EPISODE 06

2027 คำ
EPISODE 06  ฉันยืนจ้องมองแผ่นหลังของไม้โทที่กำลังเดินนำฉันไปที่ประตูห้องเงียบๆ ค่อยๆ ยกมือขึ้นไปจับๆ ที่คอเสื้อเบาๆ ถึงได้รู้ว่ามันถูกมัดเป็นปมไว้ทางด้านหลัง ความรู้สึกตอนนี้คือทั้งอายทั้งเขินจนไม่รู้จะมองหน้าเขายังไง และยังไม่ทันจะได้ตั้งสติ เจ้าตัวก็เหมือนจะรู้ว่าถูกฉันแอบมองอยู่ เขาก็เลยหันกลับมา “ใส่แล้วๆ ขอบใจ เดี๋ยวพรุ่งนี้ซักมาคืน” “เดี๋ยวกลับขึ้นมาฉันก็เอาคืนแล้ว ไม่ให้เช่านานหรอก เดี๋ยวเธอขโมยไปขาย” ไม้โทบอกเร็วๆ แล้วเดินนำฉันไปที่ลิฟต์หลังจากที่ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเขาออกมาจากห้อง มิหนำซ้ำยังต้องรีบใส่เสื้อแจ็กเก็ตของเขาไปด้วยระหว่างที่รีบตามเขาออกมา ชักช้าเดี๋ยวเขาจะเปลี่ยนใจซะก่อน ใส่เสร็จเราก็เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์พอดี ซึ่งก็เป็นไม้โทอีกเหมือนกันที่เอื้อมมือไปกดปุ่มเรียกลิฟต์ “นี่ไม้โท” “อะไร” “นายพอจะรู้มั้ยว่าที่นี่...เคยมีคนตายรึเปล่า” จริงๆ ก็ไม่ได้อยากจะพูดถึงหรอกนะ แต่เพราะว่าบรรยากาศระหว่างโถงทางเดินที่ทั้งเงียบและค่อนข้างมืดกดดันให้ฉันต้องกระซิบถามพลางมองไปรอบๆ อย่างนึกกลัว ถึงแม้ว่าตลอดทั้งทางเดินตั้งแต่หน้าประตูห้องมาจนกระทั่งถึงหน้าลิฟต์จะมีไฟส่องสว่างเปิดเอาไว้ แต่ว่าแสงของมันไม่ได้มากพอจะทำให้ฉันอุ่นใจนี่นา มิหนำซ้ำแสงเพียงแค่สลัวๆ แบบนี้ฉันว่ามันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกวังเวงยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก “เคย สามเดือนก่อนที่ห้องตรงข้ามกันมีผู้หญิงผูกคอตาย” สองตาของฉันเบิกโพลงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม้โทหันมาเล่า “นายพูดจริงรึเปล่าเนี่ย อย่าแกล้งนะ ฉันกลัวผี” “หน้าตาฉันดูเหมือนคนมีอารมณ์ขันเหรอ” ไม้โทย้อนถาม พูดจบเขาก็ส่ายหัวอีกรอบ นี่ถ้าไม่ติดว่าเรากำลังรอลิฟต์กันอยู่เขาอาจจะแกล้งเดินหนีฉันไปแล้วก็ได้ คิดได้แบบนั้นฉันก็รับขยับเข้าไปยืนใกล้เขาอีกนิด “ไม้โท ฉันว่าเรากลับห้องกันเถอะ ฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่แล้วอ่ะ” ติ๊ง! ฉันพูดยังไม่ทันจะจบประโยคดีด้วยซ้ำ เสียงสัญญาณลิฟต์ก็ดังขึ้นพอดี และหน้าตาไม้โทที่หันกลับมามองฉันก็บอกได้ดีว่าเขาคงไม่ยอมถอยกลับง่ายๆ ตกลงนี่ฉันหิวหรือว่าเขาหิวกันแน่ ประตูลิฟต์เคลื่อนตัวออกจากกันช้าๆ จนสุด ซึ่งฉันเองก็กำลังมองหน้าไม้โท แต่เขากลับก้าวนำเข้าไปในลิฟต์เหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันเพิ่งจะพูดไปเมื่อครู่ สุดท้ายฉันก็เลยต้องรีบเดินตามเขาเข้ามาอย่างไม่มีทางเลือก “เอาโทรศัพท์ติดตัวมารึเปล่า” “เอามา ทำไม ของนายแบตหมดเหรอ อ่ะ หายกันกับค่าเช่าเสื้อ” ฉันยื่นโทรศัพท์ให้ไม้โทอย่างมีน้ำใจ แต่เขากลับถอนหายใจใส่หน้าฉันก่อนจะหันกลับไปกดลิฟต์ที่ปุ่มตัว G “เดี๋ยวลงไปข้างล่างแล้วเดินไปเลยนะ ตามทางที่บอกไปเมื่อกี้ แล้วเจอกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยว” ไม้โทบอกเสียงเรียบ พูดจบเขาก็ก้าวเท้ากลับออกไปยืนอยู่หน้าลิฟต์ ทั้งท่าทางและสายตาที่เขาหันมองกลับมาทำให้ฉันรู้สึกตกใจนิดหน่อย แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากถามอะไร ประตูลิฟต์ก็ปิดลงอีกครั้ง เดี๋ยวสิ เฮ้! นี่เขาจะทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไงเนี่ย! ประตูลิฟต์ปิดลงแล้ว และตอนนี้มันกำลังเคลื่อนตัวพาฉันลงไปที่ชั้นล่างในขณะที่ฉันยังพยายามจะมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวังและตกใจแม้กระทั่งเงาของตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกทางด้านหลัง การเคลื่อนตัวของลิฟต์ยังคงเป็นปกติดี แต่การเต้นของก้อนเนื้อในอกของฉันนี่สิ มันเร็วและแรงขึ้นจนน่าตกใจ ในสมองได้ยินเพียงแค่เสียงคำสั่งของไม้โทที่เขาบอกให้ฉันเดินไปเรื่อยๆ ทางตึกเทา ฉันเม้มริมฝีปากแน่นแล้วพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อรู้สึกว่าหัวใจมันเต้นแรงมากเกินกว่าปกติ อยากจะปรับให้มันเต้นช้าลงกว่านี้สักนิดแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำได้ยากเหลือเกิน ติ๊ง! แล้วลิฟต์ก็พาฉันมาถึงชั้นล่าง เป็นอีกครั้งที่ฉันยืนจ้องมองบานประตูลิฟต์เคลื่อนตัวออกจากกันช้าๆ แต่ทว่าทันทีที่มันเปิดกว้างจนสุด ฉันก็ถึงกับต้องลอบกลืนน้ำลาย ข้างล่างนี่มืดหนักกว่าข้างบนอีก ฮือออ ถึงจะมีไฟส่องสว่างสลัวๆ พอให้มองเห็นทางเดินได้ แต่ก็อย่างที่บอกว่ามันสว่างไม่มากพอจะทำให้ฉันลืมว่าตัวเองกลัวผีไปได้หรอกนะ ฉันควรทำยังไงดี กลับขึ้นไปข้างบนได้มั้ย ไม้โทจะหลอกให้ฉันลงมาคนเดียวรึเปล่า หรือเขาแค่จะไล่ฉันออกจากห้องเพราะฉันขโมยนมในตู้เย็นของเขา “ฮัลโหลไม้โท” ฉันรีบกรอกเสียงลงไปตามสายทันทีเมื่อไม้โทกดรับโทรศัพท์ ฉันกดโทรหาเขาตั้งแต่ที่ประตูลิฟต์เปิดออกแล้วเห็นว่าบรรยากาศด้านนอกทั้งมืดทั้งเงียบแล้วนั่นแหละ [ทำไมไม่เดินออกจากลิฟต์] “นายอยู่ไหนน่ะ รู้ได้ยังไงว่าฉันยังอยู่ในลิฟต์” [ฉันอยู่ที่บันไดหนีไฟ บอกแล้วไงว่าให้เดินนำไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเลย เดี๋ยวฉันเดินตามไปข้างหลัง ไม่ต้องหันมามองล่ะ] ไม้โทสั่งเป็นฉากๆ ทว่าขาฉันกลับก้าวออกมาได้แค่สองก้าวมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าลิฟต์และกำลังพยายามมองไปที่บันไดหนีไฟตามที่เขาบอก ซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะเจอเขายืนอยู่เลยนี่นา “แต่ฉันไม่เห็นนายเลยนะ” [บอกแล้วไงว่าไม่ต้องหันมามอง] “อ้าว แล้วฉันจะเชื่อนายได้ยังไงล่ะ ถ้าเกิดนายหลอกให้ฉันเดินไปคนเดียวฉันจะทำยังไง ฉันไม่มีเงินติดตัวสักบาทนายก็รู้” ฉันพูดพลางพยายามจะชะเง้อคอมองหาไม้โท ตอนนี้เริ่มกังวลหลายเรื่องทั้งเรื่องผีแล้วก็เรื่องที่อาจจะโดนไม้โทหลอก หนักเข้าก็อยากจะรู้ว่าเขาโกหกฉันรึเปล่า ก็เลยตัดสินใจเดินตรงมาที่บันไดหนีไฟ แล้วก็เห็นว่าเขาเดินออกมาจากตรงนั้นจริงๆ เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้หันมามองฉัน แต่เดินผ่านฉันไปเลย และกำลังเดินนำฉันไปเรื่อยๆ มือขวาถือโทรศัพท์ซึ่งกำลังพูดสายกับฉันอยู่ในขณะที่มือซ้ายซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง [เดินตามมาสิ ยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ] ปลายสายทำเสียงดุใส่ ฉันก็เลยได้แต่เดินตามเขาออกมาตามคำสั่งทั้งที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด ฉันเดินตามหลังไม้โทมาเงียบๆ ซึ่งพอได้มองเห็นแผ่นหลังของเขาที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้ฉันลงลิฟต์มาคนเดียว มิหนำซ้ำทีแรกยังสั่งให้ฉันเดินนำไปก่อนและห้ามหันไปมองเขา ต้องเป็นเพราะเขาไม่อยากจะให้ใครเห็นว่าเราลงมาด้วยกันแน่ๆ เขาคงกลัวคนอื่นจะรู้สินะว่าฉันอยู่กับเขา คิดแล้วฉันก็เริ่มรู้สึกผิดที่บอกให้เขามาเป็นเพื่อน มันเหมือนฉันกำลังทำตัวเป็นภาระของเขาแบบที่เขาเคยพูด [ถึงร้านแล้วจะกินอะไรก็สั่งเลยนะ ฉันเอาเงินใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้ว ล้วงดูว่ายังอยู่มั้ย] ไม้โทพูดเหมือนคุยโทรศัพท์ปกติ ซึ่งคนอื่นคงไม่รู้หรอกว่าคนปลายสายที่เขาพูดอยู่ด้วย เดินตามเขาอยู่ด้านหลังนี่เอง ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตของไม้โทตามที่เขาบอก แล้วก็เจอแบงก์ร้อยในกระเป๋าเสื้อจริงๆ พอรู้แบบนี้แล้วฉันก็ได้แต่จ้องมองเงินในมือสลับกับแผ่นหลังของคนที่ยังเดินอยู่ข้างหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในขณะที่เขาทำเหมือนไม่สนใจฉัน เบื่อหน่ายฉัน แต่กลับคิดและทำทุกอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบจนฉันเองก็ยังคิดไม่ถึงเหมือนกัน [เดินให้มันเร็วๆ หน่อย รีบกินจะได้รีบกลับ ฉันง่วง] “เดี๋ยวฉันซื้อกลับไปกินที่ห้องก็ได้นะ” [ไม่ต้อง กินที่ร้านได้เยอะกว่า ใส่ถุงมันได้น้อย] ดูท่าว่าจะงกเข้ากระแสเลือดสินะ “แล้วนายล่ะ จะกินอะไรมั้ย ฉัน...เลี้ยง!” [เหอะ เอาตัวให้รอดเถอะ แค่นี้นะ] “เดี๋ยวสิไม้โท” ฉันร้องเรียกเมื่อไม้โทพูดเหมือนจะวางสายไปซะดื้อๆ ฉันเห็นนะว่าเขาเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูแล้ว แต่พอได้ยินเสียงของฉันเขาก็เอามันกลับไปแนบหูเอาไว้อีกรอบ เขาฟังอยู่ เพียงแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา “ไม่ต้องวางได้มั้ย ฉันกลัว” ฉันสารภาพเบาๆ เพราะลึกๆ แล้วก็รู้สึกอายที่จะพูดนั่นแหละ และถึงแม้จะเห็นว่าไม้โทเดินนำอยู่ แต่สองข้างทางที่เดินมามันก็ยังมืดพอสมควร ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นมั้ยเวลาเดินในที่มืดๆ แล้วชอบจินตนาการว่าจะมีอะไรสักอย่างโผล่มาจากข้างทางบ้าง ท่อระบายน้ำบ้าง ซึ่งรู้เอาไว้เถอะว่าฉันเป็น [ไม่มีอะไรหรอกน่า ฉันก็เดินอยู่ข้างหน้าเธอแล้วไง ยังจะกลัวอะไรอีก ไม่ได้หลอกให้เดินมาคนเดียวสักหน่อย หรือถ้าเธอเห็นอะไรแปลกๆ ก็แหกปากร้อง ก็เท่านั้นเอง] น้ำเสียงของไม้โทเริ่มจะหงุดหงิด ซึ่งเมื่อฉันมองไปก็เห็นว่าเขายังคงเดินไปเรื่อยๆ ในขณะที่มือก็ยังคงถือโทรศัพท์แนบหูเอาไว้ตามเดิม แม้จะพูดเหมือนไม่เต็มใจจะพูดกับฉันแล้วก็ตาม “แต่มันไม่อุ่นใจเท่าได้ยินเสียงนายนี่” ฉันบอกเบาๆ พูดจบปลายสายก็เงียบไปสักพักจนฉันเริ่มใจคอไม่ดี ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าประโยคนั้นมันสื่อความหมายแปลกๆ แต่คิดได้แล้วยังไงล่ะ จะถอนคำพูดก็คงจะไม่ทันแล้วนี่นา “ก็ได้ๆ ค่ะ...แค่นี้ก็ได้” [เดี๋ยว] คำเดียวสั้นๆ ของไม้โททำให้ฉันชะงักฝีเท้าลอบกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ก่อนจะเห็นว่าเขาเองก็หยุดเดินแล้วเหมือนกัน แถมยังกำลังหันกลับมามองหน้าฉันอีกต่างหาก ไม้โทยืนนิ่งไม่ขยับ สายตานิ่งๆ ของเขากำลังจ้องมองมาที่ฉันอย่างไม่ละสายตา ซึ่งฉันก็ได้แต่ยืนเกร็งไปหมดเพราะไม่เคยถูกเขาจ้องมองนานแบบนี้มาก่อน เราสองคนยืนห่างกันเกือบหนึ่งช่วงเสาไฟฟ้า ในมือของเราต่างคนต่างยังคงถือโทรศัพท์แนบหูเอาไว้ สายตามองกันเหมือนพระเอกนางเอกในหนังไม่มีผิด หากแต่ฉันรู้ดีว่าในสายตาของไม้โท เขาไม่มีทางจะมองฉันแล้วคิดอะไรลึกซึ้งแบบนั้นแน่นอน [หวาน] ใจเต้นแทบผิดจังหวะเมื่อได้ยินเสียงจากคนปลายสายเอ่ยปากเรียกชื่อของฉันเพียงแผ่วเบา ก่อนจะเห็นว่าเขาขยับริมฝีปากพูดอีกครั้งช้าๆ แต่กลับไม่ได้เปล่งเสียงออกมา ซึ่งฉันเหมือนจะอ่านปากของเขาออกว่าเขาตั้งใจจะพูดว่า... [ผี...หลอก]
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม