Chapter 10: หมอกฤต

1774 คำ
รุธิราในชุดเดรสสีแดงตัวโปรดของเธอพยายามเช็ดตัวคุณย่าที่ไม่ได้สติอย่างเบามือเป็นที่สุด เธอยังคงพูดจาเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้คุณย่าของเธอฟังราวกับเมื่อหญิงชรายังมีสติและแข็งแรงอยู่ “แล้วพี่ธนกับพี่ชิคก็ซื้อคอนโดให้หนูอยู่ด้วยค่ะ ไกลจากโรงพยาบาลนี่หน่อย แต่สวยมากค่ะ หนูคิดว่าพี่ ๆ คงซื้อเผื่อไว้ ถ้าหนูอยากหางานทำ หาเงินมาใช้หนี้พวกเขาหนูก็คงต้องทำงานในเมือง โรงพยาบาลนี้ใกล้บ้านรวีไวย์แต่ไกลจากตัวเมืองมากเลยค่ะ ถ้าคุณย่าฟื้นหนูจะพาคุณย่าไปอยู่คอนโดนั้นกับหนู พี่ ๆ เขาโอนคอนโดให้เป็นชื่อหนูด้วยค่ะ สรุปพวกเขาไม่ได้จ่ายค่ารักษาให้คุณย่าและขยายเวลาการใช้หนี้ให้หนูเท่านั้นนะคะ ค่าขนมหนูพวกพี่ก็ให้ทุกเดือนค่ะ คอนโดก็ซื้อให้ แล้วก็...” สาวน้อยกำลังจะพูดต่อขณะที่มือก็ถือผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดตัวให้คุณย่าแต่มีเสียงกระแอมไอดังขึ้นมาก่อนจากด้านหลัง “อะแฮ่ม! เออ... คุณคุยกับคุณนิดาเสร็จหรือยังครับ?” เสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นทำให้รุธิรารีบหันไปมอง คุณหมอหนุ่มหน้าตาดีใส่แว่นสายตา รูปร่างสูงโปร่งกำลังยืนมองเธอพร้อมกับพยาบาลสาวใหญ่ที่เดินตามมาด้านหลัง รุธิรารีบยิ้มแก้เก้อแล้วทักทายเขา “สวัสดีค่ะ หนูพูดกับคุณย่าเพลินไปหน่อย คุณหมอเป็นคุณหมอคนใหม่ของคุณย่าเหรอคะ? หนูไม่เคยเห็นหน้าเลย จะมาตรวจอาการคุณย่าเหรอคะ?” “สวัสดีครับ ผมชื่อกฤตครับ เป็นหมอดูแลไข้ของคุณนิดาตลอดสองปีที่ผ่านมา เผอิญช่วงที่คุณนิดาป่วยฉุกเฉินเข้าโรงพยาบาลผมถูกส่งไปอบรมระยะสั้นที่อเมริกาสามเดือนครับ เพิ่งกลับมา พอได้ข่าวคุณนิดาผมก็รีบรับเคสกลับมาดูแลต่อเลยครับ คุณคือ... หนูเร้ด หลานสาวคุณนิดาใช่ไหมครับ?” หมอหนุ่มยิ้มละมุนแล้วถามเธอ คุณหมอทำไมดูเด็กจัง? อายุน่าจะไล่เลี่ยกับพี่ธนและพี่ชิค ดูยังไงก็ไม่น่าจะเกิน 30 รุธิรายิ้มตอบหมอหนุ่มรูปหล่อพลางคิดในใจ “ค่ะ หนูชื่อเร้ดค่ะ หลานคุณย่า หนูไม่รู้เลยว่าคุณย่าเริ่มป่วยตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว หนูมัวแต่เรียนหนังสือและหางานพิเศษทำน่ะค่ะ” รุธิราบอกคุณหมอแล้วหลีกทางให้เขาเข้าไปตรวจคุณย่าได้ถนัดขึ้น “หือ? บ้านคุณนิดาตั้งใหญ่โต หนูเร้ดยังต้องทำงานอีกเหรอครับ?” หมอกฤตพูดคุยกับเด็กสาวราวรู้จักเธอมาก่อน “มีแต่บ้านค่ะ ไม่มีเงินค่ะ หนูก็รู้อยู่เลยไม่ค่อยอยากรบกวนเงินคุณย่า ต้องหาเงินไว้เยอะ ๆ เผื่อวันไหนคุณย่าต้องขายบ้านรวีไวย์ด้วยค่ะ” สาวน้อยตอบ น้ำเสียงไม่ได้ดูเศร้าสร้อย สำหรับเธอทั้งเงินทอง ทั้งบ้านสวนล้วนแต่หาใหม่ได้หากไม่ตาย แต่คุณย่าของเธอมีอยู่คนเดียว หากตายไปเสียจะไปหามาทดแทนจากที่ไหน “อ้อ... ผมเคยไปบ้านรวีไวย์ คุณนิดาเชิญไปกินข้าวกลางวันด้วยบ่อย ๆ น่ะครับ เคยเห็นรูปหนูเร้ดตอนเด็ก ๆ ด้วย คุณนิดาหยิบให้ดู ตัวกลม ๆ น่ารักมากเลยครับ” คุณหมอหนุ่มเล่าให้สาวน้อยฟังแล้วลงมือตรวจเช็กร่างกายคุณนิดาต่อ “หือ? แสดงว่าคุณหมอต้องสนิทกับคุณย่ามาก ๆ น่ะสิคะ คุณย่าไม่ค่อยชวนใครไปบ้านหรอกค่ะ หนูเองเดือนหนึ่งกลับไปเยี่ยมคุณย่าแค่ครั้งสองครั้งเองค่ะ แปลกจัง ไม่ยักเคยเจอคุณหมอเลยค่ะ” รุธิราเอียงคอคิดแล้วตั้งข้อสงสัย “ผมมักจะอยู่เวรวันเสาร์วันอาทิตย์น่ะครับ อาจคลาดกันกับหนูเร้ด แต่คุณนิดาเล่าเกี่ยวกับหนูเร้ดให้ผมฟังบ่อย ๆ ตอนผมเดินเข้ามาในห้องนี้เลยรู้ทันทีเลยว่าคุณคือหนูเร้ดของคุณย่านิดา” หมอกฤตตอบแล้วหัวเราะร่วนก่อนจะสั่งงานพยาบาลเกี่ยวกับการดูแลคุณนิดาต่ออีกหลายประโยค “อาการของคุณนิดายังทรงอยู่นะครับ ไม่มีทรุด ซึ่งการจะฟื้นกลับคืนมาเหมือนเดิมคงยาก ถ้าฟื้นแล้วหากโชคดีก็อาจฝึกควบคุมการพูดได้ ถ้าโชคดีไปกว่านั้นก็อาจทำกายภาพบำบัดแล้วกลับมาเดินโดยใช้ไม้เท้าได้ ถ้าฟื้นจริงก็คงต้องระวังหลายอย่าง อย่าให้เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก โชคดีที่ครั้งนี้เส้นเลือดที่แตกเป็นเส้นเลือดฝอย ยังพอมีโอกาสกลับมาพูดและเดินได้ แต่ด้วยอายุที่มากแล้วก็คงไม่กลับมาสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ หนูเร้ดต้องทำใจไว้ด้วย” หมอกฤตบอกเล่าอาการของคุณนิดาไปตามตรง “ค่ะ หนูทำใจไว้บ้างแล้วค่ะ ถ้ายื้อคุณย่าให้อยู่กับหนูต่อได้จะเสียเงินเท่าไหร่หนูก็ไม่สนค่ะ แต่หากยื้อไม่ได้... ก็คงต้องปล่อยไปตามนั้น อย่างน้อยหนูก็จะทำให้ดีที่สุดในส่วนของหนูค่ะ” รุธิรายิ้มจนตาหยีแล้วตอบหมอกฤต ไม่มีท่าทางของคนที่หมดอาลัยตายอยากหรือสิ้นหวังเลยสักนิด รอยยิ้มบริสุทธิ์ของเด็กสาวทำให้กฤตยิ้มตามเธอได้ไม่ยาก “คุณไก่ไปพักกลางวันก่อนก็ได้นะครับ ส่วนหนูเร้ด ไปกินข้าวกลางวันกับผมหน่อยดีไหมครับ? จะได้คุยกันเรื่องอาการของคุณนิดาต่อด้วย สำหรับผม คุณนิดาไม่ได้เป็นแค่คนไข้ แต่เป็นเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่งทีเดียวเลยครับ” หมอหนุ่มหันไปสั่งพยาบาลสาวใหญ่ก่อนจะชวนรุธิราไปรับประทานอาหารกลางวันอย่างเป็นกันเอง รุธิรานิ่งคิดอยู่เพียงครู่เดียวก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วรับคำเขา “ได้ค่ะคุณหมอ ว่าแต่แถวนี้มีอะไรอร่อยบ้างคะ?” “ของอร่อยมีเยอะครับ แต่คงต้องกินกันที่ร้านข้างล่างโรงพยาบาลนี่แหละครับเพราะผมต้องรีบกลับมาตรวจคนไข้ต่อ” หมอหนุ่มบอกเธอแล้วหัวเราะน้อย ๆ สรุปสองหนุ่มสาวจึงจบลงที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในโรงพยาบาลซึ่งก็นับว่าหรูหราอยู่ไม่น้อยเพราะโรงพยาบาลเอกชนใหญ่แห่งนี้ถือว่าเป็นโรงพยาบาลสุดหรูทำให้ร้านอาหารภายในมีแต่ร้านชื่อดังชั้นดีไม่แพ้ร้านในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ “อาหารที่นี่อร่อยนะครับ ข้าวเซตแซลมอนย่างอร่อยมาก ผมชอบพาคุณนิดามากินร้านนี้หลังตรวจเสร็จ คุณนิดาเหมือนคุณยายของผมที่เพิ่งเสียไปเมื่อปีก่อน ผมเลยค่อนข้างใส่ใจแกมากเป็นพิเศษ แต่คุณนิดาไม่ค่อยใส่ใจผมเลย พออยู่ด้วยกันก็คุยแต่เรื่องหนูเร้ดครับ” หมอกฤตเล่าให้รุธิราฟังขณะรออาหารมาเสิร์ฟ น้ำเสียงของหมอหนุ่มดูร่าเริงสดใส “คุณย่าเห่อหลานสาวน่ะค่ะ เห่อมาตั้งแต่เกิดจนตอนนี้หนูอายุ 22 แล้วก็ยังไม่เลิกเห่อ” สาวน้อยบอกเขาแล้วหัวเราะร่วนจนตาหยี หมอหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วจับตามองเด็กสาวที่ตรงหน้า เธอน่ารัก สดใส ไม่ต่างจากที่คุณนิดาเคยเล่าให้เขาฟังเลย “ก็หลานสาวคุณนิดาน่าเห่อนี่ครับ หนูเร้ดน่ารักมากเลยครับ คุณนิดาเคยเอารูปหนูเร้ดให้ผมดู ผมยังออกปากชมว่าน่ารัก แต่พอมาเจอตัวจริง น่ารักกว่าในรูปอีกครับ” เขาชมเธอออกไปตามตรง เล่นเอารุธิราอายหน้าแดงจนต้องหัวเราะแห้ง ๆ แก้เก้อ คุณย่านะคุณย่า ไม่รู้ตอนที่จัดแจงให้พี่ธนและพี่ชิคมาดูแลหนูคุณย่าไปอวดสรรพคุณหนูเหมือนที่อวดกับคุณหมอกฤตหรือเปล่านะ? พวกพี่เขาจะคาดหวังในตัวหนูมากเกินไปหรือเปล่านะ? พอเจอกันพวกพี่เขาผิดหวังไหมนะ? รุธิราคิดในใจ ตัวของเธอนั่งอยู่กับหมอกฤตแต่ตอนนี้ความคิดกลับล่องลอยไปหาพี่ ๆ ทั้งสองเรียบร้อยแล้ว “คุยกับคุณหมอสนุกมากไหมครับหนูเร้ด?” เสียงทุ้มห้าวของคนที่รุธิรากำลังคิดถึงดังขึ้นมาทำให้สาวน้อยสะดุ้งแล้วรีบหันไปมองต้นเสียงทันที แน่ะ! แค่คิดถึงในหัวก็เดินมาเลยนะคะพี่ธน สาวน้อยคิดแล้วส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับเพื่อนรักรูปหล่อที่เดินตามมาด้านหลัง พี่ธนมองเธอด้วยสายตาดุดันแต่พี่ชิคกลับยิ้มแล้วขยิบตาอย่างหล่อส่งให้เธอ ซึ่งรุธิราเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าพี่ธนจะดุดันเรื่องอะไร “พี่ธนคะ พี่ชิคคะ มากินข้าวกลางวันด้วยกันเร็วค่ะ คุณหมอกฤตเป็นหมอที่ดูแลไข้คุณย่าค่ะ เขาแนะนำว่าร้านนี้อร่อยมาก” รุธิรามองข้ามน้ำเสียงเหมือนหงุดหงิดของพี่ธนไปเสียแล้วเอ่ยชวนพวกเขาให้ร่วมโต๊ะด้วย “ถ้าได้กินข้าวกับหนู กินที่ไหนก็อร่อยครับเร้ด แต่พี่ไม่อยากกินร้านนี้ ดังนั้น ลุกขึ้น แล้วเดินตามพี่และไอ้ชิคออกจากร้าน เดี๋ยวนี้!” ธนบัตรกล่าวเสียงกร้าวแล้วเดินหันหลังออกร้านไป น้ำเสียงเหมือนไม่พอใจจนรุธิรางงไปหมดว่าพี่เขาไม่พอใจเรื่องอะไรกัน “อ้อ... อ๊ะ! โอเคค่ะ งั้นไว้วันหลังเราค่อยมากินข้าวกันต่อนะคะคุณหมอกฤต พี่ธนน่าจะมีเรื่องหงุดหงิด หนูขัดใจเขาตอนนี้พี่เขาอาจยิ่งหงุดหงิด ไปก่อนนะคะคุณหมอ สวัสดีค่ะ” รุธิรารีบบอกคุณหมอหนุ่มก่อนที่พี่ชิคจะยื่นมือมาฉวยข้อมือน้อยของน้องแล้วดึงให้เธอลุกขึ้นมายืนข้างกายเขา “ขอโทษด้วยนะครับคุณหมอ มาขัดจังหวะอาหารกลางวันของคุณหมอเสียได้ ขอให้กินข้าวกลางวันให้อร่อยนะครับ กินคนเดียว... แบบไม่มีเร้ดนั่งอยู่ด้วย...” พี่ชิคยิ้มยียวนแล้วบอกคุณหมอหนุ่มก่อนที่ลากเธอเดินตามพี่ธนออกจากร้านไป นี่มันอะไรกัน? พี่ชิคก็พูดเหมือนประชดประชันคุณหมอ พี่ธนก็ดูหงุดหงิด หนูทำผิดอะไรหรือเปล่าเนี่ย?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม