามาในหัวเขาก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะพูดออกไป
ไม่มีแล้วสินะจุ๊บแก้มขอบคุณเหมือนแต่ก่อน...
เช้าวันต่อมา...
“นะคะปะป๊า~ น้องวาขอออกไปอยู่คอนโดนะๆ สัปดาห์หน้าก็เริ่มถ่ายหนังแล้วทั้งเรียนทั้งถ่ายหนังกว่าจะกลับบ้านไม่ได้นอนกันพอดี”
“ซื้อตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วน้องวา กว่าจะทำเรื่องกว่าจะตกแต่งให้ถูกใจหนูหนังก็เริ่มถ่ายพอดี”
“ระหว่างรอน้องวาไปอยู่กับเพื่อนก่อนก็ได้ค่ะ ตกแต่งเสร็จค่อยย้ายเข้านะคะปะป๊า”
สิงห์กับขุนเขาที่เมื่อคืนนอนค้างที่นี่เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านก็ได้ยินเสียงเจษฎากับลูกสาวคุยกันเสียงดังแต่เช้า จากที่ฟังดูแล้ววาเลนคงกำลังอ้อนขอออกไปอยู่ข้างนอกสินะ
สิงห์รู้จักเพื่อนตัวเองดีคนหวงลูกสาวอย่างเจษฎาน่ะไม่มีทางยอมง่ายๆ หรอก
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าวันไหนดึกเกินไปเดี๋ยวป๊าจะคอยไปรับไปส่งหนูเอง”
“ป๊าแก่แล้วน้องวาไม่อยากให้ป๊าขับรถดึกๆ มันอันตรายนะคะ”
“แก่อะไรป๊ายังไม่แก่! ไม่เชื่อถามมี๊หนูดู” คนไม่ยอมแก่พาดพิงถึงภรรยาคนสวยที่ออกไป hang out กับเพื่อนตั้งแต่เช้าปล่อยให้เขารับมือกับลูกสาวตัวแสบอยู่คนเดียว
“ไม่แก่ก็ได้แต่น้องวาก็ไม่อยากให้ป๊าขับรถอยู่ดี นะคะปะป๊าขา~ ขอน้องวาออกไปอยู่คอนโดเถอะนะๆๆๆ”
“ซื้อให้เถอะเจษ น้องวาโตแล้วคงอยากออกไปลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองบ้าง”
สิงห์ที่เพิ่งที่เดินเข้ามาสนับสนุนอีกเสียง พอเห็นว่ามีสิงห์เป็นพวกวาเลนก็รีบเข้ามาอ้อนคุณอาทันที
“ใช่มั้ยคะอาสิงห์ปะป๊าใจร้าย :(”
“หาเรื่องออกไปซนน่ะสิ ขนาดอยู่กับป๊าหนูยังซนเลยถ้าไปอยู่คนเดียวคงขยันหาเรื่องมาให้ป๊าปวดหัวไม่หยุด”
“น้องวาไม่ซน น้องวาสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีไม่ทำให้ป๊าปวดหัวเลยค่ะ!”
“โตกว่านี้ค่อยว่ากันปีนี้อยู่กับป๊าไปก่อน เรื่องถ่ายหนังป๊าจะคอยรับส่งหนูเอง”
“น้องวายี่สิบแล้วนะคะป๊า โตแล้ว!”
“ตัวแค่นี้เอาอะไรมาโต สามขวบตลอดไปในสายตาป๊า”
“ป๊าอะ!”
วาเลนกระทืบเท้างอแงเหมือนเด็กๆ จนขุนเขาที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ หลุดขำ ดูเอาเถอะคนที่บอกว่าตัวเองไม่เด็กน่ะงอแงไม่สนสายตาใครเลย
“ให้น้องวาออกไปอยู่คอนโดเถอะเจษ ทั้งเรียนทั้งถ่ายหนังเลิกก็ดึกกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เหนื่อยจนไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว ไม่สงสารลูกหรือไง”
สิงห์ยังคงสนับสนุนเพราะเขาเข้าใจวัยรุ่นดี เด็กวัยนี้ต้องปล่อยให้ได้ออกไปใช้ชีวิตเองบ้างถึงจะโตแต่เจษฎากลับเลี้ยงลูกเหมือนไข่ในหินไม่ยอมปล่อยให้วาเลนได้ออกไปใช้ชีวิตเองเลยแล้วก็มาบ่นว่าลูกสาวไม่ยอมโต เลี้ยงแบบนี้จะเอาอะไรไปโต อีกอย่างบ้านของเจษฎาก็อยู่แถบชานเมืองกว่าจะฝ่ารถติดไปกลับในแต่ละวันก็เสียเวลาไปหลายชั่วโมงแล้ว
วาเลนเองก็ลำบากแต่ก็ไม่เคยงอแงขอออกไปอยู่คนเดียวสักครั้งแต่ปีนี้ทั้งเรียนหนักแถมงานก็เยอะเธอจึงอยากออกไปอยู่คอนโดในเมืองล่ะมั้ง
“น้องวาก็โตจนทำงานได้ขนาดนี้แล้วเรื่องดูแลตัวเองคงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“รู้ แต่ถ้าน้องวาออกไปอยู่ข้างนอกอีกคนป๊าก็เหงาแย่สิ”
นี่สินะเหตุผลที่แท้จริง ‘เจวา’ ลูกชายคนโตของเจษฎาก็แต่งงานมีครอบครัวแยกออกไปซื้อบ้านอยู่เองแล้วถ้าวาเลนไปอีกคนบ้านคงเงียบเหงาแย่หัวอกคนเป็นพ่อแค่คิดก็ใจเจ็บไปหมด
“โธ่ปะป๊าขา เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยถ้าวันไหนเลิกไม่ดึกตารางไม่แน่นน้องวาจะกลับมานอนที่บ้านโอเคมั้ยคะ”
“จะออกไปอยู่คนเดียวให้ได้เลย?”
วาเลนพยักหน้าหงึกหงักกับอกคนเป็นพ่องัดไม้ตายมาอ้อนสุดฤทธิ์จนในที่สุดเจษฎาก็ยอมใจอ่อน
“เฮ้อ ก็ได้ๆ”
คนตัวเล็กกำลังจะตะโกนดีใจเมื่อได้รับอนุญาต
“แต่!”
“…”
“ระหว่างที่ทำเรื่องซื้อทำเรื่องตกแต่งหนูต้องอยู่ที่บ้านกับป๊าก่อน ไว้คอนโดเราพร้อมเมื่อไหร่ค่อยออกไปอยู่”
“แต่กว่าคอนโดจะตกแต่งเสร็จหนูก็เกือบจะถ่ายหนังเสร็จแล้วนะคะ”
“ก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องออกไปอยู่คนเดียวแล้วอยู่กับป๊าต่อ”
“ปะป๊า...”
คนตัวเล็กส่ายหัวไม่เอาอย่างเดียว ถึงจะถ่ายหนังเสร็จแล้วเธอก็ยังอยากอยู่คอนโดต่อ เข้าใจมั้ยว่าวัยนี้น่ะกำลังต้องการใช้ชีวิต
วาเลนอยากออกไปใช้ชีวิตแต่ปะป๊าไม่เข้าใจ :(
สถานการณ์เริ่มตึงเครียดและดูเหมือนอีกไม่นานจะมีน้ำตา สิงห์ที่เป็นเหมือนเทวดาประจำตัวของวาเลนก็ยื่นมือเข้ามาช่วย
“ถ้ามึงไม่คิดมากระหว่างที่ตกแต่งคอนโดก็ให้น้องวาไปอยู่กับขุนเขาก่อนก็ได้นะ คอนโดที่ซื้อไว้มีสองห้องนอน ไหนๆ พี่ขุนก็กำกับเรื่องที่น้องวาเล่นอยู่แล้วเวลาถ่ายหนังกลับดึกจะได้กลับพร้อมกันเลย”
ขุนเขาแทบสำลักกาแฟที่เพิ่งยกขึ้นจิบเมื่อพ่อเขาตัดสินใจแบบนั้นโดยไม่ถามความเห็นเขาสักคำ
“จะดีเหรอเกรงใจตาขุนนะ” ขุนเขาเองก็โตแล้วคงอยากมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างถ้าลูกสาวเขาไปอยู่ด้วยคงทำอะไรไม่ถนัด เจษฎาไม่ติดเลยถ้าจะให้ลูกสาวไปอยู่กับขุนเขาก่อนเพราะไว้ใจแถมยังเป็นคนสนิทและคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ดีซะอีกจะได้มีคนช่วยดูแลลูกสาวสุดที่รักให้ด้วย
“ไม่ต้องเกรงใจๆ ลูกชายกูกลับมาทำงานอย่างเดียวถ้าขุนกลับไปแล้วน้องวาจะอยู่คอนโดนั้นต่อยังได้เลย” สิงห์แอบสะกิดลูกชายให้ช่วยพูดเพราะถ้าไม่เสนอแบบนี้วาเลนหลานสาวสุดที่รักของสิงห์คงไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตสักที
“ค ครับ ไม่เป็นไรครับคุณอาผมไม่ได้ติดอะไร”
ทุกอย่างลงล็อกเข้าที่เข้าทางหมดแล้วถ้าเหลือแค่วาเลนแล้วล่ะว่าจะยอมไปอยู่กับขุนเขาก่อนมั้ย
“น้องวา...” เจษฎาหันไปถามลูกสาวยังไม่ทันจบประโยคคนตัวเล็กที่นั่งฟังอยู่แล้วก็ชิงตอบกลับมาซะก่อน
“ปะ ไปค่ะ!”
“…”
“น้องวาจะไปอยู่กับพี่ขุน”
!!!