NITA TALK
ตึกตัก!! เสียงรองเท้าส้นสูงของฉันที่ดังกระทบกับพื้นหินอ่อนของบริษัท AS Group ฉันนิตา อายุ 23 ปี เรียนจบทางด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนึงในเวียดนาม ฉันเป็นคนไทยแท้เกิดและโตที่ไทยแต่มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องหนีไปอยู่ที่เวียดนามเป็นระยะเวลาเกือบห้าปี ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจบินข้ามประเทศกลับมาอยู่หรือมาหางานทำอยู่ที่ประเทศไทย เพราะที่เวียดนามมันค่อนข้างใช้ชีวิตลำบากมากในการอาศัยอยู่ของฉันกับแม่ พวกเราเลยตัดสินใจจะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เมื่อสบจังหวะและโอกาส
เป็นระยะเวลาหลายเดือนที่ฉันเดินออกหางานทำแต่ก็ไม่มีที่ไหนติดต่อกลับมา จนมาเจอการประกาศรับสมัครงานในอินเตอร์เน็ตของบริษัทนี้ ฉันเลยลองมาสมัครงานดู เพราะเห็นว่ารับหลายตำแหน่ง
“มาสัมภาษณ์งานที่คุณภัทรียานัดไว้ค่ะ” ฉันเดินไปบอกพี่ประชาสัมพันธ์ที่นั่งอยู่เมื่อเดินมาถึง
“ชั้นสองเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ” ฉันตอบกลับแค่นั้นก่อนที่จะเดินมาตามที่พี่ประชาสัมพันธ์บอก
พอเดินไปถึงชั้นสองก็เห็นคนนั่งรอสัมภาษณ์งานอยู่ที่หน้าห้องค่อนข้างเยอะพอสมควร มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ที่กำลังนั่งเตรียมตัวอยู่
จากนั้นฉันก็ไปยื่นแฟ้มประวัติลงในกล่องของบริษัทก่อนที่จะนั่งรอเพื่อที่จะให้เขาเรียก ผ่านไปราวๆ เกือบยี่สิบนาที ชื่อของฉันก็ถูกเรียกพร้อมกับผู้หญิงอีกห้าคน
“ตามมาทางนี้นะคะ ท่านประธานจะเป็นคนสัมภาษณ์พวกคุณด้วยตัวเอง” คุณเลขาพูดขึ้นก่อนจะเดินนำพวกฉันมาที่หน้าลิฟต์แล้วพาขึ้นไปยังชั้นบนสุด ท่านประธานสัมภาษณ์ด้วยตัวเองเลยเหรอทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนเลยล่ะ
END NITA TALK
ชายหนุ่มก้มลงมองแฟ้มประวัติของคนที่มาสมัครงานที่อยู่ในมือ ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มราวกับหื่นกระหายอะไรบางอย่าง เขากระดกเหล้ารสขมลงคออึกใหญ่ ควันบุหรี่สีเทาพวยพุ่งออกจากปากแบบหนักๆ มือหนาลูบไล้ภาพถ่ายของหญิงสาวที่แนบกับประวัติมา ก่อนที่เขาจะขย้ำมันจนยับแล้วฉีกมันออกจากกันแบบไม่มีชิ้นดี พร้อมเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นตามใบหน้าและลำคอ ไม่คิดเลยว่าเธอจะวิ่งแร่เข้ามาให้เขาเชือดถึงที่นี่ มันไม่ง่ายเลยที่จะเจอเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเจอเธอแล้ว เขาเป็นคนวางแผนจงใจทั้งหมดเพื่อที่จะเรียกเธอมาสัมภาษณ์งานกับเขาด้วยตัวเอง เขาจะมีมีวันให้เธอหลุดรอดจากเอื้อมมือของเขาไปได้อีกแน่นอน
“เจอกันสักทีนะนิตา ไม่เจอกันตั้งนานหวังว่าเธอคงจะจำฉันได้!!”
สายตาอันเฉียบคมจ้องมองไปที่หญิงสาวหน้าตาสะสวยเป็นสาวสะพรั่งที่กำลังเดินเข้ามา แต่ทว่าเธอกลับไม่มองไม่เห็นเขา ก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มออกมาราวกับผู้ชนะ เขาก้มลงมองรอยแผลเป็นหลายสิบรอยที่เขาเคยคิดปลิดชีพบนข้อมือทั้งสองข้างพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่จะกลับมาแข็งกร้าวดังเดิม
แกร่ก!! เลขาสาวสวยที่เขาเรียกเปิดประตูเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ก่อนที่ชายหนุ่มจะตวัดหางตาไปมองด้วยความไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“บอสเรียกอ้อมเข้ามามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” เลขาสาวถามผู้เป็นนายเมื่อถูกเรียกตัวเข้ามากระทันหันในขณะที่กำลังสัมภาษณ์คนมาสมัครงาน
“ฉันตกลงรับผู้หญิงคนนี้เข้าทำงาน” ชายหนุ่มชี้ไปที่แฟ้มประวัติของเธอ
“ประสบการณ์เธอก็ไม่มี เรียนก็จบคนละสาย บอสแน่ใจแล้วเหรอคะ ลองดูคนอื่นดีมั้ยคะ วันนี้มาสัมภาษณ์กันเยอะเลย”
“ฉันจะเอาคนนี้คนเดียว” ชายหนุ่มพูดขึ้นตัดบทพร้อมนั่งจ้องหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านนอกรอสัมภาษณ์แบบไม่วางตา
“แต่บอสคะ....” เลขาสาวร้องทักขึ้นเมื่อไม่เข้าใจผู้เป็นนาย
“ไปทำตามที่ฉันบอก เธอเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ ให้เพิ่มไปสามเท่า”
“......”
“ทำยังไงก็ได้ ให้ผู้หญิงคนนี้เซ็นเอกสารจ้างงานนี้ซะ!” ออสตินโยนแฟ้มประวัติลงบนโต๊ะต่อหน้าของเลขาสาวแบบไม่ใยดีพร้อมสั่งด้วยน้ำเสียงที่เอาแต่ใจ
เขาร่างสัญญาจ้างฉบับใหม่ขึ้นมาเพื่อเธอคนเดียวโดยเฉพาะ รับรองว่าเธอต้องจำมันไปจนวันตาย เหมือนที่เขาจำมันมาโดยตลอด
“......”
“ถ้าเธอทำให้เขาเซ็นเอกสารนี้ไม่ได้ ฉันจะไล่เธอออก!!”
“จะให้อ้อมรับเธอเข้าในแผนกอะไรดีคะ?”
“......”
“ฝ่ายบัญชี การตลาด หรือ....”
“เลขาของฉัน”
“แต่นี้มันตำแหน่งอ้อมนะคะ” เลขาสาวร้องทักขึ้น
“ฉันสั่งอะไรก็ไปทำตาม ถ้ายังอยากอยู่ในบริษัทนี้” ชายหนุ่มสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ก่อนที่จะกดยิ้มที่มุมปากพร้อมความคิดอะไรบางอย่าง
“รับทราบค่ะบอส” สิ้นสุดคำพูดของผู้เป็นนายเลขาสาวก็หน้าถอดสีเดินออกจากห้องไป
นิตาที่นั่งอยู่หน้าห้องสูดลมหายใจเข้าออกลึกพร้อมเตรียมคำพูดที่จะใช้ในการสัมภาษณ์ เธอตระเวนหาสมัครงานมาหลายที่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีไหนติดต่อกลับมา ก่อนที่เธอจะตัดสินใจมาสมัครงานที่บริษัทนี้ ถึงแม้สายงานจะไม่ตรงกับที่เธอจบมา แต่เธอก็อย่างลองเสี่ยงดวงดู
“นิตา ไพรเลิศเศรษฐพงศ์ เชิญสัมภาษณ์งานที่ห้องสามค่ะ” เสียงเรียกชื่อของเธอดังขึ้น ก่อนที่เธอจะลุกเดินตามเลขาสาวสวยเข้ามาในห้องสัมภาษณ์งาน
“เซ็นสัญญาจ้างงานตรงนี้ได้เลยค่ะ”
ทันทีที่เธอเดินเข้ามาเลขาสาวสวยก็ยื่นเอกสารบางอย่างให้เธอเซ็นในทันที โดยที่ยังไม่พูดหรือถามอะไรออกมาสักคำ สร้างความประหลาดใจให้เธอไม่น้อย
“แต่คุณยังไม่ได้สัมภาษณ์ฉันเลยนะคะ” เธอถามออกไปด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวท่านประธานจะเป็นคนสัมภาษณ์เธอด้วยตัวเอง ท่านประธานเป็นคนรับเธอเข้าทำงานแล้ว เซ็นซะสิ”
“......” เธอนั่งเงียบพร้อมกับคำถามมากมายในใจ มันทั้งประหลาดใจแล้วก็ดีใจที่เธอจะได้งาน เธอจะได้มีเงินส่งกลับไปทางบ้านเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของเธอ
“หน้าที่ของเธอ คือต้องคอยบอกข้อมูลการประชุมในแต่ละวัน คอยเตรียมเอกสารให้บอสเซ็น และที่สำคัญคือต้องติดตามท่านประธานไปในทุกที่เมื่อท่านต้องการ”
“แต่ฉันมาสมัครฝ่ายการตลาดนะคะ ไม่ใช่....” เธอร้องทักขึ้นเพราะหญิงสาวจบการตลาดไม่ตำแหน่งเลขาอะไรนี่
“เหลือแค่ตำแหน่งเลขา เธอสนใจมั้ย?”
“ขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่สะดวก...”
“เงินเดือน45,000 ไม่รวมค่านอกเวลางานและสวัสดิการอื่น ๆ”
“......” หญิงสาวกำลังจะตอบปฏิเสธแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินข้อเสนอของทางบริษัท
“สี่หมื่นเลยเหรอคะ?” เธอถามขึ้นเมื่อได้ยินจำนวนเงินที่มากโข เพราะปกติเงินเดือนที่จะได้คือไม่ถึงสองหมื่น แต่นี่ได้ตั้งสี่หมื่น
“ใช่ ตำแหน่งนี้ได้สี่หมื่นห้ารวมเบ็ดเสร็จทุกอย่างจะตกอยู่ที่ห้าหมื่นกว่า ๆ ถ้าเธอตกลง”
“ดะ...ได้ค่ะ ฉันตกลง” หญิงสาวตอบตกลงในทันทีเมื่อเห็นเงินเดือนที่มากกว่าที่เธอคิดไว้ ถึงเธอจะไม่ถนัดทางด้านเลขา แต่ฟังดูจากการอธิบายมันก็ไม่น่าจะยากเธอจึงตอบตกลง
“ถ้าตกลงก็เซ็นซะ แล้วพรุ่งนี้มาเริ่มงานได้”
หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาพร้อมจับปากกาจรดลายเซ็นลงบนเอกสาร ก่อนที่จะยื่นเอกสารกลับไปให้คุณเลขา
“ตามฉันมา ฉันจะพาไปหาท่านประธาน”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินตามเลขาสาวออกมาจากห้องสัมภาษณ์ เพื่อตรงไปยังห้องเจ้านาย
แกร่ก!! เสียงเปิดประตูพร้อมกับความรู้สึกอะไรบางอย่างของหญิงสาวทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องกว้างนี้ ห้องนี้ประกอบด้วยกระจกรอบด้านเกือบสามร้อยหกองศา สามารถมองทะลุเข้ามาข้างในได้ ส่วนข้างนอกก็สามารถมองเห็นข้างในได้เช่นกัน ของทุกอย่างในห้องนี้เป็นสีดำเกือบทั้งหมด บรรยากาศภายในห้องมันดูเยือกเย็นสะอาดและไร้อารมณ์บ่งบอกได้ว่าเจ้าของห้องเป็นคนยังไง
“บอสคะ คุณนิตามาแล้วค่ะ” เลขาเอ่ยบอกพูดเป็นนายที่หันหลังอยู่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะยกมือเป็นสัญญาณให้เลขาสาวออกจากห้องไปก่อน ตอนนี้เหลือแค่หญิงสาวกับเขาที่อยู่ในห้องตามลำพัง
ร่างสูงค่อยๆ เลื่อนเก้าอี้หนังประจำตำแหน่งหันมาหาเธอที่ยืนอยู่ ก่อนที่หญิงสาวจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ที่ไม่ได้เจอหน้าเป็นระยะเวลามานานกว่าห้าปี
“ติน!!”
สิ้นสุดคำพูดของหญิงสาวพร้อมเสียงที่สั่นเครือ ชายหนุ่มลุกขึ้นปรี่ตัวเข้าไปใช้มือหนาบีบเข้าไปที่ลำคอของเธออย่างแรง เขาจ้องมองหน้าเธออยู่แบบนั้น ความเจ็บปวดหลายปีที่ผ่านมา มันไม่มีวันจางหายตราบใดที่เธอยังไม่ได้สัมผัสมันเหมือนกับเขา
“ตินอย่าทำนิตา” เธอร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขาบีบหน้าอย่างแรงจนรู้สึกร้าวไปทั้งหน้า หัวใจของหญิงสาวกระตุกวูบเมื่อสัมผัสถึงได้ถึงอะไรบางอย่างที่ออกมาจากตัวเขา ควันบุหรี่สีเทาของเขาถูกพ่นมาใส่หน้าของเธอซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้นจากการกระทำของชายหนุ่ม เขาตั้งใจพ่นควันนั้นใส่หน้าเธอ
“อย่าให้ชื่อของฉันหลุดออกมาจากปากเน่า ๆ จากผู้หญิงเลว ๆ อย่างเธอ!!” เขาขบกรามจ้องหน้าหญิงสาวพร้อมความอัดอั้นที่อยู่ในใจ
“ฉะ...ฉันมาสัมภาษณ์งานค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าตัวสั่นเทาเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของชายหนุ่มที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เธอพยายามเบี่ยงประเด็นที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ หญิงสาวสับสนไปหมด มันไม่ได้ตั้งตัวหรือเตรียมตั้งรับอะไรทั้งนั้น เพราะเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมาเจอเขาที่นี่
“ถอดเสื้อผ้าสิ!!”
“......”
“นอนแบให้ฉันเอา มันเป็นงานแรกที่เธอต้องทำ!!”