>^-^
คุณรุ้งลดากับคุณอิ่มอนงค์เป็นเพื่อนในวงสังคมที่ชอบพอในอัธยาศัยของกันและกันมาอย่างยาวนาน กระทั่งวางแผนอยากจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน จึงจัดแจงให้ลูกชายกับลูกสาวได้มีโอกาสได้เจอและทำความรู้จักกัน แต่ไม่คิดว่าจะเกิดผิดแผน กลายเป็นดนัยมาถูกใจคนเป็นหลานไปเสียได้
เมื่อเห็นท่าไม่ดี รุ้งลดาจึงต้องรีบสกัดดาวรุ่งด้วยการอ้างว่าศรรักมีแฟนไปเสีย ดนัยจะได้เลิกหวังแล้วหันมาสนใจรรินดาแทน เธอคิดเอาเองว่าความน่ารักอ่อนหวานของรรินดาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าความสวยของศรรักเลยสักนิด ดนัยก็ไม่ควรมองข้ามลูกสาวของเธอเช่นกัน
“แน่ใจเหรอครับว่ามีแฟนแล้ว เพราะถ้ามีจริงผมก็ควรจะเคยเห็นบ้างสิ จะไม่พามาแนะนำให้รู้จักสักหน่อยเหรอ” ดนัยถามพลางมองหญิงสาวราวจะจับพิรุธ
“เรื่องแฟนเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ คุณจะไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ดิฉันมีแฟนแล้วจริงๆ ค่ะ”
แม้จะรู้สึกว่าคำถามของเขามันดูก้าวก่ายเกินไปนิด แต่เธอก็จำเป็นต้องตอบออกไปเพื่อความสบายใจของคุณป้า!
“เลย์มีแฟนแล้วเหรอลูก แล้วทำไมไม่พามาแนะนำให้ลุงรู้จักบ้างเลย”
ทรงศรเอ่ยถามด้วยความรู้สึกแปลกใจ นั่นเพราะไม่รับรู้ถึงสัญญาณที่ภรรยาส่งให้กับหลานสาว
“เอ่อ คือ เพิ่งคบหากันไม่นานน่ะค่ะคุณลุง เลย์ก็เลยยังไม่กล้าพามาแนะนำ” บอกไปด้วยความรู้สึกผิด…ไม่ชอบเลยที่ต้องโกหกคุณลุงแบบนี้
“แหม งั้นก็เอาแบบนี้สิ อาทิตย์หน้าก็พาแฟนมากินข้าวที่บ้านเราสิ ดิฉันก็ขอเชิญคุณอิ่มกับพ่อดนัยมากินข้าวด้วยกันอีกนะคะ เผื่อเด็กๆ จะได้มีเวลาทำความรู้จักกันด้วย” คุณรุ้งลดารวบรัดเสร็จสรรพแบบที่ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ปฏิเสธ
แต่ละคนจึงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะปฏิเสธก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
โดยเฉพาะศรรักที่รู้สึกว่า…ความซวยมาเยือนแบบหลบไม่ได้เลี่ยงไม่พ้น
หลังจากนั้นบทสนทนาก็เป็นไปอย่างแกนๆ ส่วนมากก็เป็นคุณอิ่มอนงค์กับคุณรุ้งลดาที่พูดคุยสนุกสนานกันอยู่สองคน กระทั่งได้เวลาสมมาพาควร คุณอิ่มอนงค์กับลูกชายจึงขอตัวกลับ
แต่ก่อนที่จะกลับ ดนัยก็เอ่ยกับศรรักด้วยท่าทางสนิทสนม
“ไว้เจอกันที่ทำงานนะครับน้องเลย์ หวังว่าคงจะไม่แกล้งหลบหน้าผมนะครับ”
บอกแล้วก็เดินจากไปโดยไม่รู้เลยว่าได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ให้คนข้างหลัง
✨️✨️✨️
เมื่อแขกกลับไปแล้ว คุณทรงศรก็แยกกลับขึ้นห้องพระไปสวดมนต์เหมือนทุกคืน ตอนนี้จึงเหลือเพียงคุณรุ้งลดา รรินดาและศรรักเพียงเท่านั้น
“นี่นังเลย์ บอกฉันมาตามตรงนะ…ว่าแกเคยไปอ่อยคุณดนัยเขาเอาไว้หรือเปล่า”
เมื่ออยู่กันตามลำพัง คุณรุ้งลดามักเรียกศรรักด้วยสรรพนามแบบจิกหัวเช่นนี้เสมอ
“เปล่านะคะคุณป้า เลย์แทบไม่ได้คุยกับเขาเลยนอกจากเรื่องงาน เลย์ไปทำงานนะคะ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่อยเขา อีกอย่างเลย์ไม่ได้คิดจะสนใจเขาเลยด้วยซ้ำ”
รีบเอ่ยปฏิเสธปากคอสั่น เริ่มรู้สึกถึงความเดือดร้อนที่อาจจะได้รับเร็วๆ นี้
“หึ! แน่เหรอยะ แต่ดูท่าทางเขาติดอกติดใจแกมากเลยนี่ เสน่ห์แรงเหลือเกินนะ เหมือนแม่แกไม่มีผิด”
ทุกครั้งที่คุณป้าอบรมเธอ ก็มักจะลงท้ายด้วยการเอ่ยพาดพิงถึงมารดาผู้ล่วงลับของเธอแบบนี้เสมอ ไม่รู้ว่าทำไมคุณป้าถึงจงเกลียดจงชังแม่ของเธอนัก ทั้งที่เป็นพี่น้องกันแท้ๆ
“คุณป้าคะ แต่เลย์ไม่ได้…” เธอยังไม่ทันได้พูดแก้ต่างให้ตัวเอง ผู้เป็นป้าก็ชิงพูดขัดขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องมาแต่อะไรทั้งนั้น ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวจากแก ถ้าแกยืนยันว่าไม่ได้อ่อยไม่ได้คิดอะไรกับเขาก็ดีแล้ว ฉันจะได้สบายใจ แต่ฉันจะสบายใจมากกว่านี้ถ้าแกจะแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ฉันเห็น”
“ยังไงเหรอคะ?”
รีบถามหาทางรอดให้ตัวเองทันที
“ทำยังไงก็ได้ให้คุณดนัยตัดใจจากแกซะ ให้เขาหมดหวังในตัวแก แล้วต่อจากนั้นฉันจะหาวิธีให้เขาสานสัมพันธ์กับน้องรินเอง”
คุณป้ายื่นข้อเสนอออกมาแบบไม่ต้องคิด
“แล้วจะให้เลย์ทำยังไงล่ะคะ” เธอถามอย่างอับจนจริงๆ
“เอ๊ะนังนี่ โง่หรือเปล่าแกเนี่ย เฮ้อ! ก็พาแฟนแกมาเปิดตัวซะสิ พอเขาเห็นว่าแกมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วก็คงจะหมดหวังจากแกไปเองนั่นแหละ”
“แต่ว่า…เลย์ยังไม่มีแฟนเลยนี่คะ” เอ่ยค้านเสียงอ่อย
“หึ! น่าเชื่อนักนี่ คงไม่คบใครเป็นตัวเป็นตนสินะ แล้วไอ้ที่มาตามจีบแกเป็นพรวนนั่นล่ะ ลองเลือกมาสักคนสิ คงไม่น่ายากหรอกมั้ง เลือดแม่แกมันแรงอยู่แล้วนี่”
เป็นอีกครั้งแล้วที่คุณป้าพูดถึงแม่แบบนี้ เธอรู้สึกไม่ดีเลย อยากรู้เหตุผลแต่ไม่เคยกล้าถาม ได้แต่นิ่งฟังมาตลอด แล้วคนบ้านนี้ก็ไม่เคยมีใครรู้เรื่องแม่เธอเลยสักคน คนที่รู้ก็ไม่มีใครอยู่ให้ถามแล้ว
“ทำไมคุณป้าต้องพูดถึงแม่ของเลย์แบบนั้นด้วยล่ะคะ แม่ทำอะไรไว้เหรอคะ คุณป้าถึงจงเกลียดจงชังแม่ขนาดนี้”
ในที่สุดศรรักก็หลุดคำถามที่ค้างคาใจออกมาเสียที วันนี้เธอคิดว่าพร้อมแล้วที่จะฟัง ไม่ว่าแม่จะเคยทำอะไรไว้เธอก็อยากจะรู้และพร้อมจะยอมรับมัน
“หึ! แม่แกมันทำตัวร่านจนท้องไม่มีพ่อไงล่ะ สร้างความเสื่อมเสียให้ตระกูลจนยายทวดต้องตรอมใจตาย ฉันไม่อยากจะพูดถึงให้เป็นเสนียดปากหรอกนะ แกเองก็เถอะ…จะคั่วกับใครก็หัดป้องกันไว้บ้าง อย่าให้ป่องไม่มีพ่ออีกคนล่ะ”
คุณรุ้งลดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกลียดชังอย่างไม่ปิดบังเลยสักนิด และไม่คิดจะสนใจด้วยว่าคนฟังจะรู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน…
“เลย์ไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ ถึงเลย์จะไม่เคยดีในสายตาคุณป้า แต่เลย์ก็ไม่เคยทำตัวเหลวไหลแบบนั้นสักครั้ง” ศรรักพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อย่างสะเทือนใจ
“ก็แล้วแต่แกเถอะ โตขนาดนี้แล้วก็รับผิดชอบตัวเองละกัน แล้วเรื่องที่ฉันให้ทำเนี่ย ตกลงว่ายังไง แกจะรับปากฉันได้ไหม อย่าให้ฉันต้องทวงบุญคุณเลยนะ แต่แกก็ควรจะตอบแทนบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่ฉันอุตส่าห์ชุบเลี้ยงแกมาบ้าง น้องรินกำลังจะมีคู่หมายที่เหมาะสมกัน แกไม่อยากเห็นน้องได้ดีเหรอ”
ศรรักหันไปมองรรินดาอย่างอัตโนมัติ
‘น้อง’ งั้นหรือ?
เธอเคยเห็นรรินดาเป็นน้องสาวที่น่ารักมาตลอด แต่อีกฝ่ายเล่า…เคยเห็นเธอเป็นพี่สาวสักครั้งไหม
“พี่เลย์ ครั้งนี้ถือว่ารินขอร้องเถอะนะ รินชอบคุณดนัยมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว รินเจอเขามาก่อน ถึงตอนนั้นเขาจะไม่เคยมองรินเลยก็ตาม แต่ตอนนี้เป็นโอกาสที่เขาจะมองเห็นรินบ้างแล้ว พี่เลย์ก็อย่ามาขวางทางของรินเลยนะ”
รูปประโยคดูคล้ายว่าจะเป็นคำขอร้อง แต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้น…ไม่ต่างจากคำสั่งเลยสักนิด
คำสั่งแบบที่ ‘นาย’ ใช้กับ ‘บ่าว’ ในบ้าน รรินดาทำแบบนี้กับเธอมาตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยสักครั้งที่จะให้ความเคารพในฐานะพี่ มีแต่จะเรียกใช้หรือกลั่นแกล้งเมื่อต้องการ
“ค่ะ…คุณป้า เลย์รับปาก ไม่ต้องห่วง พี่ไม่คิดจะขวางทางรินอยู่แล้ว” สุดท้ายก็รับปากออกไปเหมือนเช่นทุกครั้ง
‘ไม่ว่าคุณป้าหรือรรินดาจะเรียกร้องให้ทำอะไร เธอก็ไม่เคยขัดได้อยู่แล้ว จะทำอีกสักครั้ง…จะเป็นไรไป’
ศรรักคิดอย่างปลงๆ