พยัคฆ์
“นายนุชา ไพศาลจิต” ไอ้วายุพูดขึ้นก่อนจะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผม
“ใครจ้าง” ผมถามมันออกไปด้วยความสงสัย เพราะพึ่งเห็นข่าวเปิดตัวนายนุชาในทีวีไม่นานมานี้เอง ทำไมถึงได้มีคนสั่งฆ่าแล้วล่ะ
“นายภานุ” ไอ้วายุบอกอีกครั้ง และนั่นทำให้ผมหันไปมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจทันที
“พี่ชาย?” ผมพูดขึ้นเพื่อความแน่ใจ
“แค่เด็กที่ถูกครอบครัวไพศาลจิตเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก เพราะตอนนั้นไม่มีทายาทสักที...”
“แล้วตัวเองเป็นพี่ใหญ่ คิดว่ายังไงบริษัทก็ต้องเป็นของตัวเอง ก็คงจะรับไม่ได้ที่ไม่ได้เป็นประธานบริษัทคนต่อไป เลยเจ็บใจ” ไอ้วายุเล่าประวัติให้ผมฟัง
เพราะว่ามันจะรับงานเบาๆ แต่ว่าจะหาข้อมูลทุกอย่างให้ผม หรือพูดง่ายๆ ก็คือว่ามันจะติดตามข่าวสารทุกอย่างไง ต่างจากผมที่ไม่ค่อยได้สนใจ มีดูผ่านๆ บ้าง เพราะเปิดไปเจอพอดี
“หึ! งูพิษชัดๆ” คนเราแม่งอยากได้ของคนอื่นจนหลงหน้ามืดตามัวไปหมด ลืมบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่เขาเคยชุบเลี้ยงตัวเองมาจนแก่
แต่แก่มาเพื่อฆ่าลูกชายเขานี่เหรอ?
“เออดิ กูว่าจะไม่รับ แต่เอามาให้มึงดูก่อน” ไอ้วายุพูดขึ้น และมันก็เป็นอย่างที่ไอ้วายุพูด
“กูไม่รับ” ผมบอกมันก่อนจะโยนซองในมือไปที่โต๊ะ
เมื่อก่อนตอนที่พวกผมยังไม่มีอะไรก็รับมันทุกงานนั่นแหละเพื่อความอยู่รอด แต่ทุกวันนี้ที่มีพร้อมทุกอย่างแล้ว ผมเลยเลือกงานเอาแต่คนที่มันมีความผิดจริง เพราะจุดเริ่มต้นของผมกับไอ้วายุ ไม่ได้มาจากการอยากฆ่าคน แต่มาจากการอยากฆ่าคนเลว และการทำเพื่อความอยู่รอด
ต่างจากตอนนี้ การจะรับงานแต่ล่ะครั้งของผมนั่นคือ ต้องได้ฟังความเป็นมาของเป้าหมายจากไอ้วายุก่อน ถ้าสมเหตุสมผล มีเหตุผล เหยื่อทำผิด อันนั้นผมจะรับ
แต่กรณีที่เหยื่อเป็นเด็ก คนแก่ หรือไม่ได้ผิดอะไร กลับกัน ผู้ว่าจ้างเป็นฝ่ายเลวเอง นั่นแหละคือผมไม่รับ แต่ผมก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงเรื่องของพวกเขาหรอก อยากจ้างใครคนอื่นก็จ้างไป แต่สำหรับผมตอนนี้มันเริ่มอิ่มตัวแล้ว มันตั้งตัวได้สบาย มีทุกอย่างพร้อมแล้ว
ถึงแม้อาชีพจะไม่สุจริต แต่ก็ไม่ได้อยากเลวสมบูรณ์ไปฆ่าคนที่ไม่ควรฆ่า คือพยายามฆ่าคนให้น้อยลง ฆ่าแต่คนเลวๆ พอ
ผม พยัคฆ์ หรือ เสือ ตอนนี้อายุ 30 ปี นิสัยก็หาที่ดีแทบไม่ได้ แต่ก็ยังมีนะ ก็บอกไปแล้วว่าไม่ฆ่าเหยื่อที่ไม่มีความผิด แต่เห็นผมเลวแบบนี้ ผมก็มีมุมดีอยู่บ้างนะ ไม่มีใครเลวสมบูรณ์ เลวมันทุกจุดหรอก
ผมโตที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใคร โตมากับไอ้วายุมันอายุน้อยกว่าผมสองปี พออายุได้สิบห้าเราสองคนก็พากันออกมาหางานทำ และก็มีแต่งานระยำๆ นั่นแหละ ผมกับมันเป็นเหมือนกับพี่น้องกัน พากันทำทุกอย่างให้มีชีวิตรอด แทบตายก็มีมาแล้ว แต่สุดท้ายก็พากันดึงกันดันกันจนมีอย่างทุกวันนี้ได้ แต่ก็ไม่ลืมไปเรียนเอาความรู้ย้อนหลังเพื่อไว้ดำเนินชีวิตได้
แล้วถ้าถามว่าทำไมไม่ทำงานที่สุจริต ตอบเลยว่าไม่ใช่แนวว่ะ พอดีเกิดจนโตมาพอรู้ความก็รู้แล้วว่าตัวเองเลว แล้วที่สำคัญ คนที่โตมาไร้ความอบอุ่นและไม่เคยเชื่อฟังผู้ใหญ่ ไม่เคยเล่าเรียน(ในอดีต) มันก็ไม่แปลกที่จะเลือกทางเดินกันผิด
อีกอย่างถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็คือ งานสุจริตมันไม่ได้เปิดโอกาสสำหรับคนที่ไม่มีความรู้อย่างพวกผมไง หรือไอ้ที่มีก็ได้รายได้ที่แบบ แค่ค่าบะหมี่ซองทั้งเดือนก็แทบไม่พอ ถึงแม้ว่าจะได้เรียนกันไปแล้ว แต่มันก็คลุกคลีอยู่กับเรื่องเลวๆ จนเป็นเรื่องปกติแล้ว และผมไม่เคยเสียใจเลยที่เลือกทางนี้