“ห้า หก...อ้าว เร็ว ๆ สิ หรืออยากโดนปล้ำ”
เธอหันค้อนขวับแล้วรีบลุกขึ้นไขกุญแจอีกครั้งท่ามกลางแรงกดดันของตัวเลขที่ใกล้จะถึงเส้นตาย
“แปด เก้า...”
เพียงอึดใจสุดท้ายเธอก็เปิดประตูพรวดแล้วก้าวเข้าบ้าน ก่อนจะหันมาแลบลิ้นใส่เขาอย่างน่ามันเขี้ยว
“ไม่ได้แอ้มฉันหรอก แบร่”
พูดจบก็ปิดประตูบ้านทันที คนตัวโตที่ยังยืนกอดอกอยู่ที่เดิมหัวเราะร่วน ยกมือชี้ประตูไม้บานทึบคาดโทษคนที่ไม่รู้ว่าจะได้ยินหรือเปล่า
“ฝากไว้ก่อนเถอะ รอบหน้าเธอไม่รอดแน่”
คาดโทษเสร็จก็ขับรถออกจากบ้านของเธอแล้วเลี้ยวเข้าประตูรั้วที่เปิดเอาไว้ซึ่งอยู่ติดกัน ส่งถุงกับข้าวมากมายให้แม่บ้านแล้วเดินควงกุญแจผิวปากเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี
“แหม หายไปทั้งคืน กลับมาก็ผิวปากฮัมเพลง อารมณ์ดีอะไรมาล่ะ พ่อตัวดี”
พิชามญช์ เอ่ยแซวลูกชายที่เดินผ่านห้องนั่งเล่นซึ่งเธอกำลังนั่งจัดแจกันดอกไม้ข้าง ๆ สามี คนตัวโตจึงแวะเข้ามาสวมกอดแม่อย่างออดอ้อน
“ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีมาเลยนะครับ”
“ไม่ต้องรีบแก้ตัว แอบไปแข่งรถมาอีกแล้วใช่ไหม”
“โธ่ แม่ครับ ใครจะแอบไปแข่งรถกัน ผมแค่ไปดูผับ มีปาร์ตี้กับเพื่อนต่อ เมามากไปหน่อยเลยกลับบ้านไม่ไหว ไปนอนที่คอนโดมาครับ”
“ไปนอนคอนโด ห้องเชือดสินะ ไหน เอาสาวไปนอนด้วยกี่คน บอกมานะ”
สาววัยกลางคนทำทีเป็นหวงลูกชาย ย่นจมูกฟุดฟิดสูดดมกลิ่นตามเสื้อผ้ากลับต้องย่นคิ้วแปลกใจ
“กลิ่นน้ำหอมของข้าวสวยนี่ ใช่ไหม”
วายุเอนตัวหนี ตกใจที่แม่แยกแยะกลิ่นน้ำหอมของเขากับกลิ่นของเพื่อนรักที่อาจจะติดมาตามเสื้อผ้าของเขาตอนปล้ำจูบเธอเมื่อครู่
“แม่ครับ กลิ่นนี้ใคร ๆ ก็ใช้ มันกลิ่นยอดนิยมของสาว ๆ ครับ ผมมีกลิ่นนี้ติดตัวกลับบ้านมาตั้งหลายครั้งไม่เห็นแม่ทักสักที”
“จริงเหรอ แม่ว่าน่าจะใช่นะ นี่มันกลิ่นข้าวสวยชัด ๆ”
พูดพลางยื่นหน้าไปดมอีก ทั้งยังย่นหัวคิ้วสงสัยเต็มที
“แม่สนิทกับยัยนั่นจนเพี้ยนไปแล้ว อะไรก็ข้าวสวย ข้าวสวย ที่ผมมีแฟนไม่ได้เพราะแม่เอาแต่พูดถึงยัยนั่นกรอกหูผมทุกวัน”
“ก็แม่ชอบข้าวสวย จะมีแฟนก็ต้องให้ได้แบบข้าวสวยเท่านั้น ถ้าผู้หญิงของแกไม่ผ่านมาตรฐานของข้าวสวย ไม่ต้องเอามาให้แม่เห็นหน้า”
“เหอะ งั้นเอายัยข้าวสวยของแม่เป็นแฟนเลยดีไหมครับ ชอบดีนัก”
“ดี ดีที่สุด แต่เอ๊ะ แม่ว่าติดอยู่อย่างหนึ่ง”
สีหน้าเคร่งเครียดของคนเป็นแม่ทำเขาใจแป้ว คิดว่าแม่กับพ่อจะรังเกียจเพื่อนรักของเขาที่ตอนนี้กำลังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ อาจจะต้องกลายเป็นครอบครัวล้มละลาย ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนก่อน
“อะไรครับแม่”
“ติดอยู่ที่ข้าวสวยไม่มีวันเอาแกนี่สิ เฮ้อ คุณคะ สงสัยเราสองคนจะไม่มีวาสนาได้ลูกสะใภ้ดี ๆ ที่ถูกใจกับเขาแล้วค่ะ คงไม่มีบุญได้อุ้มหลานก่อนตายด้วย ก็ลูกชายเราทำตัวลอยไปลอยมา ทั้งเจ้าชู้ ทั้งชอบไปหมกตัวอยู่ในสนามแข่งบ้า ๆ นั่น ไหนจะผับอีก ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนจะมาชอบลูกเราล่ะ ถ้ามีหลุดเข้ามาในชีวิตได้ก็คงจะเป็นถูกพ่อลูกชายตัวดีของเราบังคับแน่ ๆ"
พิชามญช์แสร้งตัดพ้อด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยจนดูน่าสงสาร แต่ลูกชายเพียงคนเดียวอย่างวายุกลับไม่หลงกล โดยเฉพาะเมื่อคนเป็นพ่อหัวเราะร่วนเสียงดัง
“คุณพิ อย่าไปแกล้งลูกเลย ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็ก ๆ เถอะ ลูกเรามันคงไม่โง่ไปเลือกผู้หญิงไม่ดีมาเป็นแฟนหรอก”
วิศรุต เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์อันดับหนึ่งที่มีทุนจดทะเบียนหลายหมื่นล้านให้ท้ายลูกชาย แม้จะติดเกรงใจภรรยาสุดที่รัก แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของวัยรุ่นผู้ชายที่กำลังอยู่ในช่วงฮอร์โมนว้าวุ่น
“คุณก็อย่าให้ท้ายลูก ตามใจกันจนเคยตัว”
“อย่าทะเลาะกันเลยครับ ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงผมก็ต้องเลือกอยู่แล้ว ไม่เอาผู้หญิงไม่ดีมาเป็นลูกสะใภ้แม่หรอกครับ”
“ย่ะ”
“งั้นผมขึ้นไปงีบสักหน่อยนะครับ เพลีย ๆ ยังไงไม่รู้”
หอมแก้มนวลที่แทบไม่มีร่องรอยเหี่ยวย่นแล้วรีบขึ้นห้องไปอาบน้ำ ไม่นานก็เดินมานั่งเช็ดผมอยู่ปลายเตียงในชุดพร้อมนอน มือกดโทรหาใครบางคน
ในห้องนอนที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ร่างบอบบางในชุดนอนกระโปรงสั้นแบบเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวเดินมามองโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วถอนหายใจ ไม่อยากจะรับสาย แต่อีกฝ่ายก็โทรเข้ามารัว ๆ ไม่หยุด
“โทรมาทำไม ยังไม่ไปตายที่ไหนอีกเหรอ”
ปลายสายชะงัก รู้ว่าเธอต้องโกรธ แต่ก็ไม่คิดว่าจะโกรธถึงขนาดนี้
“ข้าว ผมขอโทษ”
“หุบปาก แล้วก็ไม่ต้องโทรมาอีก”
“ผมขอโทษ ข้าวให้โอกาสผมสักครั้งไม่ได้เหรอ”
“ดีแลน ฉันว่าคุณไม่ควรพูดคำนี้นะ ขอโอกาสเหรอ โอกาสอะไรล่ะ โอกาสให้คุณเอาฉันไปวางเดิมพันสนามไหนอีก”
“ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ผมตั้งใจว่าจะชนะให้ได้ อีกนิดเดียวผมก็จะชนะไอ้ลมแล้ว แต่มันอยากได้คุณ มันเลยไม่ยอมให้ผมชนะ”
ดีแลนโยนความผิดไปให้คู่แข่งตลอดกาลอย่างวายุ ทั้งที่ก่อนหน้าจะลงสนาม วายุได้ห้ามปรามไม่ให้เขาเอาเธอมาวางเป็นของเดิมพัน แต่เขาไม่เชื่อ
“คุณนี่มันทุเรศจริง ๆ โยนความผิดให้คนอื่นหน้าด้าน ๆ”
“อ๋อ พอนอนกับมันหน่อยเลยเข้าข้างมันงั้นเหรอ มันคงเด็ดมากเลยสินะ ถึงทำให้คุณติดใจจนพูดจาแบบนี้กับผม”
“ใช่ เขาเด็ดมาก แล้วฉันก็หลงเขาหัวปักหัวปำ”
“เหอะ ผมไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างมันจะนอนกับคุณนาน ผมไม่แคร์หรอกนะที่คุณจะมีอะไรกับใครก่อนผม ยังไงผมก็จะง้อขอคืนดีกับคุณให้ได้”
“อย่าพยายามทำอะไรที่มันไม่มีทางสำเร็จเลย เสียเวลาเปล่า ๆ แล้วก็ไม่ต้องโทรมาอีก เราเลิกกัน จบกันแค่นี้”
กดวางสายก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอยู่บนปลายเตียง มือทั้งสองข้างยกขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บใจ
เธอน่าจะเชื่อพี่ชายของเธอแต่แรกว่าไม่ควรคบกับผู้ชายคนนี้ แต่เพราะดื้อดึงหลงมัวเมา สุดท้ายก็เจ็บ แล้วแบบนี้จะโทษใคร
โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวส่งเสียงกรีดร้องอีกครั้ง เธอถอนหายใจ ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้วกดรับสายทันที
“จะโทรมาทำไมอีก ไปตายซะ ไอ้ชั่ว”
“โห นี่เธอพูดกับฉันแบบนี้เหรอ ยัยข้าวสาร”
เสียงที่คุ้นเคยและถ้อยคำกวนประสาททำเธอเบิกตาตกใจ มองหน้าจอโทรศัพท์เห็นเป็นชื่อเพื่อนรักข้างบ้าน ตอนนี้หมอนั่นต้องรู้แล้วแน่ ๆ ว่าเธอสะบั้นรักผู้ชายที่เขาเคยบอกว่าไม่ควรคบเป็นแฟน
“ฮึ่ม ลมเองเหรอ ฉันนึกว่า...”
“นึกว่าใคร ไอ้ดีแลนผู้แสนดีของเธองั้นเหรอ”
“ไม่ต้องมาประชด รู้แล้วว่ามันเลว แกโทรมากวนประสาทฉันทำไม คนยิ่งหงุดหงิดอยู่”
“ก็โทรมาเช็กไง ว่าเธอนอนหรือยัง”
“กำลังจะนอน งีบสักสองชั่วโมงแล้วจะตื่นมาทำรายงานส่งอาจารย์ เหลืออีกนิดหน่อยก็เสร็จ โทรมาถามแค่นี้ใช่ไหม ฉันวางนะ”
“เดี๋ยวสิ ออกมาที่ระเบียงหน่อย”
ขวัญข้าวขมวดคิ้ว ห้องนอนของเธอกับเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน แถมใกล้จนเธอกับเขามักออกมาพูดคุยกันตอนดึก ๆ เสมอ แต่นั่นมันสมัยตอนเด็ก พอโตขึ้นมาก็ไม่ได้ทำอะไรไร้สาระแบบนั้นอีก
“ออกไปทำไม”
“เหอะน่า บอกให้ออกก็ออกมาเถอะ อย่าเรื่องมาก”
“อืม”
เธอถอนหายใจพรืด กดวางสายแล้วเปิดประตูระเบียงออกไป เห็นเพื่อนรักในชุดพร้อมนอนยืนเกาะขอบระเบียงสูบบุหรี่ด้วยด้วยท่าทางเท่ ๆ ก็อดที่จะใจกระตุกไม่ได้
ไม่ต่างจากเขาที่เห็นเธอในชุดนอนกระโปรงหวานซ่อนเปรี้ยว ใส่ที่คาดผมเป็นรูปหูหมีสีน้ำตาลโชว์ใบหน้าขาวใสยิ่งดูน่ารักน่าทะนุถนอมจนใจสั่น
“ออกมาแล้ว มีอะไรก็รีบพูด ร้อน จะรีบเข้าไปนอน”