ไพลิน
“แต่งตัวเสร็จหรือยัง” เสียงเข้มที่เอ่ยออกมานุ่มๆถามฉัน คิดว่าฉันจะลืมเรื่องที่พึ่งทะเลาะกันเมื่อวันก่อนหรือไง ฉันไม่ได้อยากคิดเล็กคิดน้อยหรอกนะถ้าเค้ามีเหตุผลที่ดีให้ฉัน แต่นี่พอฉันเดินเข้าห้องได้ไม่นาน เค้าก็ตามมาแล้วนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่วันต่อมา เค้าก็ยังคุยและทำตัวปกติกับฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก จะให้ฉันคิดยังไงล่ะ
“เสร็จแล้ว” ฉันตอบกลับไปก่อนจะเดินออกจากห้องนอน วันนี้เป็นงานแต่งของพี่เติ้ล เพื่อนของพี่ฟาร์มนั่นแหละ พอพูดแบบนี้แล้วก็น้อยใจนะ พี่เติ้ลคบกับแฟนได้แค่สองปีเค้าก็แต่งงานกันแล้ว แต่ดูฉันสิ คบกันตั้งสี่ปีแล้ว แถมตอนนี้ท้องอีกเค้ายังไม่เคยพูดเรื่องแต่งงานกับฉันเลย เห้อ
“ลินเดินช้าๆสิ อย่าลืมว่าตอนนี้ท้องอยู่นะ” พี่ฟาร์มที่เดินตามมาพูดด้วยความเป็นห่วง(ลูก)
“อืม” ฉันก็รู้แหละว่าต่อให้ฉันโกรธหรือไม่พอใจเค้ายังไงฉันก็ควรระวังตัวเองให้ดี เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้ตัวคนเดียว
ใช้เวลาไม่นานฉันกับพี่ฟาร์มก็ขับรถมาถึงงานแต่งที่บ้านเจ้าสาว เราสองคนก็ลงไปแสดงความยินดีกับทั้งคู่แล้วก็พูดคุยกับเพื่อน คนรู้จักกันไปเรื่อย
“เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้นะ” พี่ฟาร์มบอกฉันก่อนจะเดินออกไป ฉันเลยยืนอยู่ที่เดิมมองดูบรรยากาศรอบๆ อยากให้ถึงงานตัวเองบ้างจัง
“ไง มองซะเคลิ้มเลยนะ” ฉันหันไปตามเสียงก็เห็นก้องภพ เพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่เด็กเดินมาทัก
“คิดว่าไม่มาซะอีก” ฉันทักมันกลับไป เพราะตั้งแต่จบก็ได้เจอกับมันสามสี่ครั้งเอง
“ตอนแรกก็ว่าจะไม่มา แต่รู้ว่ามาแล้วจะเจอมึง” ก้องภพตอบกลับมาทำให้ฉันส่ายหัวให้มันอย่างไม่จริงจัง
ที่ก้องภพมางานนี้ได้ก็เพราะมันเป็นรุ่นน้องของพี่เติ้ล จะพูดให้ถูกก็เรียนคณะเดียวกับพวกพี่ฟาร์มนั่นแหละ
“คำพูดมึงกูเชื่ออะไรได้บ้างเนี่ย” ฉันพูดออกไปขำๆ แต่มันกลับไหวไหล่ให้ฉันอย่างไม่สนใจ
“เป็นไง ได้ข่าวว่าจะเป็นว่าที่คุณแม่แล้ว”
“ก็ดี แต่ก็อย่างว่าอารมณ์ขึ้นๆลงๆ” ฉันตอบมันออกไปตามตรง
“ก็ทำใจให้สบาย หลานกูจะได้แข็งแรง”
“จ้า” แล้วฉันก็ยืนคุยกับก้องภพต่อจนพี่ฟาร์มกลับมา
“เดี๋ยวกูไปห้องน้ำก่อนนะ” ก้องภพบอกฉันเลยพยักหน้าให้มัน มันก็เดินออกไป แต่ไม่รู้ว่ามันไปห้องน้ำจริงหรือว่าไม่อยากเจอหน้าพี่ฟาร์ม(พี่ฟาร์มไม่ชอบหน้าก้องภพตั้งแต่คบกับฉันแล้ว)
“มันมาคุยอะไรด้วย” พอเดินมาถึงพี่ฟาร์มก็ถามฉันเสียงแข็งทันที
“ก็ทักกันตามประสาเพื่อน”
“ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่นะ” พี่ฟาร์มยังคงถามอย่างต้องการจับผิด เห็นฉันเป็นคนยังไงกันนะ
“ลินไม่ใช่พี่ฟาร์มนะ” ฉันเหน็บกลับไป ทำให้พี่ฟาร์มเงียบไม่พูดอะไรต่อ แล้วเราก็ยืนดูนั่นนี่ไปเรื่อย มีคนรู้จักและกลุ่มเพื่อนเข้ามาทักทายและคุยกันเรื่อยๆ จนสายตาของฉันหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ไม่อยากเจอ และฉันก็คิดว่าพี่ฟาร์มเองก็น่าจะเห็นแล้วเหมือนกัน เพราะตอนนี้สายตาเค้ากำลังโฟกัสอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ไกลออกไปแค่สี่ห้าก้าวได้
“ไปหาบ่าวสาวกันเถอะ” เพื่อนพี่ฟาร์มที่ยืนคุยเป็นกลุ่มอยู่กับฉันและพี่ฟาร์มก็พูดขึ้นก่อนพวกเค้าจะเดินไป แต่พี่ฟาร์มยังไม่ขยับไปไหนทำให้ฉันก็ยังไม่ได้เดินไปกับพวกเค้าด้วย
“จะไปได้หรือยัง” ฉันถามออกไปเสียงแข็งทันที ไม่เก็บอาการเลยสักนิดนะ นี่หรอที่บอกว่าไม่ได้คิดอะไร หลอกเด็กสองขวบเถอะ
“อืม ก็ไปสิ” พี่ฟาร์มหันมาบอกฉัน แต่ก่อนที่เราจะเดินออกไปใครจะคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“น้องภูระวังลูก!!!” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“โอ๊ย!!!” ตามมาด้วยเสียงเด็กสองคนที่ก่อนหน้านี้หัวเราะเพราะวิ่งเล่นไล่จับกัน
“อร้ายยยย!!!” เสียงของผู้หญิงแถวนั้นที่เห็นเหตุการณ์ต่างกรีดร้องออกมา ซึ่งต่างจากฉันที่ตอนนี้ตั้งตัวไม่ทันอย่าว่าแต่เสียงที่ไม่ออกจากปากเลย แม้แต่ขาก็คิดว่าคงก้าวไม่พ้นแน่ และสิ่งที่ทำให้ฉันนิ่งเหมือนรูปปั้นไม่ขยับไปไหน ก็คงจะเป็นเสียงและภาพตรงหน้านั่นแหละ
“วิกกี้!!!” เสียงเข้มเอ่ยออกมาอย่างร้อนรนตามด้วยร่างสูงที่พุ่งเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้นอย่างเร็วทั้งที่ระยะที่ยืนเค้าอยู่ใกล้ฉันแค่เอื้อม แต่กลับลืมฉันไปในตอนนั้น
“ลิน!!!” ตุบ
“อึก!!!” เสียงเจื้อยแจ้วของผู้คนในงานยังคงดังขึ้นด้วยความตกใจไม่หยุด
“ลิน! เป็นยังไงบ้าง” ค่ะคนที่เรียกฉันด้วยความตกใจ และวิ่งเข้ามาถามฉันเป็นคนแรกด้วยความเป็นห่วงตอนนี้ไม่ใช่คนที่ขึ้นชื่อว่าคนรักของฉันที่วิ่งไปช่วยหลายรหัสของตัวเอง แต่คนตรงหน้าที่ประคองฉันอยู่เป็นเพื่อนของฉันเอง
“ปวดท้อง” ฉันบอกก้องภพออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา เพราะมันรู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออกแล้ว
“อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวกูไปโรงบาล” ก้องภพตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีก่อนจะรีบยกฉันอุ้มในท่าเจ้าสาว แต่ตอนนี้สติของฉันมันเริ่มพร่ามัวไปหมด ก่อนทุกอย่างจะตัดไปไม่รับรู้อะไร
ฟาร์ม
“เป็นอะไรไหมวิกกี้” ผมถามวิกกี้ออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้ที่ผมจะเข้าไปหาบ่าวสาวกับไพลินเพราะบ่าวสาวเรียกไปถ่ายรูปแต่เกิดเรื่องขึ้นก่อน เพราะมีเด็กที่มาร่วมงานกับผู้ปกครองวิ่งเล่นจนพลาดไปชนซุ้มดอกไม้ทำให้มันล้มลงมา
แล้วตอนนั้นสิ่งแรกที่ผมคิดได้ก็คือวิกกี้อยู่ในระยะที่ต้องโดนซุ้มนั่นแน่นอนทำให้ผมรีบวิ่งเข้ามาผลักวิกกี้ออกจากระยะอันตราย แต่ก็ยังไม่พ้นอยู่ดี
“โอ๊ย กี้เจ็บข้อเท้าค่ะ” วิกกี้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะข้อเท้าคงถูกแรงกระแทกจนลุกไม่ขึ้น
“เดี๋ยวฉันพาไปหาหมอนะ” ผมบอกพร้อมกับประคองวิกกี้ลุก
“โอ๊ย!!!” แต่เธอคงจะเจ็บมากพอลุกแล้วทำให้จะล้มลงไปอีกรอบ ดีที่ผมรับไว้ได้ทัน ก่อนจะช้อนร่างวิกกี้อุ้มในท่าเจ้าสาวแล้วอุ้มเธอไปที่รถของผม
“อะไรคือเมียตัวเองไม่ยอมช่วยแต่กลับไปช่วยคนอื่น”
“นั่นสิ สงสารไพลินจัง ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไง”
“หรือว่าจะเป็นคนใหม่ของเค้า ก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้เจ้าชู้จะตาย”
“ถ้าฉันเป็นไพลินฉันคงเลิกไปนานแล้วแหละ สวยขนาดนั้นไม่รู้จะทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้ทำไม”
“ฉันว่าสองคนนี้ก็เหมาะกันดีนะ หญิงก็ร้ายชายก็เลว คนหนึ่งมีแฟนอยู่แล้วยังไม่รู้จักพอ ส่วนผู้หญิงก็รู้ว่าเค้ามีแฟนแล้วยังจะมาอ่อยอีก”
“ฐานะก็ดีการศึกษาก็ดีแต่แยกผิดชอบชั่วดีไม่ออก”
แล้วระหว่างที่ผมอุ้มวิกกี้ไปที่รถก็ได้ยินเสียงคนในงานที่ต่างก็พอจะรู้จักกันพูดวิจารณ์ออกมาตามอารมณ์ มันเลยทำให้จิตใต้สำนึกลึกๆของผมคิดได้ว่าเมื่อกี้ข้างๆผมก็มีไพลินยืนอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าระยะที่เธอยืนนั้นมันต้องหลบไม่พ้นแน่ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง
“พี่ฟาร์มไปดูแฟนพี่เถอะค่ะ เห็นว่าเมื่อกี้พี่ลินก็โดนซุ้มทับเหมือนกัน เห็นพี่ก้องอุ้มไปแล้วด้วย” เหมือนวิกกี้จะเห็นสีหน้าของผมและได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูดเธอเลยบอกออกมาเหมือนไม่สบายใจ(วิกกี้อายุน้อยกว่าไพลินหนึ่งปี)
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปส่งเธอก่อนก็ได้” ผมบอกแล้วก็พาวิกกี้ขึ้นรถขับตรงไปที่โรงพยาบาลทันที เพราะอย่างน้อย ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าไพลินอยู่กับไอ้ก้องภพ