ภานนท์มาที่บ้านเอกรัตนโชติตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่ออัญมณียังคงพักผ่อนอยู่เนื่องจากยังไม่ชินกับเวลาที่เปลี่ยนไป
ห้าปีนี้เขามาเยี่ยมเยียนเพทายและศิรินุชอยู่บ่อยครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้ทั้งสองเห็นความตั้งใจของตนและสนับสนุนให้การหมั้นหมายด้วยปากเกิดขึ้นจริงในอนาคต แต่เรื่องที่ทั้งสองเคยแอบคบหากันนั้นไม่มีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ และหากรู้ว่าเขาคือต้นเหตุที่ทำให้อัญมณีเปลี่ยนใจไปเรียนต่อ ไม่แน่ว่าความเอ็นดูในตอนนี้อาจไม่มีแล้วก็ได้
สายตาของเขาที่เอาแต่ชะเง้อมองที่ประตูทางเข้าห้องรับประทานอาหาร ไม่พ้นสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองที่อมยิ้มมองหน้ากันด้วยความอิ่มเอมใจที่ภานนท์รักมั่นคงลูกสาวของพวกตนขนาดนี้
“เพิร์ลไม่ลงมาหรอก” เพทายพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่หยอกเย้าอีกฝ่าย
ภานนท์อมยิ้มเล็กน้อยที่ถูกมองออก แล้วหันมารับประทานมื้อเช้าที่ถูกเชิญให้ร่วมโต๊ะอย่างตั้งใจ
“น้องน่าจะตื่นช่วงสาย ถ้าภานนท์ว่างมื้อกลางวันหรือไม่ก็มื้อเย็น อาเชิญมารับประทานอาหารด้วยกันนะ ส่วนงานเลี้ยงต้อนรับเพิร์ล อาว่าจะจัดช่วงปลายเดือน ถึงตอนนั้นอาจะเชิญคุณภาวิทย์และคุณเยาวภาอีกที” ศิรินุชพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล เอ็นดูความเสมอต้นเสมอปลายของอีกฝ่าย
“ครับอานุช” เขาตอบรับด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
ศิรินุชหันไปยิ้มให้กับสามี ก่อนหน้านี้เขากับอัญมณีก็ดูเหมือนพี่น้องกันมาตลอด มีช่วงหนึ่งที่ลูกสาวเธอเป็นฝ่ายติดตามเขาด้วยซ้ำ ภานนท์เองก็ดูเหมือนจะมีใจ แต่ไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนเพราะอัญมณียังเด็กนัก และเขาเองก็ยังอยู่ในช่วงกำลังเนื้อหอม
จนเมื่อห้าปีที่ที่ลูกสาวของเธอปฏิเสธการไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพื่อติดตามเขาไปเรียน จากนั้นไม่กี่เดือนอัญมณีก็เปลี่ยนใจไปเรียนต่อกะทันหัน และนับจากตอนนั้นมาภานนท์ก็เทียวไปเทียวมาที่บ้านหลังนี้เพื่อเยี่ยมเยียนตนและสามี พร้อมทั้งถามข่าวคราวของอัญมณีอยู่ไม่ขาด
แม้จะไม่รู้เบื้องลึกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมเดาออกว่าต้องเกิดอะไรบางอย่างระหว่างทั้งคู่ จากที่ลูกสาวเป็นฝ่ายติดตามภานนท์ เธอกลับเลือกไปเรียนต่อแล้วยังไม่ยอมติดต่อหาเขาโดยตรงจนภานนท์ต้องมาถามข่าวคราวถึงที่นี่
ทว่าจะถามไปก็คงจะทำให้อึดอัด จึงทำเป็นไม่รู้ว่าทั้งคู่น่าจะมีใจให้แก่กันอยู่ช่วงเวลาหนึ่งแล้วเกิดปัญหาอะไรบางอย่างขึ้นมา แล้วปล่อยให้ทั้งสองแก้ปัญหาของตนเอง เพราะอย่างไรแล้วทั้งสองบ้านก็รอสนับสนุนทั้งคู่อยู่เสมอ
หลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จ ภานนท์ก็ขอตัวกลับไป ไม่นานอัญมณีที่ยังอยู่ในชุดนอนเสื้อและกางเกงเนื้อผ้านุ่มลื่นสีชมพูอมส้มก็เดินลงมา เพทายกับศิรินุชถอนหายใจด้วยความเสียดายที่ทั้งคู่คลาดกันเล็กน้อย
“ลงมาช้าไป ภานนท์เขากลับไปแล้ว” ศิรินุชบอกลูกสาวที่เดินมานั่งข้าง ๆ ในห้องนั่งเล่น
“เขามาทำไมแต่เช้าคะ”
“ก็คงจะมาเจอหนูนั่นแหละ ตอนที่หนูไม่อยู่พี่เขามาเยี่ยมพ่อกับแม่เพื่อถามข่าวหนูอยู่บ่อย ๆ ลูกสาวแม่ไม่เคยติดต่อเขาเลยเหรอ แปลกจริง เมื่อก่อนตามพี่เขาต้อย ๆ” ศิรินุชได้โอกาสพูดหลังจากเงียบดูสถานการณ์มาถึงห้าปี
“เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนค่ะ เมื่อก่อนเคยตาม แต่ตอนนี้ไม่อยากตามแล้ว” เธอพูดแล้วมีแววตาที่เปลี่ยนไป ยอมรับว่าจากที่ใจแข็งและพยายามจะเมินเฉย แต่พอเจอกันเข้าจริง ๆ เธอกลับรับรู้ถึงบางสิ่งที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจว่ายังลืมเขาไม่ได้
“ดีเหมือนกัน งั้นครั้งนี้ให้เขาเป็นฝ่ายตามลูกสาวพ่อบ้าง” เพทายพูดแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ ในขณะที่อัญมณีนิ่งคิดอะไรบางอย่างในใจ
“แม่ไม่รู้นะว่าลูกกับภานนท์มีปัญหาอะไรกัน แต่ถ้าปรับความเข้าใจกันได้มันก็ดีต่อลูกและพี่เขาเอง เพราะแม่ดูออกว่าลูกยังคงมีใจให้พี่เขา และภานนท์เองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขามีใจให้ลูก ถ้ามันไม่หนักหนาก็ให้อภัยพี่เขาเถอะนะเพิร์ล”
“แต่สำหรับเพิร์ล เรื่องนี้มันเกินกว่าจะให้อภัยเขาง่าย ๆ ค่ะแม่” เธอพูดจบก็ลุกขึ้นยืน ทำให้ผู้เป็นมารดารู้สึกหนักใจไม่น้อย และยิ่งสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงโกรธภานนท์มากขนาดนี้
“เพิร์ลหิวแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนนะคะ” เมื่อสถานการณ์ดูตึงเครียด หญิงสาวจึงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นสดใสขึ้น จากนั้นก็เดินไปยังห้องอาหารเพื่อที่จะรับประทานมื้อเช้า
ให้ภานนท์เป็นฝ่ายตามเธองั้นหรือ... นั่นก็เป็นความคิดที่ดี เขาทำเธอเจ็บอย่างไรเธอจะต้องทำแบบนั้นกลับไป
ส่วนเรื่องจะให้อภัยเขาได้หรือไม่ ก็ค่อยว่ากันภายหลัง
************************
ในห้องทำงานของผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ประตูห้องถูกเปิดออกและผู้ที่เข้ามาโดยไม่เคาะห้องก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นประธานบริษัทและรองประธานที่เดินควงแขนกันเข้ามานั่งในห้องของลูกชาย
“บ้านช่องไม่กลับ แต่ไปกินข้าวบ้านคนอื่น นี่แกยังเห็นเราเป็นพ่อแม่อยู่หรือเปล่า” ภาวิทย์บ่นยิ้ม ๆ แต่จริง ๆ ดีใจที่เจ้าลูกชายนั้นไปมาหาสู่บ้านของอีกฝ่าย
“นั่นสิคะ แยกออกไปอยู่บ้านพักหลังเล็ก ๆ คนเดียว กลับไปกินข้าวบ้านคนอื่นมากกว่าบ้านของตัวเอง คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราก็อดน้อยใจไม่ได้” เยาวภาเองก็พูดประชดแกมหยอกขึ้นมาบ้าง
“เจอหน้าที่บริษัททุกวัน อย่าดราม่าสิครับ แค่เรื่องเพิร์ลคนเดียวผมก็กลุ้มแล้ว ถ้าอยากได้น้องเป็นลูกสะใภ้พ่อกับแม่ก็ต้องช่วยผมนะครับ” เขาวางปากกาลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เนือย ๆ
“ตกลงเรื่องแกกับเพิร์ลนี่ยังไง ก่อนน้องไปเรียนต่อก็เหมือนจะไม่ยังไง พอน้องไปก็กลายเป็นหมาบ้าจะเป็นจะตายอยู่เกือบปี” คำถามนี้ไม่ใช่ว่าเขากับภรรยาไม่เคยถาม หากแต่ลูกชายไม่เคยตอบคำถามพวกตนเลยสักครั้ง
และคราวนี้ก็เช่นกัน ภานนท์ไม่ได้พูดอะไร เขาเอาแต่ทำหน้าเจ็บปวด แววตานั้นเต็มไปด้วยความเศร้า บ่งบอกว่าคำถามนี้เขายังไม่พร้อมที่จะให้คำตอบออกไป
“ช่างเถอะ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อกับแม่ก็จะคอยช่วยลูกให้สมหวัง เราจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งให้ลูกเสียแผน แต่ว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอก” เมื่อได้ยินบิดาพูดอย่างนั้นเขาก็ยิ้มรับน้อย ๆ หากแต่แววตายังดูเศร้ามาก
“ให้ลูกทำงานเถอะค่ะคุณ” เยาวภาบอกสามีและชักชวนให้กลับออกไป
“อืม เราก็ไปทำงานกันเถอะ” เขาหันไปยิ้มให้ภรรยา แล้วลุกขึ้นยื่นมือให้เธอจับ แสดงความรักที่ไม่เคยเสื่อมคลายตลอดระยะเวลาสามสิบปีที่แต่งงานกันมา
ภานนท์มองดูภาพนั้นแล้วก็ยิ้มออกมา เขาเองก็อยากจะมีคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปจนแก่เฒ่า และคนคนนั้นก็หวังให้เป็นอัญมณี แต่เพราะสิ่งที่เขาทำมันทำให้เธอบอบช้ำมาก การจะทำให้เธอกลับมารักเขาดังเดิมนั้นก็ยากเย็นเหลือเกิน
ตอนนั้นเพราะความคึกคะนองของเขา และแรงยุยงจากเพื่อน ทำให้เขาต้องสูญเสียเธอไปเพียงเพราะเรื่องที่เขาคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องขำ ๆ แต่ลืมไปว่ามันไม่ขำสำหรับคนที่เป็นฝ่ายถูกกระทำด้วยเลย
“พี่จะทำทุกอย่างเพื่อเอาดวงใจของพี่กลับมา” เขาพึมพำแล้วมองรูปถ่ายของเธอที่เขานำมาใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง ไม่มีวันไหนที่ไม่รู้สึกผิดต่อเธอ
************************