มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าสวย ดวงตาคมจ้องอยู่บนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูอมแดง อยากรู้มานานแล้วว่ามันจะให้รสชาติอย่างไรจึงยื่นนิ้วหัวแม่มือไปนวดคลึงแผ่วเบา
ขวัญข้าวเผยอปากขึ้นเล็กน้อย กดหัวคิ้วเข้าหากัน หายใจแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้จะเคยจูบกับคนรักมาแล้วหลายครั้งก็ตาม
“จูบนะ”
พูดจบก็ประคองใบหน้าเธอเงยขึ้นรับจูบ ทันทีที่ริมฝีปากอุ่นร้อนสัมผัสลงไปบนกลีบปากนุ่มนิ่ม หนุ่มสาวก็ถอนหายใจพรืดพร้อมกันเพื่อระบายความอัดแน่นคับอก
เขาละริมฝีปากออกมาเพียงเล็กน้อยแล้วแตะจูบลงไปใหม่ เห็นเธอหลับตาพริ้ม เผยอปากยินยอม จึงบดเบียดความนุ่มนิ่มในจังหวะเนิบนาบเร้าอารมณ์
มือใหญ่สอดเข้าแนวสันกรามโค้งมนแล้วประคองหน้าเธอให้เงยขึ้นอีกนิด เขาเอียงหน้าปรับองศาไม่ให้จมูกคนทั้งคู่ชนกัน ก่อนจะเคล้าคลึงหนักเบาสลับกันไปตามอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยานสูงขึ้นทุกขณะ
ลิ้นสากสอดแทรกเข้าไปในโพรงอุ่น มันกวาดต้อนควานหาลิ้นเล็กจนเจอ ก่อนจะเกี่ยวพันหยอกล้อจนเธอหัวหมุนเคว้ง ตวัดลิ้นเกี่ยวพันกลับไปเหมือนกัน
คนตัวโตครางฮือในลำคอด้วยความชอบใจ ขยับริมฝีปากบดจูบร้อนเร่า ในขณะที่มือเลื่อนมาบีบขยำหน้าอกอวบใหญ่เกินตัวเป็นครั้งแรก
“อืม...ข้าว”
ริมฝีปากร้อนละออกมาจ้องใบหน้างาม เธอลืมตาขึ้นมองเขาช้า ๆ แววตาสับสนตื่นกลัว มันน่ารักจนเขาแทบอดใจไม่ไหว อยากจะผลักเธอลงเตียงแล้วกระแทกสุดแรงเสียเดี๋ยวนี้
“อย่ามองฉันแบบนี้ คิดจะยั่วกันหรือไงข้าว”
“มะ ไม่”
รสชาติหวานยังคงติดลิ้นทำเขาติดใจ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเพื่อนรักของเขาจะให้ความรู้สึกดีเช่นนี้ ถึงว่าพอไอ้หมอนั่นรู้ตัวว่าแพ้ จึงแทบคลั่ง
“แลบลิ้นให้หน่อยสิ”
ลิ้นเล็กสีชมพูลิ้นกระต่ายค่อย ๆ ยื่นออกมาช้า ๆ เขากัดกรามแน่นข่มอารมณ์ ก่อนจะทนไม่ไหว โผเข้าดูดดึงลิ้นเธอราวกับคนหิวกระหายจนมีเสียงเฉอะแฉะเล็ดลอดออกมา
ชุดเดรสสีขาวถูกรูดซิปจนสุดรางแล้วถอดร่นลงกองแทบเท้า ตามมาด้วยชุดชั้นในผ้าลูกไม้สีดำทั้งสองชิ้นที่ถูกโยนทิ้งลงไปตามกันทั้งที่ปากและลิ้นของคนทั้งคู่ยังไม่ยอมละห่างจากกันสักนิด
ความอดทนของเขาหมดลงแล้ว จึงช้อนอุ้มเธอในท่าเจ้าสาวมานอนบนเตียงกว้าง แล้วตามขึ้นโหย่งตัวคร่อมทับ ปากร้อนไถลออกมาจูบเม้มที่ซอกคอหอมเชื่องช้าเนิบนาบทำเธอขนลุกซู่ไปทั่วร่าง
“อืม ลม...”
เสียงหวานครางแผ่วอยู่ข้างใบหูทำคนตัวโตที่กำลังซุกไซ้ซอกคอหอมอมยิ้มพอใจ เขาขยับตัวถอดเสื้อยืดแบรนด์เนมทิ้งลงบนพื้นอย่างรีบเร่ง ดวงตาคมกริบวาบลึกกวาดมองคนตัวบางเปลือยเปล่าที่นอนระทดระทวยอยู่บนเตียงกว้างของคอนโดมิเนียมสุดหรู
ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินไปตามครรลองของธรรมชาติ จวบจนแสงแรกของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า สองร่างที่โยกขย่มกันอย่างเมามันมาทั้งคืนจนแทบไม่ยอมหยุดพักก็ทิ้งตัวลงกอดรัดกันแน่น คำรามก้อง จับจูงมือกันขึ้นแตะขอบฟ้าของเช้าวันใหม่อย่างเสียวซ่านเกินจะบรรยาย
แต่นั่นมันยังไม่เพียงพอ คนสับปลับยังตื่นมาจับเธอกินอีกครั้ง ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
ภาพค่ำคืนร้อนแรงหายวับไปจากสมอง เธอกลับเข้ามาสู่ห้วงปัจจุบันอีกครั้ง
“ลงไป”
เอ่ยปากไล่ชายหนุ่มที่นอนทาบทับอยู่บร่างกายเธอในท่วงท่านอนคว่ำทับกันโดยที่ท่อนเนื้อยังคงสอดประสานอยู่ในความสาว และเขาก็ยอมถอดถอนความเป็นชายออกมาแต่โดยดี แถมยังอุ้มเธอเข้าไปอาบน้ำพร้อมกันหน้าตาเฉย
เสียงกรีดร้องก่นด่าและทุบตีดังสะท้อนในห้องน้ำ ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นเสียงครางกระส่าประสานเสียงเนื้อกระทบกันในจังหวะลามก เนิ่นนานกว่าที่ทุกอย่างจะสงบลงอย่างแท้จริง
“ไอ้เพื่อนชั่ว ไอ้คนสับปลับ ไอ้คนเชื่อถือไม่ได้ ไอ้หื่น ไอ้...”
เขาชี้หน้าคาดโทษ เธอจำต้องหุบปากแล้วเดินหนีออกมาจากห้องน้ำเพื่อสวมใส่เสื้อผ้าชุดเก่าที่ถูกถอดโยนทิ้งกระจายทั่วห้อง
“หิวไหม” เมื่อสวมเสื้อผ้าเสร็จ เขาก็ยังมีแก่จะใจถาม
“คิดว่าไง ไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่เมื่อคืน นี่กะเอาให้ตายเลยมั้ง”
“เอาน่ะใช่ แต่ให้ตายก็คงไม่ขนาดนั้นมั้ง”
“เหอะ ทุเรศ”
“ตกลงว่าไง จะพูดกันดี ๆ ได้ไหม”
“อืม ปกติก็พูดกันแบบนี้ แล้วจะเอาดีขนาดไหน”
“สงสัยโมโหหิว รู้แล้วน่า เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าว เอาร้านโปรดไหม จ่ายไม่อั้น”
“ขอบใจ”
เธอสะบัดหน้าหนีแล้วเดินออกจากห้อง เขาจึงรีบวิ่งตามไปทันที่ลานจอดรถพอดี ก่อนจะพาเธอไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เธอก็ตักกินด้วยความหิวโหย แทบไม่เงยหน้ามองเขาอีก ไม่นานก็อิ่ม ที่สั่งมาเยอะแยะเต็มโต๊ะจึงต้องเป็นเขาที่รับผิดชอบ
“สั่งมากินได้ทั้งหมู่บ้าน ท้องก็แบนแค่นี้ ตะกละจริง ๆ”
“แล้วทีแกล่ะ เมื่อคืนไม่ตะกละหรือไง เงินแค่สองแสน เอาให้คุ้มเลยมั้ง”
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ”
“อืม หุบปากเรื่องนี้ให้สนิทแล้วกัน อย่าบอกใครแม้แต่คนเดียว ถ้ามีใครรู้เรื่องของเรา แกตายแน่”
“เออ รู้แล้วน่า ฉันก็ไม่ได้อยากบอกใครหรอกนะว่าเอาเพื่อนตัวเองไปแล้ว”
“กลัวคนอื่นว่าชั่ว?” เธอเลิกคิ้วถาม
“ฉันก็ไม่ใช่คนดี”
เบะปากใส่คนที่ยอมรับว่าตัวเองชั่ว ก่อนจะโบกมือเรียกพนักงานมาที่โต๊ะอีกเป็นครั้งที่เท่าไรก็จำไม่ได้
“พี่คะ ขอสั่งขนมหวานค่ะ เอาบัวลอยไข่หวาน ลอดช่องน้ำกะทิแตงไทย อุ๊ย อันนี้ก็น่ากิน เอาเค้กอันนี้ด้วยค่ะ อันนี้อีกหนึ่งชิ้น เอาชิ้นนี้ด้วยนะคะ แล้วก็เอาน้ำมะพร้าวเพิ่มอีกแก้วค่ะ”
มือปิดเล่มเมนูเสียงดังในขณะที่ริมฝีปากเหยียดยิ้มสะใจพร้อมกับดวงตาวาววับเอาเรื่อง นั่นทำให้คนที่กำลังตามเก็บอาหารนับสิบอย่างบนโต๊ะหัวเราะเบา ๆ ขำทั้งเธอขำทั้งตัวเอง
“สั่งมาเยอะขนาดนี้ กินให้หมดล่ะ ถ้ากินไม่หมดฉันจะเอาเธอตามจำนวนที่เหลือ”
“ดีลนั้นเราปิดกันไปแล้วค่ะเพื่อน ไม่โมเมแล้วเนอะ ถึงจะติดใจก็ต้องอดทนนะคะ...เพื่อนรัก”
เขาแค่นหัวเราะหยัน แววตาคาดโทษส่งไปยังเธอที่ลอยหน้าลอยตาไม่รู้สึกสลดสักนิด
สุดท้ายเขาก็ต้องถือกล่องอาหารมากมายที่เธอเอาแต่สั่งไม่หยุด ขนมหวานทุกชิ้นไม่มีร่องรอยแตะต้องสักนิด เขาก้มมองถุงกับข้าวเต็มสองมือแล้วนึกขำ ก่อนจะคว้าแขนคนตัวบางเมื่อเธอกำลังจะเลี้ยวไปยังลานจอดรถ
“อ้าว จะไปไหน”
“ฉันจะไปซื้อของ”
“ที่ถืออยู่ยังไม่เต็มมืออีกเหรอจ๊ะ”
“เหอะ แกล้งได้แกล้งไป อย่าให้ถึงทีฉันนะยัยข้าวสารเสก”
“ไอ้ลมบ้าหมู ทำไม ถึงทีแกแล้วมันจะทำไม ต่อไปนี้แกไม่มีปัญญาทำอะไรฉันแล้วย่ะ เรื่องเมื่อคืนก็อย่าสะเหล่อพูดมันออกมาอีก ไม่งั้นฉันเอากีตบปากแกแน่”
พูดออกไปแล้วก็ยกมือปิดปากด้วยความตกใจ ถ้อยคำหื่นห่ามพวกนี้เคยพูดเล่นกันมาตลอดเพราะรู้ว่าเขาไม่เคยชิมส่วนนั้นของผู้หญิงคนไหน ยกเว้นเธอที่โดนเขาชิมไปหลายครั้งเมื่อคืนนี้
“จะนอนให้ตบเลย”
“ทะลึ่ง”
“เธอเองไม่ใช่เหรอ ที่พูดว่าจะตบปากฉันด้วยกีหอม ๆ ของเธอ”
“ไอ้บ้า จะไปไหนล่ะ นำสิ”
โวยวายกลบเกลื่อนแล้วผลักให้เขาเดินนำ ก่อนจะเดินตามไปเงียบ ๆ แต่ตาเจ้ากรรมดันเอาแต่จ้องมองแผ่นหลังกว้างที่เธอโอบกอดมาตลอดทั้งคืนตอนที่เขานอนทับแล้วขยับโยกบนกายเธอ
แค่คิด ใบหน้าก็ร้อนผ่าว ไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องเมื่อคืนมันจะทำให้ความรู้สึกที่เธอเคยมีต่อเพื่อนสนิทอย่างเขามันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้