“จะ เจ้าค่ะ” ฉู่ซินเยว่นางเป็นภรรยาชายตรงหน้ามาหลายสิบปี นางรู้ว่าการพูดมาก เอาแต่ดึงดันไม่ช่วยให้เขาใจดีกับนางอย่างแน่นอน ฉู่ซินเยว่พยายามหยัดกายลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ดวงตาของนางพร่ามัวจนเห็นอะไรเลือนรางไปหมด นางยกมือซ้ายเหยียดแขนให้ตรง สองขาสั่นเทิ้มด้วยกลัวว่านางจะเหยียบอะไรพลาดไป ฉู่ซินเยว่พยายามเดินกลับไปทางเดิม นางสะดุดลมอยู่หลายครั้งจนเจ็บไปหมด ท้ายที่สุดก็เอาแต่นั่งกอดเข่าด้วยความเจ็บปวด นางนิ่วหน้าร้องไห้ออกมาอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวว่านางจะต้องตายอีกครั้ง อุตส่าห์ได้กลับมาแก้ไขอดีต แต่นางกลับจะต้องตายเช่นนั้นหรือ เนื้อตัวของนางเริ่มร้อนระอุขึ้นมาจนฉู่ซินเยว่พยุงตัวเองไม่ไหวอีกแล้ว นางล้มลงหงายหลังไปกับพื้น ทว่า…. ฉู่ซินเยว่ที่หมดสติไปแล้วนั้น นางไม่ได้รู้เลยว่าสามีสารเลวของนางติดตามหลังมาโดยตลอด
เดิมทีเจียงเว่ยหมิงคิดว่าแม่นางน้อยผู้นี้เสแสร้ง แต่ครั้นเมื่อกวนอี้เผยจากไปแล้ว นางก็ควรเลิกแสดงท่าทางเช่นนี้ แต่ดูไปแล้วนางไม่เหมือนเสแสร้งเลยสักนิด แม่นางน้อยเดินหกล้มหกลุกหลายครั้ง จนท้ายที่สุดเหมือนว่านางจะเดินต่อไปไม่ไหว นางจึงได้แต่นั่งย่อตัวกอดเข่าพลางร้องไห้ออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง ท่าทางของนางน่าจะเจ็บป่วยจริง และก่อนที่นางจะล้มลงหงายหลังไป เจียงเว่ยหมิงที่คอยระวังจึงได้รีบพุ่งเข้าไปรับร่างของนาง เจียงเว่ยหมิงหยุดมองใบหน้าขาวสะอ้าน ของอีกฝ่าย ภายในใจกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด เขาไม่รีรอรีบอุ้มนางขึ้นมาในอ้อมแขน ก่อนจะพานางออกจากจวนตระกูลกวนไปเพื่อพาไปรักษา เขาขึ้นรถม้าของตนเองก่อนจะตรวจสอบอาการของแม่นางตรงหน้าด้วยความรู้ทางการแพทย์ที่พอจะมีอยู่บ้าง ชีพจรของนางสับสนคล้ายกับว่านางถูกพิษ แต่บุตรีขุนนางผู้นี้ไปทำอะไรกับผู้ใดกัน ถึงมีถูกวางยาพิษได้ แค่สตรีหนึ่งนางที่ยังไม่โตเท่าไหร่เนี่ยนะ ถึงกับต้องวางยาพิษ
“คุณชายเจียง ท่านพาบุตรสาวบ้านใดมาที่นี่กัน นี่มันสำนักแพทย์หลวงนะ” เสียงของหนึ่งในหมอของสำนักแพทย์หลวนเหยากล่าว เขามองคุณชายเจียงที่กำลังอุ้มร่างสตรีนางหนึ่งที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีดำเข้ามา เจียงเว่ยหมิงไม่ใช่บุรุษมากรัก แต่ไฉนวันนี้กลับอุ้มแม่นางน้อยที่น่าจะยังไม่ออกเรือนมาได้กัน ถ้าจะนางมาอย่างน้อยก็ควรต้องมีสาวใช้ติดตามมาด้วย ไม่ใช่ทำเหมือนฉุดคร่านางมา
“ข้าให้คนของข้าไปตามหาคนของนางแล้ว เพียงแต่นางน่าจะโดนพิษ จึงได้รีบเร่งพานางมารักษาก่อน” เจียงเว่ยหมิงกล่าว อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะนำพาเจียงเว่ยหมิงเข้าไปด้านใน ที่นี่เป็นสำนักแพทย์หลวงเพื่อไว้ศึกษา เดิมทีจะไม่รับรักษาใครโดยง่าย แต่ทว่า… สำหรับเจียงเว่ยหมิงนั้นแตกต่าง เขาถือเป็นคนสนิทของท่านอาจารย์จื้อหยาง การรักษาให้เขา หรือคนที่เขาพามาล้วนทำได้ทั้งสิ้น
“ข้าจะไปตามท่านอาจารย์กับหมอหญิงมาให้ เจ้ารอสักครู่” ท่านหมอผู้นั้นกล่าวก่อนจะเดินจากออกไป เจียงเว่ยหมิงวางร่างบอบบางของคุณหนูตรงหน้าลงบนเตียงอย่างเบามือ แม่นางน้อยผู้นี้ไม่ทราบว่ามาจากตระกูลใด และเพราะเหตุใดกันที่นางถึงถูกวางยาพิษเช่นนี้
“แม่นางน้อยผู้นี้มาจากตระกูลใดกัน เจ้ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับนาง” ท่านอาจารย์จื้อหยางถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พื้นฐานการรักษาไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่นัก เพียงแต่เมื่อฝังเข็มคลายพิษกลับพบความแปลกประหลาดบางอย่างที่เขาไม่ได้พบมันมานานหลายสิบปี พิษนี้ไม่มีชื่อ แต่มีลักษณะพิเศษคือกลิ่นหอมอ่อนที่จะออกจากร่างกาย แม่นางน้อยถูกฝังเข็มถอนพิษในน้ำ ทำให้น้ำมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของพิษนั้นออกมา
“หมายความว่าอย่างไรขอรับ”
“ยาพิษชนิดนี้เป็นยาหลอนประสาทอย่างรุนแรงทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ มันเป็นหนึ่งในยาพิษของกองทัพพยัคฆ์แดงในราชวงศ์ก่อน เจ้าก็รู้ใช่ไหมว่าข้าสงสัยเพราะเหตุใด” ท่านอาจารย์จื้อหยางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พิษนี้เขาไม่ได้พบมานานมากแล้ว มันถูกใช้ทรมานพวกนักโทษ วิธีปรุงยายุ่งยากซับซ้อนมากนัก ตัวยาใช้ยาปู้ลวี้จากพวกพ่อค้าชาวต้าฉิน และมันไม่ใช่สิ่งที่หาง่ายนัก
“เช่นนั้นแม่นางผู้นี้ก็อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับกองทัพพยัคฆ์แดงใช่หรือไม่ขอรับ”
“แน่นอนว่าอาจจะใช่หรือไม่ใช่ แต่หากสืบหาต้นตอได้ย่อมอาจจะรู้ได้”
“ท่านอาจารย์คิดว่านางจะรู้หรือไม่ขอรับ”
“หากรู้นางจะถูกพิษได้อย่างไร เกรงว่านางคงไปจับฉวยสิ่งใดมาแล้วโดนพิษมากกว่า พิษชนิดนี้มักจะใช้ทาไว้บนบางสิ่งที่เป็นของสำคัญ แต่บางครั้งก็ใช้ผสมน้ำดื่มเพื่อสังหารคน” อาจารย์จื้อหยางกล่าว พิษที่ใช้ในกองทัพพยัคฆ์แดงมีหลายอย่าง แต่มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ไม่ปรากฏในตำราพิษใดๆ ทายาทผู้สืบทอดวิชาพิษนี้ก็เหมือนจะสูญสิ้นไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงยังหลงเหลือพิษนี้อยู่ได้
“แล้วพิษนี้ต้องระมัดระวังอย่างไรขอรับท่านอาจารย์”
“ใบชาไป๋มู่บดกับน้ำผึ้งทาที่ผิวก่อนสัมผัส แล้วก็อย่าสูดกลิ่นพิษพวกนี้นานจนเกินไป ส่วนถ้าดื่มแล้วตายสถานเดียว” อาจารย์จื้อหยางกล่าว เจียงเว่ยหมิงพยักหน้า ฉู่ซินเยว่ที่เริ่มรู้สึกตัวตั้งแต่แรก นางได้ยินทั้งหมด กองทัพพยัคฆ์แดงเช่นนั้นหรือ เหตุใดถึงได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดได้ ฉู่ซินเยว่ที่ยังได้สติไม่เต็มที่ เพียงแค่หายใจครั้งสองครั้งนางก็หลับลงไปอีกครั้ง นับว่านางช่างตื่นรู้สติได้เหมาะสมทีเดียว
“แม่นาง ข้านำเสื้อผ้าที่สาวใช้เจ้าให้มาเปลี่ยนให้แล้ว อีกสักพักนางคงมาถึง” ท่านหมอหญิงผู้หนึ่งกล่าว ฉู่ซินเยว่มองตนเองที่กำลังนอนอยู่บนเตียง นางสวมใส่เสื้อผ้าอย่างลำลองในชุดใหม่ที่ไม่ใช่ชุดเดิม ฉู่ซินเยว่หลับๆ ตื่นๆ มาหลายวันเท่าที่นางพอจะจำได้ เกรงว่าการที่นางหายไปจากจวน บางทีอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ไปเสียแล้ว แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โชคชะตาฟ้าดินก็กำหนดให้นางได้มาพบกับเจียงเว่ยหมิงอีกครั้ง นางจะไม่ยอมปล่อยให้เขาหลุดมือไปโดยเด็ดขาด ถ้าเขายังไม่มอบเจียงฮุ่ยให้มาอยู่ในท้องนาง นางจะทำทุกอย่าง แม้ว่าจะต้องวางยาเขาลากเขามาเป็นของนางก็ตาม
“ขอบคุณท่านหมอมากเจ้าค่ะ” ฉู่ซินเยว่กล่าวอย่างสุภาพ ก่อนจะหวนนึกถึงอาการป่วยของนาง และวันที่สะลึมสะลือขึ้นมาได้ยิน พิษที่นางสัมผัส มีเพียงอย่างเดียวที่เป็นสิ่งต้องสงสัย นั่นก็คือทองคำในห้องใต้ดิน เกรงว่านางจะโดนพิษจากที่ทองนั่นอย่างแน่นอน เกรงว่าอาการป่วยของนางครั้งนี้จะกระตุ้นให้ท่านพ่อ กับอนุอี้สงสัยนางแล้ว
“คุณหนูฉู่ ข้าขอถามอะไรท่านหน่อยได้หรือไม่ ท่านไปหยิบต้องสิ่งใดมาถึงได้มีอาการเช่นนี้” เสียงของเจียงเว่ยหมิงดังขึ้น ฉู่ซินเยว่สะดุ้งด้วยความตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจะได้พบเขาอีก นางไม่ได้วางแผนอะไรไว้ก็ไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายว่าอย่างไร หากนางโกหกเขา เขาก็คงจะจับได้ไม่ยาก ดีไม่ดีจะไม่เชื่อใจนางอีก เช่นนั้นนางบอกความจริงแก่เขาเลยดีหรือไม่กัน แต่ถ้าเขาเอาทองพวกนั้นไปเล่า นี่มันทองที่นางจะเก็บไว้ให้ลูกนางนะ
“คะ คุณชายเจียง"
“เจ้าจะบอกข้าได้หรือไม่”
“ท่านว่าข้าว่าเป็นคนเสแสร้ง เหตุใดตอนนี้ถึงได้พูดดีกับข้าเล่าเจ้าคะ ข้าไม่อยากพูดกับท่านแล้ว” ฉู่ซินเยว่กล่าวก่อนจะรีบเดินออกไปทันที นางไม่รู้ว่านางควรจะตอบอะไร อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาคิดบ้าง ทองพวกนั้นมีมูลค่ามากมายมหาศาล นางอยากเก็บไว้ให้บุตรชายของนาง
“ข้าถามเจ้า ไม่ใช่ให้เจ้ามาย้อนข้า”
“ข้าไม่ใช่ผู้ร้ายนะ ปล่อยข้า” ฉู่ซินเยว่ขมวดคิ้วมองเขาด้วยความไม่พอใจ ความจริงนางไม่อยากมองหน้าเขาด้วยซ้ำ นางไม่อยากจ้องตาของเขา ไม่อยากเห็นใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะนางไม่รู้ว่าตัวนางควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกของตนเองได้มากขนาดไหน แต่เพราะเขาจับรั้งข้อมือของนางไว้ ทำให้นางไม่มีทางเลือก
“คุณหนูฉู่ ข้าเป็นคนพาท่านมารักษานะ”
“มันก็เป็นหน้าที่ของบุรุษที่เห็นสตรีแล้วต้องช่วยเหลือนี่เจ้าคะ ข้าว่าท่านก็น่าจะถนัดเรื่องสตรีดีนี่” ฉู่ซินเยว่ประชดประชันเล็กน้อยก่อนนางจะมองออกไปเห็นเสี่ยวชิงที่กำลังเดินมาหานาง นางจึงรีบสาวเท้าหนีคุณชายเจียงทันที ฉู่ซินเยว่ไม่รู้นึกคิดประการใด นางหันมายิ้มให้เขาเล็กน้อยด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปก่อนจะพูดแผ่วเบาว่า “ถ้าหากท่านอยากได้คำตอบ ก็มาหาข้าคืนนี้สิ”
…
“คุณหนู ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงท่านมากเหลือเกิน เกรงว่าท่านจะเป็นอะไรไป” เสี่ยวชิงถามด้วยความเป็นห่วง วันที่คุณหนูหายไป มารู้อีกทีก็ตอนที่คุณหนูสามออกมาจากงานเลี้ยงแล้วไม่ได้ออกมาพร้อมกับคุณหนู ตระกูลกวนพากันตามหาทั้งจวน จนกระทั่งได้คำตอบจากคุณชายกวนอี้เผยว่าคุณหนูน่าจะอยู่กับคุณชายเจียงเว่ยหมิง เสี่ยวชิงจึงต้องกลับจวนไปรายงานนายท่านก่อน นางถูกลงโทษเล็กน้อย โชคดีได้ฮูหยินว่านช่วยเหลือ
“ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว กลับจวนไป ข้าจะบอกเจ้าเองว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เรารีบกลับกันเถอะ” ฉู่ซินเยว่กล่าวกับเสี่ยวชิงก่อนจะรีบจูงมือไปที่รถม้าทันที สิ่งที่นางควรคำนึงถึงต่อไปก็คือท่านพ่อ นางควรจะตอบท่านพ่อว่าอย่างไรดี
“คุณหนูเหตุใดถึงต้องรอให้กลับจวนก่อนเจ้าคะ”
“เกรงว่าท่านพ่อคงสงสัยข้าแล้ว ทองพวกนั้นมีพิษ” ฉู่ซินเยว่กระซิบที่ข้างหูของเสี่ยวชิง อาการป่วยของนางก่อนหน้านี้ท่านพ่อคงไม่สงสัยเท่าไหร่นัก เพราะนางมักจะปลีกวิเวกอยู่แต่กับเรือนไม่ยอมออกไปไหนสักเท่าไหร่อยู่แล้ว แต่นี่นางป่วยครั้งใหญ่เกรงว่าครั้งนี้นางคงไม่รอดพ้นความสงสัยของท่านพ่อแล้ว
“ข้าไม่รู้”
“อ่าว คุณหนู ท่านตอบเช่นนี้แล้วข้าจะช่วยท่านได้อย่างไรเจ้าคะ” เสี่ยวชิงกล่าว ฉู่ซินเยว่ถอนหายใจ ต่อให้ท่านพ่อสงสัยก็คงทำอะไรนางไม่ได้ ในเมื่อนางไม่ยอมรับเสียอย่าง หลักฐานก็ไม่มี จะให้พูดออกมาท่านพ่อก็คงไม่พูดอย่างแน่นอน แต่ท่านพ่อก็คงจะต้องเฝ้าระมัดระวังทองพวกนั้นให้มากกว่าเดิม และมันอาจจะถูกย้ายที่ ฉู่ซินเยว่ไม่มีวันให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแน่นอน
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ามาอยู่ที่นี่ เจียงเว่ยหมิงเป็นคนบอกหรือ" ฉู่ซินเยว่ถามด้วยความสงสัย
“มิใช่เจ้าค่ะ ตอนนั้นคุณหนูสามออกมาจากงานเลี้ยงคนเดียว ข้าไม่พบท่าน จึงได้ออกตามหาท่าน จนต้องแจ้งกับตระกูลกวน ทุกคนช่วยกันหาคุณหนูแต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งถ้านฮั่วเป็นคนบอกเจ้าค่ะ”
“กวนอี้เผยน่ะหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี ในเมื่อเจียงเว่ยหมิงยื่นมือเข้ามาสอดกับเรื่องนี้ ข้าก็จะใช้ประโยชน์จากเขาเนี่ยแหละ” ฉู่ซินเยว่กล่าว อย่างไรนางก็คิดอยากรวบหัวรวบหางให้อีกฝ่ายกลายเป็นของนางแล้ว เช่นนั้นก็คงต้องใช้เขาให้เป็นประโยชน์ หากเขาไม่เต็มใจ นางก็แค่ไม่บอกเขาเรื่องทอง หากว่าเขาอยากรู้ นางจะยอมแง้มเรื่องทองให้เขาทราบก็ได้ แต่ทุกอย่างย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
“คุณหนูท่านจะไม่ทำอะไรสุ่มเสี่ยงใช่ไหมเจ้าคะ”
“ไม่เสี่ยงก็ไม่มีโอกาสได้มาน่ะสิเสี่ยวชิง”
ฉู่ซินเยว่ก้าวลงจากรถม้าเดินมาถึงประตูจวน ทุกคนมายืนรอต้อนรับนางกันหมด เกรงว่าเรื่องราวของนางคงแพร่สะพัดใหญ่โตไปแล้ว ตระกูลกวนเป็นขุนนางใหญ่ มีเกียรติมากพอคงไม่ใช่พวกพูดพล่ามอะไรออกไปให้ต้องเสียเกียรติของตนเอง น่าจะเป็นใครสักคนในจวนตระกูลฉู่มากกว่ากระมัง อนุอี้เป็นคนเฉลียวฉลาด ไม่น่าจะมีเวลาว่างมาสร้างเรื่องสร้างราวอะไรแบบนี้ ท่านพ่อกับฉู่เหรินเจี้ยนเป็นบุรุษ พวกเขาไม่ทำอะไรให้ตนเองต้องเสียประโยชน์อย่างแน่นอน จะมีก็เพียงฉู่หรูหยวน ว่านเหมยเฟิงเท่านั้น แต่ช่างเถอะ… สำหรับนางอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“เยว่เอ๋อร์ลูกแม่ ฮือออ เจ้าหายไปที่ไหนมา รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงเจ้ามากขนาดไหน" ว่านเหมยเฟิงร้องไห้เสียงดัง ฉู่ซินเยว่ทราบได้ในทันที ว่าท่านแม่ของนางผู้นี้คงเป็นคนปล่อยข่าวของนางเสียมากกว่า โง่แล้วก็ยังจะโง่อีก นางเป็นบุตรสาวที่ยังไม่แต่งออกไป หากเกิดเรื่องฉาวโฉ่กับนาง น้องสาวคนอื่นย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย คนโง่แบบนี้จะมีใครอีกถ้าไม่ใช่ว่านเหมยเฟิง
“ท่านแม่ ท่านจะร้องทำไมเจ้าคะ ผู้คนมองอยู่ตั้งหลายคน” ฉู่ซินเยว่กล่าว พลางมองท่านพ่อด้วยสายตาขอร้อง ท่านพ่อเองก็พยักหน้าก่อนจะพากันเข้าจวนไปทั้งหมด ว่านเหมยเฟิงที่พร่ำจับมือจับไม้ฉู่ซินเยว่ ร้องไห้ประหนึ่งนางโดนเจียงเว่ยหมิงลากไปข่มขืนอยู่นานหลายวัน
“เจ้าเล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น” ท่านพ่อกล่าวเสียงเรียบ ท่าทางของท่านพ่อ และอนุอี้คล้ายกับที่ฉู่ซินเยว่คิดเอาไว้ไม่มีผิด แต่นางไม่มีวันยอมให้ความลับของนางแพร่งพรายไปอย่างแน่นอน
“วันนั้นข้าไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ แต่ก็ยังฝืนที่จะไปงานเลี้ยง ก่อนเข้างานเลี้ยงไป ข้าเริ่มรู้ว่าตัวเองไม่ไหว จึงได้ให้น้องสามเข้าไปก่อน” ฉู่ซินเยว่ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ แต่ก็ไม่ใช่ความเท็จทั้งหมด “จากนั้นก็พบคุณชายกวน เขาจะพาข้าไปพัก แต่คุณชายเจียงห้ามไว้ก่อน สุดท้ายข้าก็เลยถูกคุณชายเจียงพาไปหาหมอเจ้าค่ะ”
“แล้วเหตุใดไม่แจ้งกับคนที่บ้าน”
“ข้าไม่ค่อยสบาย นอนไม่ได้สติเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง”
“แล้วการเจ้าหายไปหลายวันแบบนั้น รู้ไหมว่าผู้คนพูดถึงเรื่องนี้อย่างไร” ฉู่หงซีตำหนิฉู่ซินเยว่ทั้งที่ภายในใจก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก แต่เรื่องนั้นอาจจะต้องใช้เวลาพิสูจน์ เพราะลึกลงไปภายในใจ ฉู่ซินเยว่จะรู้ความลับพวกนั้นได้อย่างไร เขากับอี้หร่วนเก็บเรื่องนี้มาหลายสิบปี ไม่เคยแพร่งพรายความลับ ไม่แม้แต่จะเปิดประตูเข้าไปเสียด้วยซ้ำ แต่เรื่องนี้มันก็มีความเกี่ยวพันกับชื่อเสียงของสตรี
“แล้วคนพวกนั้นทราบได้อย่างไรเจ้าคะ”
“นั่นสิขอรับท่านพ่อ ตระกูลกวนเป็นตระกูลมีเกียรติ ทั้งวันนั้นยังเป็นงานวันดีของตระกูลกวน จะให้มีเรื่องฉาวโฉ่เช่นนี้ได้อย่างไร” ฉู่เหรินเจี้ยนให้ความช่วยเหลือน้องสาวเป็นอย่างดี เขามั่นใจว่าฉู่ซินเยว่เป็นคนเก่ง นางเอ่ยปากว่าชอบเจียงเว่ยหมิง เพียงแค่ก้าวเท้าออกจากจวนไม่กี่ก้าว นางก็สามารถทำได้ถึงขนาดนี้ นับว่าเป็นยอดฝีมือโดยแท้
“เรื่องนั้นช่างเถอะ แต่ชื่อเสียงของสตรีเป็นสิ่งสำคัญ พรุ่งนี้เจ้าไปขอบคุณสำนักแพทย์ศึกษาหลวนเหยา กับคุณชายเจียง และไปขอโทษตระกูลกวนซะ” ฉู่หงซีกล่าว แม้จะมีข่าวลืออะไรพวกนั้น แต่ก็ยังดีที่บุตรสาวไปอยู่ที่สำนักหมอหลวนเหยา ที่นั่นมีเป็นสำนักศึกษาแพทย์หลวงใหญ่ ไม่ใช่สถานที่ต่ำทรามอะไร
“เจ้าค่ะ”
“แล้วคุณหนูรองป่วยเป็นอะไรกันหรือเจ้าค่ะ" อนุอี้ถามนาง นั่นยิ่งทำให้ฉู่ซินเยว่แน่ใจว่าทั้งท่านพ่อ และอนุอี้ต่างสงสัยนางแล้วจริงๆ ฉู่ซินเยว่ยิ้มแผ่วเบา
“ข้าป่วยเป็นไข้เจ้าค่ะ แต่ว่าไม่รู้เป็นอะไร เพราะตอนข้าตื่นมา ท่านหมอหญิงไม่ได้อธิบายอะไร แต่วันพรุ่งข้าจะถามพวกเขาให้นะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ก็ให้น้องสาวเจ้าไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วยแล้วกัน” ฉู่หงซีกล่าว ฉู่ซินเยว่พยักหน้า คงจะหมายถึงให้ฉู่หรูหยวนไปเพื่อคอยสืบเสาะต้นเหตุล่ะสิ ฉู่ซินเยว่ไม่ได้นึกกลัวขนาดนั้น ค่ำคืนนี้อย่างไรเจียงเว่ยหมิงก็ต้องมาหานาง คงจะได้นัดกันถูก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทองนั่นเป็นของลูกนางเท่านั้น!
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ไปพักผ่อนซะ”
ฉู่ซินเยว่กลับเรือนพร้อมกับเสี่ยวชิง ท่านแม่ว่านเหมยเฟิงที่เป็นห่วงนางนักหนาไม่เห็นจะตามมาส่ง ฉู่ซินเยว่ถอนหายใจ ไฉนนางโง่ปานนี้ ว่านเหมยเฟิงรักนางก็เพียงแค่ลมปาก ไม่ได้รักใส่ใจนางจริงเสียหน่อย แต่นางกลับคิดเอาเองว่าคนผู้นี้คือผู้เสียสละ ทอดทิ้งบุรุษมากมายเลือกแต่งกับพี่เขย เพื่อมาดูแลหลานสาว นางช่างเหลวไหลเสียจริงที่คิดอะไรแบบนั้น ไม่รู้ว่าคนอย่างนางให้กำเนิดบุตรชายที่ดีอย่างเจียงฮุ่ยได้อย่างไร เขาคงได้เลือดบิดามาเยอะ แต่โชคดีที่เขาไม่เลวทรามเหมือนบิดาสารเลวนั่น