เด็กกาฝาก
คฤหาสน์หลังใหญ่โตมโหฬารของตระกูล
'วงศ์วัฒนากูล'
คุณคมสันแต่งงานใหม่กับคุณโสภาเมื่อสองปีที่แล้ว หลังจากที่ได้เสียคุณหญิงแพรวชมพูไปเมื่อหลายปีก่อน เขาก็ไม่เคยได้มีความสุขจริงๆสักครั้งในชีวิต ได้แต่เฝ้าคิดถึงอยู่อย่างนี้ถึงแม้ว่าจะมีภรรยาคนใหม่ก็ไม่สามารถแทนที่ได้ ชายวัยหกสิบปียืนมองรูปภาพของภรรยาสุดที่รักในดวงใจที่แขวนติดไว้หน้าห้องด้วยความรักยิ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
"คุณพี่ตื่นแล้วเหรอคะ วันนี้โสทำข้าวต้มกุ้งร้อนๆของโปรดของคุณพี่เลยค่ะ"
คุณโสภาภรรยาวัยสี่สิบต้นๆแต่เธอยังดูเป็นสาว หันไปมองเด็กรับใช้สั่งให้ยกอาหารขึ้นโต๊ะ
"อันที่จริงคุณไม่ต้องลำบากเข้าครัวทำเองก็ได้นะ"
คมสันเอ่ยวาจาอย่างช้าๆ รู้สึกแปลกใจกับการกระทำของภรรยา เพราะตั้งแต่โสภาเข้ามาอยู่ที่นี่ก็นับครั้งได้ที่เธอจะเข้าครัวลงมือทำอาหารเอง
"ลำบากอะไรกันคะเรื่องแค่นี้เอง โสเต็มใจทำเพื่อคุณค่ะ"
เธอยิ้มให้กับสามี แต่หารู้ไม่ว่าในข้าวต้มชามพิเศษนี้มียาพิษผสมอยู่ด้วย หลังจากที่คมสันเซ็นโอนที่ดินแถวพัทยาทำเลย่านการค้าพัทยาใต้ให้เธอกว่าหนึ่งร้อยไร่มีมูลค่ากว่าร้อยล้าน และในพินัยกรรมยังระบุถึงจำนวนเงินสดที่เธอกับลูกสาวจะได้รับอีกห้าสิบล้าน แค่นี้ก็พอให้เธอได้สบายไปทั้งชาติแล้ว
"แล้วนี่แก้วตายังไม่ตื่นเหรอ"
คมสันถามหาลูกสาวของภรรยาขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยงของเขานั่นเอง
"อ้อ...พอดีว่ายัยแก้วออกไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าแล้วค่ะ"
โสภาพยายามตีหน้าให้เนียนที่สุด แท้ที่จริงแล้วนั้นลูกสาวของเธอยังไม่กลับมาเลยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
"ขยันดี ผมชอบ"
ชายวัยหกสิบคลี่ยิ้มจางๆก้อนจะตักข้าวต้มกุ้งตรงหน้ากินอย่างไม่คิดอะไร โสภาแอบมองตามทุกคำที่สามีตักข้าวต้มเข้าปากแล้วแอบยิ้มกริ่มในใจ
เรือนคนใช้ถัดเยื้องจากคฤหาสน์หลังใหญ่ราวสองร้อยเมตร มีเด็กสาวคนหนึ่งในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ กำลังยืนรีดผ้าอย่างจะมักเขม้น แบ่งแยกตะกร้าที่รีดเสร็จเรียบร้อย และอีกสองตะกร้าพูนที่ยังรอให้เธอลงมือจัดการ
"ยังไม่ไปทำงานอีกเหรอน้ำขิงสายแล้วนะ"
เสียงหญิงแก่วัยเจ็ดสิบพูดขึ้นหลังจากที่กลับมาจากบ้านใหญ่
"จ้ะป้า เดียวน้ำขิงรีดตัวนี้เสร็จก็จะไปอาบน้ำแล้วค่ะ"
เธอหันไปไปมองป้าอังกาบก่อนจะยิ้มแล้วตอบกลับไปอย่างไม่เร่งรีบ เวลาเข้างานสิบโมงเช้าและนี่ก็เพิ่งจะแปดโมงครึ่งเอง ยังไงเธอก็ต้องไปทันอยู่แล้ว
น้ำขิง ณัชชา สาวน้อยวัยสิบแปดปี
เธอเพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกได้ราวสี่เดือนแล้ว เธอทราบมาว่าคุณตฤณผู้มีพระคุณของเธอ เขาส่งเสียให้เล่าเรียนมาโดยตลอด และในตอนนี้เธอก็โตพอที่จะทำงานเพื่อหาค่าเทอมเองได้แล้ว จึงไม่อยากรบกวนเขาอีก แค่มีที่ให้คนไร้ญาติขาดมิตรอย่างเธอได้มีที่ซุกหัวนอนก็ดีแค่ไหนแล้ว และเดือนนี้ก็เป็นเดือนที่สองที่ณัชชาได้ปฏิเสธเงินจากเขา ถึงแม้การทำงานในร้านขายโดนัทของเธอจะได้เงินเดือนละเจ็ดพันไม่มากไม่มายอะไร แต่ก็เพียงพอให้เธอใช้อย่างประหยัดและเก็บออมเอารวมไว้กับเงินที่เหลือจากผู้มีพระคุณที่เขาส่งมาให้ทุกเดือน
"เดี๋ยวคืนนี้น้ำขิงกลับดึกหน่อยนะคะต่อโอทีถึงสี่ทุ่มเลย"
เด็กสาวในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนยูนิฟอร์มร้านโดนัทเดินออกมาจากห้องนอน ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ป้าอังกาบเหมือนดังเช่นทุกวันที่เคยทำ
ระหว่างที่เธอเดินผ่านตึกใหญ่ ณัชชาก็พยายามทำตัวให้ลีบแบนที่สุด เธอมักจะใช้สายตาสอดส่ายมองหาคุณโสภาและแก้วตาเป็นประจำ เพื่อการอยู่รอดของตัวเอง ถ้าสองแม่ลูกพบเห็นเธอเข้าก็มักจะมีเรื่องให้เธอต้องไปสายทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอยังเรียนอยู่ หรือทำงานแล้วก็ตาม
"ฟู่ววว...รีบไปดีกว่าเรา"
เธอพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่พบสองคนนั้นในบริเวณนี้ ณัชชาจึงรีบก้าวเท้าให้เร็วที่สุดเพื่อตรงไปยังรั้วประตูหน้าบ้าน ก่อนจะโบกเรียกแท็กซี่แล้วออกไปทันที
ในระหว่างทางที่ณัชชานั่งอยู่บนรถแท็กซี่เธอมักจะมองเหม่อออกไปข้างทางคิดถึงใบหน้าของของผู้มีพระคุณ เท่าที่เธอจำได้เขาทักจะชอบทำสีหน้าเรียบนิ่งไม่เคยยิ้มให้เธอเลยสักครั้งแม้แต่หางตาเขายังไม่แลมอง เธอเคยแอบคิดว่าเขานั้นคงเกลียดเธอ เขาพาเธอมาเลี้ยงดูทั้งที่ไม่ได้ อาจจะจะทำเพราะมารดาของเธอได้ขอร้องเอาไว้ แต่ในวันนี้เขาไม่ต้องมาส่งเสียเลี้ยงดูเธออีกต่อไป ณัชชาตั้งมั่นว่าจะทำงานและเก็บเงินมาคืนให้เขาทุกบาททุกสตางค์ ใบหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างหยิ่งผยอง
"ขออณุญาตครับนาย"
เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้นจากทางด้านหลัง ในขณะชายหนุ่มผู้เป็นนายกำลังยืนทอดมองออกไปข้างนอกของวิวห้องทำงานที่มีผนังรอบด้านเป็นกระจกใส มองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองลอนดอน
"ว่าไง ได้เรื่องไหม"
ผู้เป็นนายถามเสียบเรียบโดยที่เขาก็ยังไม่หันหลังกลับมามองลูกน้องคนสนิท
"คุณน้ำขิงออกจากบ้านไปทำงานแล้วครับ"
ตฤณยักข้อมือของตัวเองเพื่อดูเวลา ในตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า เวลาของประเทศอังกฤษเดินช้าเวลาไทยประมาณหกชั่วโมง ซึ่งตรงประเทศไทยเป็นเวลาบ่ายสองโมง
"สั่งให้คนของเราเฝ้าไว้ แล้วมารายงานฉันว่าวันนี้น้ำขิงเลิกงานกี่โมง" เขาสั่งนอตันซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทด้วยเสียงเรียบเช่นเดิม
"ครับนาย"
หลังจากที่ลูกน้องคนสนิทออกไปแล้วเขาจึงเดินมาที่โต๊ะทำงาน แล้วหยุดมองซองกระดาษที่น้ำตาลที่ถูกวางเอาไว้โดยลูกน้องคนสนิทก่อนหน้านี้ มือใหญ่ชักออกจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบซองกระดาษขึ้นมาแล้วเปิดดูรูปภาพนับสิบใบที่อยู่ข้างใน
สาวน้อยวัยสิบแปดปีเศษในตอนนี้เธอได้เติบโตขึ้นจากเมื่อก่อนมาก จนกลายเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ใบหน้าหวานรูปไข่ ริมฝีปากเล็กรูปกระจับสีระเรื่อ ดวงตาสีน้ำตาลฉายแววสดใส คิ้วเรียวโก่งสวยดังคันสร ทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายนั้นช่างเหมือนฟ้าใสมารดาของเธอไม่มีผิดเพี้ยน ไม่ว่าทั้งรูปร่างหรือสีผิวที่ขาวปานหยวกกล้วย
ณัชชาได้ส่งอีเมล์มาถึงเขาเมื่อสองเดือนก่อน เธอขอปฏิเสธการรับเงินค่าใช้จ่ายและเลี้ยงดูที่เขาส่งให้ในทุกๆเดือน และเธอยังได้บอกอีก ว่าจะทำงานและหาเงินทั้งหมดมาคืนให้กับเขา ตฤณแอบนึกขำเงินตั้งมากมายขนาดนั้น เด็กที่เรียนจบแค่ชั้นมัธยมและเงินเดือนก็แสนน้อยนิด จะสามารถหาเงินทั้งหมดมาคืนได้อย่างไรไหว ต่อให้เธอทำงานทั้งชีวิตก็คงเอาเงินมาใช้เขาไม่หมด
ตอนค่ำของวันโสภายืนรอลูกสาวอยู่ที่หน้าบ้านด้วยความกังวลใจ เวลาล่วงเลยมานานนับหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะเห็นรถเก๋งคันสีขาวเคลื่อนเข้ามาจอด ประตูฝั่งซ้ายเปิดออกแล้วตามลงมาด้วยร่างของแก้วตาในชุดนักศึกษา
"แล้วเจอกันใหม่นะที่รัก จุ๊บๆ" เธอยืนส่งจูบให้กับชายหนุ่มรุ่นพี่สุดหล่อที่เป็นถึงเดือนคณะนิเทศศาสตร์ ก่อนจะหันหลังกลับหวังจะเดินเข้าบ้าน แต่ก็ต้องตกใจจนเกือบจะหงายหลังเมื่อเจอเข้ากับมารดาอย่างจัง
"โอ้ยแม่อะไรเนี่ย ตกใจหมดเลย" แก้วตายกมือวางทาบอก ก่อนจะพ่นลมหายใจออกด้วยความโล่งอก
"ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้ว เรื่องผู้ชายให้มันเบาๆบ้าง ถ้าคุณคมสันเค้ารู้แกคงหมดสิทธิ์ที่จะได้คุณตฤณมาเป็นผัวแล้วล่ะ" โสภาใช้นิ้วชี้จิ้มลงบนหน้าผากของลูกสาว
"เจ็บนะแม่" แก้วตายกมือขึ้นลูบหน้าผากของตัวเอง พลางทำหน้าหงิกงออย่างรู้สึกเบื่อหน่ายมารดา
"คุณตฤณเค้ายังไม่กลับมาหรอกแม่" แก้วตาพูดจบก็เดินกลับเข้าบ้านรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยากอาบน้ำเต็มทน
"ไม่กลับมาอะไรล่ะ เค้าเพิ่งโทรมาบอกคุณคมสันว่าจะกลับไทยอาทิตย์หน้า เพราะฉะนั้นแกต้องทำตัวดีๆเข้าไว้" โสภาเดินตามหลังลูกสาวเข้ามามาติดๆ ก่อนจะพยายามพูดเสียงเบาอย่างมีลับลมคมใน
"จริงหรอแม่" เมื่อได้ยินว่าพี่ชายต่างสายเลือดจะกลับมา ทำให้เธอรู้สึกดีใจไม่น้อย เธอแอบชอบเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นรูป หน้าตาที่แสนจะหล่อคมเย้ายวนใจกระตุ้นให้อ่อนระทวยเพียงแค่สบสายตาเข้าดวงตาของเขา
"จริงสิ แล้วแม่ก็เริ่มวางยาตาแก่นั่นละ คุณตฤณกลับมาคราวนี้แกต้องจับให้อยู่เข้าใจไหม" ถ้าหากคมสันตายสมบัติทุกชิ้นของตระกูลก็ต้องตกเป็นของทายาทคนเดียวอย่าง 'ตฤณ วงศ์วัฒนากูล' ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว
"แม่โคตรสุดยอด แก้วล่ะยอมให้เลย" แก้วตายกนิ้วให้ผู้เป็นมารดาด้วยความทึ่ง
"รีบขึ้นห้องได้ละ" แก้วรีบเดินดุ่มขึ้นบันไดไปตามคำสั่งของผู้เป็นมารดา พร้อมกับยิ้มกริ่มในใจ ที่ตัวเองจะได้สัมผัสร่างกายของชายในฝันอีกไม่ถึงสิบวันข้างหน้า
เวลาล่วงเลยมาจนถึงสี่ทุ่มตรง ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของวันนี้ ก่อนจะกลับพนักงานทุกคนจะต้องช่วยกันเก็บร้านให้เรียบร้อยใช้เวลาประมาณสิบห้าหรือยี่สิบนาทีหลังร้านปิด
"นี่ก็ดึกแล้วให้พีทไปส่งนะ" พีทเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีคนหนึ่งของณัชชา แต่เขาอยากเป็นจะเป็นได้มากกว่าเพื่อน
"บ้านพีทกับบ้านน้ำขิงอยู่คนละทางกันเลยนะ ไม่ต้องลำบากหรอกเดี๋ยวน้ำขิงนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า" น้ำขิงหยิบกระเป๋าเป้ส่วนตัวก่อนจะเดินออกมาทางหลังร้าน
"เอ่อเดี๋ยวน้ำขิง...นี่มันดึกมากแล้ว น้ำขิงเป็นผู้หญิงมันอันตราย ให้พีทไปส่งเถอะนะ" พีทวิ่งตามออกมาด้วยความเป็นห่วงและบริสุทธิ์ใจ
"อืม...งั้นน้ำขิงไปกับพีทก็ได้" มือเล็กยื่นรับหมวกกันน็อกก่อนจะขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ของพีทออกไป
รูปภาพของเด็กสาวกับชายหนุ่มในยามดึกของเวลาประเทศไทยปรากฏอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนของคนที่อยู่ประเทศอังกฤษ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลงทำราวกับว่าไม่สนใจ
1คอมเม้น =1กำลังใจ
เข้ามาพูดคุยกับหญิงแพรวได้ที่แฟนเพจเลยค่ะ
พิมพ์ตรงช่องค้นหา
>>อรภาวาสิริ หญิงแพรว