“อะ กินซะสิ”
วายุส่งยาคุมฉุกเฉินให้ขวัญข้าวพร้อมน้ำเปล่าขวดเล็ก เธอรับมากินทันทีโดยไม่ลืมส่งค้อนให้คนประมาท
“ขอบใจ ทีหลังไม่ต้อง”
“ไม่ต้องซื้อยาให้กินเหรอ จะดีเหรอข้าว เธอจะท้องก่อนเรียนจบนะ”
“กวนตีน”
ด่าเสร็จก็เดินนำ ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะเดินเข้าร้านไหน เมื่อหันหลังกลับมาไม่เจอเขาจึงรีบเดินตามหา เห็นเขายืนยิ้มหวานกับพนักงานสาวสวยร้านชุดชั้นในสตรีจึงรีบตรงดิ่งไปรั้งข้อมือใหญ่
“ลม นี่มันร้านชุดชั้นในผู้หญิง จะหลีก็ให้มันดูตาม้าตาเรือหน่อยสิ”
เธอกวาดมองรอบร้านมีแต่หญิงสาว ไม่มีชายหนุ่มสักคน
“ฉันไม่ได้มาหลี แต่มาซื้อของ เอาชุดนั้น ชุดนั้น ชุดนั้นด้วยครับ ชุดนอนตัวนู้นด้วย นี่ด้วย คัพดีนะครับ”
คนที่มีข้าวของเต็มมือชี้ไปยังเป้าหมาย ล้วนแล้วแต่เป็นชุดชั้นในผ้าลูกไม้สุดเซ็กซี่ทั้งนั้น แถมยังเป็นไซซ์ที่เธอใส่อีกต่างหาก
“ซื้อให้ใคร”
“เธอไง ใส่แบบนี้แล้วดูดีนะ ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดแล้วกัน ใกล้ถึงแล้วนี่”
คนตัวบางเม้มปากแน่น ทุกทีเธอจะได้ของขวัญวันเกิดเป็นกระเป๋าหรือไม่ก็เครื่องสำอาง แต่ครั้งนี้เขากล้าถึงขนาดซื้อชุดชั้นในให้เธอ แถมยังบอกไซซ์ถูกอีกต่างหาก
“อือ รีบไปจ่ายเงินสิ แม่ไลน์ตามแล้วนะ”
เมื่อคืนหลังจากที่โดนเขารังแกไปสองครั้งติด เธอจึงมีโอกาสส่งข้อความไปบอกแม่ว่าเธอจะไปนอนค้างที่บ้านของเพื่อนรักซึ่งทำงานพิเศษอยู่ร้านเดียวกัน
“ไปสิ”
ไม่นานรถยนต์คันหรูก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านราคาแพง เธอเอื้อมหยิบถุงชุดชั้นในซึ่งวางอยู่บนเบาะด้านหลังทำให้ใบหน้าสวยอยู่ใกล้เขาเพียงเอื้อม
คนหล่อหันมองเธอเล็กน้อย กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เม้มปากแน่นชั่งใจ เมื่อเธอหยิบถุงได้แล้วก็กำลังจะเปิดประตูลงรถเขาก็รั้งต้นคอเล็กให้ขยับเข้าหาแล้วจูบเบา ๆ บนริมฝีปากอวบอิ่มทันที
ขวัญข้าวชะงักเล็กน้อย เขาค่อย ๆ ละริมฝีปากออกมาแต่สายตายังคงจ้องอยู่บนความจิ้มลิ้มสีชมพูสด
เธอเม้มปากครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา
“ฉันไปนะ”
“พรุ่งนี้ไปเรียนพร้อมกันไหม”
มือที่กำลังจะเปิดประตูชะงัก ค่อย ๆ หันกลับมามองเขาด้วยความแปลกใจ ก่อนนี้เธอกับพี่ชายมีรถยนต์คันหรูขับไปเรียนคนละคัน แต่ตอนนี้เธอให้แม่เอาไปขายแล้ว จึงนั่งรถเมล์ไปเรียนทุกวันมาพักใหญ่ ก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีน้ำใจชวนเธอไปเรียนพร้อมกันแบบนี้
“ฉันไปเรียนเองได้ ตอนเย็นต้องทำงานพิเศษด้วย”
“ฉันว่าสถานการณ์บ้านเธอก็ไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้น ไม่เห็นต้องทำงานให้ลำบาก เฮียขุนก็ด้วย เทอมหน้าก็จะฝึกงานแล้วยังจะเหนื่อยไปหางานพิเศษทำอีก”
“ก็แค่อยากช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ แค่นี้ท่านก็เครียดกันมากพอแล้ว ทำงานก็หนักกว่าปกติ ฉันแทบจะไม่เจอหน้าพ่อแม่เลยตอนกลับบ้าน”
“เรื่องคดีเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมไม่คืบหน้าเลยเหรอ”
“ยังเลย ทางนั้นก็เส้นใหญ่พอตัว รู้จักคนเยอะ ส่วนพ่อแม่ฉัน นอกจากเรื่องคดีที่ต้องตาม ยังต้องหาแหล่งเงินทุนใหม่อีก ไม่งั้นโรงงานก็ชะงัก ตอนนี้รับได้แค่รายย่อย ๆ พยุงโรงงานไปก่อน รายใหญ่ไม่มีใครยอมจ่ายเงินก่อนให้พ่อแม่ฉันผลิตให้เลย เพราะกลัวว่ามันจะไม่มีคุณภาพเหมือนที่รายนั้นโจมตี”
ความเครียดฉายชัดบนใบหน้างามทำให้เขานึกสงสาร แต่ก็เกินความสามารถที่เขาจะช่วยเหลือ ในเมื่อเขาเองก็เป็นเพียงนักศึกษาชั้นปีที่สามเท่านั้น
“เดี๋ยวมันก็ต้องมีทางออก ต่อไปนี้เธอก็ตั้งใจเรียนล่ะ อย่าไปสนใจเรื่องมีแฟนให้มากนัก แล้วถ้าจะคบใครก็หัดฟังคำเตือนของฉันกับเฮียขุนไว้บ้าง ไม่งั้นจะเสียทั้งตัวเสียทั้งใจแบบนี้”
“ก็แกมันใจร้าย ไอ้เพื่อนขี้งก”
“อืม ฉันยอมรับว่าฉันใจร้าย แต่นั่นมันเป็นกฎ ได้ผู้หญิงที่เป็นของเดิมพันมาแล้วก็ต้องเอา ไม่มีใครปล่อยเธอไปเฉย ๆ หรอกนะ”
“กฎบ้ากฎบออะไร อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันแกนะ”
“รู้ทันอะไร ไหนว่ามาซิ”
“ก็แกมันหื่นไง”
“ก็ใช่ไง แล้วเธอก็เป็นของรางวัลของฉันตั้งหนึ่งคืน”
“ตอนเช้าแกก็ทำ ไหนล่ะ เงินที่แกบอกจะให้ฉัน เอามาเลย”
ในเมื่อเสียตัวเกินกว่าที่ตกลงกันเอาไว้จึงแบมือขอเงินที่เขาสัญญาว่าจะให้
“งกจริง ๆ”
“ไม่ได้สิ ตอนนี้ระหว่างเราไม่มีคำว่าเพื่อน ทำเกินกว่าที่ตกลงกันไว้ก็จ่ายมาซะดี ๆ”
เขาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอกับถ้อยคำยอกย้อน แล้วเปิดลิ้นชักคอนโซลหน้ารถตรงที่เธอนั่ง หยิบซองสีน้ำตาลสองซองที่บรรจุเงินจำนวนหนึ่งล้านแปดแสนบาทออกมายื่นให้
“อะ ล้านแปด นับก่อนได้นะ”
“เดี๋ยวนับแน่นอน ถ้าขาดไปสักใบเดียวฉันจะปรับแกสองเท่า”
“โคตรงก”
ขวัญข้าวยื่นมือไปรับซองทั้งสองมาเปิดดูเพียงเล็กน้อย นึกเจ็บใจที่เสียรู้ผู้ชายคนนั้นจนต้องกลายเป็นของเดิมพันในการแข่งขันบ้า ๆ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยที่คนที่ชนะการแข่งขันเป็นเขา...เพื่อนรักของเธอ
เพราะถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่รู้ว่าเรื่องเมื่อคืนมันจะเลวร้ายแค่ไหน แถมถ้าถูกทำอะไรจนถึงเช้าก็อาจจะไม่มีทางได้เงินเดิมพันทั้งหมดเหมือนแบบนี้ก็ได้
“แกอยากหื่นเกินเอง ช่วยไม่ได้”
เธอยัดซองสีน้ำตาลทั้งสองซองใส่ลงในถุงชุดชั้นในแบรนด์ดัง แล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูรถอีกครั้ง
และครั้งนี้ก็เป็นเช่นเดิมเมื่อเขารั้งต้นคอเล็กให้หันกลับมารับจูบ
ริมฝีปากหยักบดเบียดเร่าร้อน ลิ้นสากสอดแทรกเข้ากวาดต้อนความหวานสลับดูดดึงลิ้นเล็กจนเธอร้องครางโหย ไม่ต่างจากเขาที่เปล่งเสียงแหบพร่าในลำคอเพื่อระบายความรู้สึก
“อืม ข้าว บ้านเธอมีคนอยู่หรือเปล่า”
ปกติวันอาทิตย์ครอบครัวเธอจะอยู่พร้อมหน้า แต่ตอนนี้พ่อกับแม่ต้องออกไปจัดการธุระต่าง ๆ ทั้งวันจนหัวหมุน ส่วนพี่ชายเธอก็ออกไปทำงานพิเศษตั้งแต่เช้า บ้านทั้งหลังจึงเงียบเชียบ
“มะ ไม่ ทำไมเหรอ”
“ขอเข้าไปในบ้านหน่อยสิ ได้ไหม”
“แกจะเข้าไปทำไม”
“เมื่อก่อนไม่เห็นต้องถาม”
“ฉันไม่สะดวก จะอาบน้ำนอน เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
“เหนื่อยก็นอนไปสิ ฉันก็ไม่ได้จะกวน”
“แกเลิกคิดไปได้เลย เรื่องเมื่อคืนมันจบไปแล้ว ตอนนี้แกกับฉันกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม อย่าล้ำเส้น ไม่งั้นฉันฟ้องแม่แกแน่ว่าแกแอบไปแข่งรถแล้วก็เล่นพนันบ้า ๆ พวกนี้ด้วย”
“ถ้าอยากให้แม่จับฉันกับเธอแต่งงานกันก็ตามสบาย อยากฟ้องอะไรก็ฟ้อง อย่างมากฉันก็โดนแค่แม่บ่น แต่เธอนี่สิ จะโดนฉันปล้ำทั้งวันทั้งคืนในฐานะเมีย”
“แหวะ ไม่เอาอะ จะอ้วก”
“เหอะ เอาไปตั้งกี่ครั้งแล้วไม่เห็นอ้วก พอรับเงินไปแล้วทำมารังเกียจ เดี๋ยวก็จับกดในรถซะเลย”
“ถ้าแกทำ ฉันจะ...”
“จะอะไร จะฟ้องใครอีกล่ะ แม่ฉันหรือแม่เธอ หรือเฮียขุนดี”
“ไม่ฟ้องใครทั้งนั้น แต่จะเอาไอ้นี่ทุบหัวแกให้แบะเลย คอยดูสิ”
เธอชูแบตเตอรี่สำรองชิ้นใหญ่ขึ้นเหนือหัวเป็นเชิงขู่ แม้จะไม่ได้กลัวท่าทีขู่ฟ่อราวลูกแมวน้อย แต่ก็ตัดสินใจยอมปล่อยเธอไปก่อน
“เออ ยอมก็ได้ ฉันจะนับหนึ่งถึงสิบ ถ้ายังเห็นเธออยู่ในสายตา ฉันจะลากเธอมาปล้ำจริง ๆ หนึ่ง สอง...”
คนตัวบางเปิดประตูรถยนต์แล้ววิ่งพรวดลงไปไขประตูเข้าบ้านมือไม้สั่นจนลูกกุญแจหล่นลงพื้นจึงทรุดตัวก้มเก็บ เขาเห็นดังนั้นจึงเปิดประตูรถออกมายืนกอดอกพิงประตูด้วยท่วงท่าสุดเท่แล้วนับต่อไปเพื่อกดดันเธอ