ไพลิน
“เฮือก!!!” ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเมื่อกี้ฉันฝันร้ายฝันเห็นเลือดเต็มไปหมด และตอนนี้มันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวฉันเต็มไปด้วยเหงื่อทั้งที่ในห้องตอนนี้สัมผัสได้ถึงลมจากแอร์
“ลิน เป็นยังไงบ้าง” และเสียงแรกที่เรียกความสนใจและสติของฉันกลับมาก็คือ
“ก้อง ลูกกู ลูกกูเป็นยังไงบ้าง” สัญชาตญาณแรกที่ฉันรับรู้คือลูก ฉันเป็นห่วงเค้า และหวังว่าเค้าจะยังอยู่กับฉัน
“ลิน มึงทำใจดีๆนะ ตอนนี้...” ก้องพูดออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะก้มหน้าลงไม่พูดต่อ ซึ่งมันทำให้ฉันรู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ แต่ฉันหวังว่าขอให้เป็นเพียงความคิดมากของฉันเท่านั้น
“บอกกูมาก้อง ลูกกูไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ฉันถามออกไปอย่างร้อนรน และน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่บอกไม่กล่าว ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“เค้า ไม่อยู่แล้ว” ก้องพูดออกมาเสียงเบา แต่มันกลับดังก้องอยู่ในหูของฉันซ้ำไปซ้ำมา ดังวนเวียนอยู่ไม่หาย
“มึงหลอกกูใช่ไหม” ฉันพูดออกไปอย่างไม่อยากเชื่อ แต่ตอนนี้สายตาของฉันไม่ได้โฟกัสอยู่ที่ก้องภพเหมือนเมื่อกี้ สายตาของฉันมันมองออกไปตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย มันเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง มันเหมือนความฝันที่ไม่ใช่เรื่องจริงๆ แต่มีสองอย่างที่ฉันรับรู้ได้คือความเปือกชื้นที่หน้าเพราะน้ำตา และหัวใจที่กำลังเต้นเบาๆเหมือนใกล้หมดแรง
“ร้องออกมาเถอะ กูจะอยู่ข้างๆมึงเอง” ก้องภพบอกพร้อมกับจับมือฉันอย่างให้กำลังใจ
“ฮึก ฮือออ” และสิ่งที่ฉันทำได้คือปล่อยความเสียใจออกมาทางน้ำตาในที่สุด โดยมีก้องภพคอยอยู่ข้างๆลูบหัวปลอบฉัน
ทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วย ทำไมฉันจะต้องเสียคนที่ฉันรักไปพร้อมกันถึงสองคน ฉันควรจะโทษตัวเองที่มัวแต่ช็อกกับภาพที่เห็นตอนนั้นจนพาลูกหนีออกมาไม่ทัน หรือว่าโทษผู้ชายไม่รู้จักพอคนนั้นที่วิ่งไปช่วยผู้หญิงของตัวเองโดยไม่สนใจฉันกับลูกดี
ฉันไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานแค่ไหน รู้แต่ว่าตอนนี้น้ำตามันไม่ไหลแล้ว ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นพร้อมกันวันเดียวสองเรื่อง จะต้องเข้มแข็งแค่ไหนถึงจะรับมันไว้ได้คนเดียว
“หิวไหม เดี๋ยวกูหาอะไรให้กิน” ก้องภพถามฉันออกมา
“กูไม่หิว” ฉันตอบกลับไปเสียงเบาอย่างไร้เรี่ยวแรง
“งั้นพักผ่อนนะ วันนี้มึงเหนื่อยมามากแล้ว” ก้องภพบอกพร้อมกับจับผ้าขึ้นห่มให้ฉัน
“เค้า ไม่ได้มาหรอ” ฉันถามออกไป และฉันรู้ว่าก้องภพรู้ว่าฉันหมายถึงใคร
“อยู่ข้างล่างกับผู้หญิงคนนั้น เห็นว่าขาเจ็บ” ก้องภพตอบความจริงออกมา แต่ไม่ต้องไปโทษมันที่ไม่โกหกหรอก เพราะฉันกับก้องภพเป็นเพื่อนกันมานานพอที่แค่มองตาก็รู้ว่าโกหกหรือพูดจริง และมันก็รู้ว่าฉันต้องการความจริงมากกว่า
“ขาเจ็บงั้นหรอ เหอะ” ไม่ได้คิดอะไร ไม่ต้องสนใจคนอื่น พี่รักลินคนเดียว นี่หรอที่บอกกับฉัน ใช่มันก็แค่คำพูดที่เค้าบอกกับฉันไง แต่ความเป็นจริงคือเค้าเลือกผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ฉันกับลูก
“มึงโอเคไหม”
“กูไม่โอเค” ฉันตอบก้องภพไปตามตรง ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังกัน และฉันก็ไม่เคยอายที่จะแสดงมุมอ่อนแอให้มันเห็น เพราะมันเห็นฉันมาแล้วทุกมุม จะเรียกว่ามันรู้จักฉันดีกว่าที่พี่ฟาร์มรู้จักอีกก็ว่าได้
“ยังไงวันนี้มึงก็พักผ่อนก่อนแล้วกัน หายดีเมื่อไหร่ค่อยคุยกันเรื่องนี้อีกที” ก้องภพบอกฉันออกมาแล้วบังคับให้ฉันนอน ส่วนฉันวันนี้ก็เหนื่อยจริงๆ เลยนอนพักสักหน่อย ตื่นมาจะได้มีแรงยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
เป็นอีกวันที่ฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาล และวันนี้ร่างกายฉันก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วถึงแม้ว่าใจจะยังอ่อนแออยู่ แต่ฉันจะมานอนอยู่แบบนี้ไม่ได้
ส่วนผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าแฟนฉันไม่ต้องไปถามถึงหรอก เพราะจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวเค้าเลยด้วยซ้ำ
“นอนอีกสักวันดีกว่านะ” ก้องภพยืนต่อรองกับฉันเป็นครึ่งชั่วโมงได้
“มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ อีกอย่างกูหายดีแล้ว” ฉันยืนยันคำเดิม เพราะยังไงฉันก็ไม่มีทางนอนต่ออีกแน่ ฉันมีเรื่องจะต้องทำหลายเรื่อง
“เห้อ กูไม่เคยชนะมึงเลยสักครั้งจริงๆ” ก้องภพตอบออกมาอย่างเหนื่อยใจและยอมแพ้ ก่อนจะช่วยฉันเก็บของเพื่อเตรียมออกจากโรงพยาบาล
“ผู้หญิงคนนั้นออกจากโรงพยาบาลหรือยัง” ระหว่างนั่งรถฉันถามก้องภพออกมา แต่ไม่ได้ถามเพราะว่าห่วงผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ
“น่าจะยัง ตอนกูลงไปซื้อกาแฟ ยังเห็นผู้ชายคนนั้นรอลิฟท์อยู่”
“งั้นมึงพากูไปเก็บของที่คอนโดเค้าหน่อย” ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเดินออกจากชีวิตผู้ชายคนนั้น
“มึงคิดดีแล้วใช่ไหม” ก้องภพถามเพื่อความแน่ใจ
“มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยหนีปัญหา” ฉันยืนยันมันออกไป เพราะฉันเป็นพวกไม่หนีปัญหา ถ้าเกิดว่าฉันไม่เลิกฉันจะไม่เก็บเสื้อผ้าหนีรอการมาง้อของเค้าเด็ดขาด ฉันจะรอคุยกับเค้าต่อหน้าให้รู้เรื่องไปเลย แต่การกระทำแบบนี้ของฉันนั่นคือ ฉันตัดสินใจจะออกจากชีวิตเค้าจริงๆ
เพราะถ้าการกระทำของเค้าครั้งนี้มันส่งผลต่อฉันคนเดียวฉันอาจจะยังรอคุยกับเค้าให้รู้เรื่องได้ แต่นี่มันส่งผลต่อลูกในท้องของฉันด้วย ซึ่งเค้ารู้อยู่เต็มอกว่าฉันท้อง แต่เค้ากลับห่วงใยคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง เหตุผลแค่นี้มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรของเค้าที่จะสามารถทำให้ฉันยอมรับได้อีกแล้ว