EPISODE 05

2357 คำ
EPISODE 05  จ๊อก~ “โอ๊ย หิวชะมัด” ฉันรำพึงรำพันเบาๆ พลางยกมือขึ้นมาลูบท้องระหว่างที่กำลังแอบย่องเข้ามาหาอะไรกินในครัวของไม้โท ฉันทนรักษามารยาทต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว เพราะเสียงน้ำย่อยในกระเพาะของฉันกำลังประท้วงบอกว่ามันต้องการอาหาร แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาตีสี่ก็ตาม ฉันพยายามแล้วที่จะอดทนแต่ว่ามันทนไม่ไหวจริงๆ เพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องฉันเลยตั้งแต่เมื่อวาน ถ้าขืนฉันยังทรมานตัวเองต่อไปฉันต้องแย่แน่ๆ เคร้ง! ตุ้บ! บ้าเอ๊ย อุตส่าห์ระวังแล้วเชียว! ฉันจิปากเบาๆ แล้วรีบหลับตาปี๋โดยอัตโนมัติเมื่อกำลังจะขโมยนมกล่องออกมาจากตู้เย็น แต่ระหว่างที่หยิบมันออกมา ข้อศอกของฉันดันไปชนเข้ากับขวดน้ำแร่ที่ตั้งเรียงอยู่ในตู้เย็นเข้าซะก่อน ด้วยความตกใจเสียงขวดน้ำแร่กระทบกัน ฉันก็เลยเผลอทำนมกล่องหลุดมือน่ะสิ “อยากกินทำไมไม่ขอดีๆ” “เฮ้ย! มะ...ไม้โท” เขามายืนอยู่ด้านหลังของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน “ที่นี่เจ้าที่แรง เธอไม่รู้รึไง” “บ้า!” ฉันพลั้งปากว่าเขาอย่างลืมตัวก่อนจะรีบหันซ้ายหันขวามองหาท่านเจ้าที่ แต่รู้ตัวอีกทีกล่องนมที่ฉันเพิ่งจะก้มเก็บมาจากพื้นก็โดนเจ้าของห้องแย่งไปจากมือ และนั่นถึงทำให้ฉันเพิ่งเข้าใจคำว่าเจ้าที่แรงของไม้โท บ้าจริง! คนยิ่งกลัวๆ ผีอยู่นะ! เฮ้ย! ไม่นะ ทำไมหันมาอีกทีถึงได้เห็นว่าไม้โทกำลังแกะหลอดออกจากซองพลาสติกใสล่ะ มิหนำซ้ำเขายังเอาหลอดนั่นจิ้มจึกลงไปเหมือนกำลังจะกินนมนั่นซะเอง แต่นั่นมันเป็นกล่องสุดท้ายที่เหลืออยู่ในตู้แล้วนะ ฮือออ ฟอดดด~ หมดเลย! เขาดูดมันหมดกล่องเสียงดังฟอด แถมยังโยนกล่องนมที่บู้บี้นั่นลงถังขยะด้านข้างตู้เย็น นอกจากจะขโมยไม่สำเร็จเพราะถูกเขาจับได้ก่อนแล้ว เขายังแย่งมันไปดูดจนหมดกล่องแล้วทิ้งให้ฉันได้แต่ยืนมองกล่องเปล่าในถังขยะตาละห้อย จ๊อกกก~ ฉันยืนทำหน้างออย่างคนสิ้นหวัง ยกมือขึ้นมาลูบวนหน้าท้องตัวเองเบาๆ และกำลังขอโทษพยาธิลำไส้ในใจเพราะคืนนี้ฉันคงไม่สามารถหาอาหารส่งเข้าปากไปถึงมันได้แน่ๆ “หิวเหรอ” ยังจะมาถามอีก! ฉันช้อนตามองไม้โทด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเดินหนีเขาออกมาทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาแรงๆ ตอนนี้ทั้งหงุดหงิด ทั้งเสียหน้า แถมยังอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จะมัวยืนอยู่ให้เขาเยาะเย้ยฉันทำไมกันล่ะ “ไม่มีมารยาทจริงๆ แอบมาขโมยของคนอื่นเขากินแล้วยังไม่คิดจะขอโทษสักคำ แถมฉันถามเธอก็ยังไม่ยอมตอบ” ไม้โทยังไม่วายเดินมาโวยวายใส่ “นี่! ฉันพูดกับเธออยู่นะ ไม่ได้ยินรึไง” “แล้วตอนท้องฉันร้อง นายไม่ได้ยินรึไงล่ะ!” ฉันแหวกลับก่อนจะพลิกตัวนอนคว่ำหน้าลงกับโซฟา พยายามบอกตัวเองให้อดทน เดี๋ยวถ้าเช้าเมื่อไหร่ฉันจะรีบออกจากห้องไปเรียกแท็กซี่กลับบ้านเลยคอยดู แต่ไม่ได้จะกลับไปเพราะกล้าแข็งข้อกับพี่ไม้เอกหรอกนะ จะกลับไปเอาเงินที่เก็บไว้ในลิ้นชักหัวเตียงมาใช้ก่อนต่างหาก ตอนนี้ฉันไม่มีเงินติดตัวสักบาท ไม่มีแม้แต่บัตรเอทีเอ็ม แถมด้านนอกก็ยังมืดตึ๊ดตื๋อแบบนี้ ฉันจะกล้าเดินออกไปเรียกแท็กซี่ได้ยังไงกันล่ะ เรื่องของเรื่องคือฉันไม่ได้กลัวคนขับแท็กซี่หรอก แต่ฉันกลัวผีต่างหาก ถ้าให้เลือกระหว่างยอมปวดท้องกับเสี่ยงเดินออกไปเจอผี ฉันยอมปวดท้องยังจะดีซะกว่า “เฮ้ย!” ฉันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อพลิกตัวกลับมาอีกทีแล้วพบว่าท่านเจ้าที่อย่างไม้โทยังคงยืนกอดอกมองฉันด้วยสายตาไม่พอใจอยู่ข้างๆ โซฟาเหมือนเดิม เมื่อกี้นี้ไม่ได้ยินเสียงเขาโวยวายก็เลยคิดว่าเขากลับเข้าไปนอนในห้องแล้วซะอีก “ถ้าหิวก็ลุกขึ้นมา” “นายไปนอนเถอะ ฉันไม่เป็นไร” “ถึงขนาดเดินไปขโมยนมในตู้เย็นฉันกินเนี่ยนะไม่เป็นไร” “ก็ไม่ได้กินสักหน่อยนี่ ไม่ขโมยแล้วน่า” ฉันอ้างพลางเบ้หน้าใส่ แอบคิดต่อในใจว่าที่ไม่ขโมยแล้วเพราะในตู้เย็นของเขาไม่มีอะไรให้ฉันขโมยแล้วยังไงล่ะ แต่พูดจบแล้วไม้โทก็ยังไม่ยอมไปสักที ไม้โทส่ายหัวนิดหน่อยก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองนาฬิกาดิจิทัลที่แขวนติดอยู่ที่ผนังห้อง ซึ่งสายตาของเขานำสายตาของฉันให้มองตามเขาไปด้วย ตี่สี่ครึ่งแล้วโว้ย อีกไม่กี่ชั่วโมงท้องฟ้าก็คงสว่างแล้ว “ลุกขึ้นมา” “บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร นายไปนอนเถอะ กลับมาจากทำงานดึกๆ นายเพิ่งจะนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง ไม่ง่วงเหรอ” “ก่อนหน้านี้ก็ง่วงอยู่บ้าง แต่พอรู้ว่ามีโจรอาศัยอยู่ในห้อง แถมยังจ้องจะขโมยของในตู้เย็นฉันก็คงนอนต่อไม่หลับแล้วล่ะ เป็นห่วงไส้กรอกในตู้เย็นกลัวว่ามันจะหาย” ไม้โทแกล้งว่า ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะพูดมาซะยาวเหยียด แต่สิ่งที่ฉันสนใจกลับมีเพียงคำว่า ‘ไส้กรอก’ “ในตู้เย็นมีไส้กรอกด้วยเหรอ ทำไมเมื่อกี้นี้ฉันไม่เห็น” “ไม่มี ฉันกินหมดไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน” “โกหก” ฉันดีดตัวเองขึ้นมาจากโซฟาแล้วจ้องหน้าไม้โทด้วยสายตาขึงขัง ก่อนจะรีบพุ่งตัวไปที่ตู้เย็นเพื่อตามหาไส้กรอก ฉันว่ามันต้องยังมีอยู่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นไม้โทจะพูดออกมาได้ยังไง “เดี๋ยว” “โอ๊ย ไม้โท ปล่อยฉันนะ หายใจไม่ออก” ฉันโวยวายเมื่อถูกไม้โทกระชากคอเสื้อเอาไว้จนมันรัดคอฉันแทบหายใจไม่ออก แถมเขายังออกแรงลากฉันให้เดินถอยกลับออกมาราวกับว่ากลัวฉันจะไปปล้นของในตู้เย็นของเขาออกมากินจนหมด “งี่เง่า” “หิว ไม่ได้งี่เง่า ขอกินบ้างไม่ได้รึไง เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อมาคืนก็ได้หรอก” “ไม่ได้” “งก!” ฉันหันกลับมาว่าไม้โทเสียงดัง ก่อนจะสะบัดตัวเองแรงๆ เพื่อให้หลุดออกจากฝ่ามือหนาๆ ที่ยังคงกำคอเสื้อของฉันเอาไว้แน่น ซึ่งพอหลุดออกมาได้ ฉันก็หันไปมองค้อนใส่ไม้โทด้วยความรู้สึกไม่พอใจพร้อมกับรีบจัดคอเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง บ้าเอ๊ย คอเสื้อยิ่งย้วยๆ อยู่ เจอแบบนี้ก็ยิ่งย้วยกว่าเดิมพอดี “อ่ะ ข้างล่างมีร้านก๋วยเตี๋ยว เดินเลยตึกเทาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอ” ไม้โทพูดพลางยื่นแบงก์ร้อยให้ฉันหนึ่งใบเหมือนตัดรำคาญ แต่ตอนนี้ต่อให้ฉันมีเงินสี่ห้าหมื่นฉันก็ไม่ไปหรอก รอให้ข้างนอกสว่างกว่านี้ก่อนค่อยว่ากัน “รับไปสิ หิวไม่ใช่รึไง” “นะ...นาย ไปเป็นเพื่อนหน่อยได้มั้ย” “ไม่ จะนอน อยากกินก็เดินไปเองสิ” ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด! “งั้นก็ไม่เป็นไร นายไปนอนเถอะ ฉันไม่กินก็ได้” “กลัวผี?” นี่ฉันแสดงอาการชัดจนเขาดูออกเลยรึยังไงกัน ฉันพยักหน้าเบาๆ อย่างยอมรับความจริง ก่อนจะยิ้มแห้งๆ เมื่อถูกไม้โทมองค้อนใส่ ฉันแค่กลัวผี มันผิดตรงไหนกันล่ะ ไม่เห็นต้องมองแรงขนาดนั้นเลย “ไปเปลี่ยนเสื้อไป หรือไม่ก็หาเสื้อแขนยาวมาใส่ เห็นแล้วรำคาญลูกตา” “มันเกี่ยวอะไรกับการที่ฉันให้นายไปส่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยล่ะ อีกอย่างร้อนจะตายชัก นายคิดว่าข้างนอกนี่มันนอนสบายเหมือนในห้องรึไง” ฉันย้อนถาม ตอนนี้ฉันกำลังโมโหหิวมากๆ ไม่มีอารมณ์มาปั้นแต่งคำพูดหรือใช้เสียงหวานๆ พูดกับเขาหรอก ลึกๆ แล้วก็นึกอยากจะถามเขาเหมือนกันว่าเขาเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาถึงได้ลุกออกมาจากห้องทั้งที่เขาเพิ่งจะกลับมาจากข้างนอกตอนตีสองกว่าๆ แถมยังมายืนทำหน้าเซ็งใส่ฉันและพยายามไล่ฉันไปหาเสื้อแขนยาวมาใส่ ซึ่งชุดที่ฉันใส่อยู่มันก็ไม่ได้โป๊เลยสักนิด “ยังไม่ไปอีก” “แล้วทำไมฉันต้องเปลี่ยนด้วยล่ะ นายนี่ท่าจะบ้า ง่วงก็ไปนอนไป” “ก็ไหนบอกว่าจะให้ไปส่งไปกินก๋วยเตี๋ยว ตกลงจะกินมั้ยเนี่ย” ต้องใช่แน่ๆ ฉันว่าเขาต้องนอนไม่พอ ก็เลยเกิดอาการเพี้ยนๆ มีอย่างที่ไหนจะยอมพาฉันไปกินก๋วยเตี๋ยวง่ายๆ ตอนตีสี่ครึ่งทั้งที่ตัวเองยังแทบจะไม่ได้นอน เอ๊ะ หรือว่าฉันจะหูฝาด “มองหน้าทำไม จะกินมั้ยก๋วยเตี๋ยวน่ะ” “นะ...นายพูดจริงรึเปล่า นายจะเดินไปส่งฉันจริงๆ เหรอ” ฉันถามตะกุกตะกักด้วยความไม่แน่ใจ และยังคงมองไม้โทด้วยสายตาระแวดระวัง แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นลมหายใจหนักๆ ที่เขาพ่นลงมาใส่หน้าฉัน ทำเหมือนกำลังเบื่อหน่ายและรำคาญ “ถ้าเรื่องมากก็ไม่ต้องกงต้องกินมันหรอก” “กินสิกิน กินก๋วยเตี๋ยวก็ได้ อย่าเพิ่งไปนะ” ฉันรีบร้องบอก แถมยังเผลอเอื้อมมือไปรั้งข้อมือของไม้โทเอาไว้เมื่อเขาทำท่าเหมือนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง และทันทีที่เขายอมหยุดเดินและหันกลับมา สิ่งแรกที่สายตาของเขาจ้องมองก็คือมือของฉันที่จับอยู่ที่ข้อมือของเขา นั่นทำให้ฉันต้องรีบปล่อยมือของเขาออกในทันที “ขอโทษ” “อายุกี่ขวบกันแน่วะ” “เท่านาย” “ไม่ได้ถาม ถ้าจะไปก็ไปหาเสื้อมาเปลี่ยนเร็วๆ หรือไม่ก็หาเสื้อแขนยาวมาใส่ทับ” ไม้โทพูดเร็วๆ ปลายเสียงสะบัดนิดหน่อยเหมือนเขาจะรำคาญฉันเต็มประดา “ยังไม่รีบไปอีก” “คือว่าฉันไม่ได้หยิบเสื้อแขนยาวมาเลยน่ะ ไปชุดนี้ก็ได้นะ ฉันไม่หนาวหรอก” ฉันบอกเสียงอ่อย พยายามปรับระดับน้ำเสียงให้เบาลงเผื่อว่าเขาจะสงสาร แต่ก็ยังได้ยินเสียงถอนหายใจของไม้โทอยู่ดี “อ้าว เดี๋ยวสิ ไหนบอกจะพาไปกินก๋วยเตี๋ยวไง” ฉันรีบร้องถามเมื่ออยู่ๆ ไม้โทก็เดินหนีฉันกลับเข้าไปในห้องแบบไม่พูดไม่จา ซึ่งฉันเห็นว่าเขาเดินสะบัดหัวไปตลอดทางคล้ายกับจะเบื่อหน่ายตัวภาระอย่างฉันหนักมาก ฟุ่บ! แล้วถ้าเขาไม่พาไป ฉันจะไปได้ยังไงล่ะ เงินก็ไม่มี คีย์การ์ดห้องก็ไม่มี แถมยังกลัวผีหนักมาก สุดท้ายฉันก็ได้แต่เดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาเหมือนเดิมนั่นแหละ “โอ๊ย เมื่อไหร่จะเช้าเนี่ย” “ตกลงจะกินหรือจะนอน” เสียงของไม้โททำให้ฉันสะดุ้งเฮือกพร้อมกับกระเด้งตัวเองขึ้นมานั่งอีกรอบ แต่ยังไม่ทันจะได้หันกลับไปมองหน้าเจ้าของเสียง เขาก็โยนอะไรสักอย่างส่งมาให้แทน “ค่าเช่าห้าสิบ” เหอะ! เขางกได้ใครมาเนี่ย ฉันจิปากเบาๆ ก่อนจะก้มมองเสื้อแจ็กเก็ตในมือสลับกับใบหน้าของเจ้าของเสื้อ ซึ่งพอได้สบสายตากับเขาแล้วก็เป็นอันรู้ตัวว่าฉันควรจะรีบใส่มันซะ ใส่ๆ ไปก่อน ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้นก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปนอน “ไปได้ยัง” “ยัง” นับตั้งแต่ที่ถูกเขาจับได้ว่าฉันกำลังจะขโมยนมในตู้เย็นของเขาออกมากิน ฉันก็เห็นว่าเขาเอาแต่ส่ายหัวนับครั้งไม่ถ้วน แทบจะทุกครั้งเวลาที่มองฉันเลยก็ว่าได้ “ถอดออกก่อน” “ถอดอะไร” “เสื้อเนี่ย เร็วๆ” ไม้โทเร่งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดจนฉันต้องรีบถอดเสื้อแจ็กเก็ตที่เพิ่งจะสวมมันได้ไม่ถึงห้านาทีออกแล้วส่งมันคืนให้เขา “ถือไว้สิ ให้เช่าไปแล้ว” ยังไม่ลืมเรื่องค่าเช่าอีกนะ! ฉันยืนมองหน้าไม้โทงงๆ เพราะไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร และระหว่างที่ฉันกำลังจะถามด้วยความสงสัย อยู่ๆ เขาก็เดินเข้ามาประชิดตัวฉันจนฉันต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยสองตาที่เบิกโพลงเพราะความตกใจ “นิ่งๆ” ไม้โทพูดเบาๆ เหมือนจะดุเมื่อฉันคอยแต่ขยับตัวเองไปมา แต่เขาจะให้ฉันยืนนิ่งได้ยังไงในเมื่ออยู่ๆ เขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาทำเหมือนกำลังจะกอดฉันแบบนี้ “คอเสื้อย้วยขนาดนี้ยังจะใส่อยู่ได้” เสียงบ่นงึมงำๆ ของไม้โททำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังติดอยู่ในภวังค์ ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำลังทำอะไรกับคอเสื้อของฉัน รู้แต่ว่าฉันได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นดังอยู่ตรงหน้า มิหนำซ้ำยังได้กลิ่นน้ำยาบ้วนปากจากลมหายใจของเขาที่กำลังเป่ากระทบปอยผมที่ปรกอยู่บนใบหน้าของฉันจนมันปลิวไปด้านหลังเบาๆ ใบหน้าของฉันร้อนวูบไปหมด ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะลมหายใจอุ่นๆ ของไม้โทที่เป่าลงมาที่แก้มด้วยรึเปล่า “อ่ะ ใส่เสื้อทับอีกทีสิ นมไม่มีแล้วยังจะโชว์” “อะ...” “ด่าคำนึงคิดสิบบาท” ไม้โทพูดพลางยกมือขึ้นมาจิ้มหน้าผากฉันจนหงาย ก่อนที่เขาจะเดินล้วงกระเป๋านำฉันออกไปจากห้องทั้งที่ฉันยังยืนงงๆ กับการกระทำปุบปับของเขาอยู่เลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม