ตอนที่ 6 ในที่สุดก็พบกัน

2006 คำ
ดวงตาเรียวสวย กวาดสายตามองรอบ ๆ แนวเขต ที่ดินที่กว้าง สุดลูกหูลูกตา กว่า 50 ไร่ ที่เบื้องหน้า “ที่ดินแปลงนี้สวยนะค่ะลุงพิทักษ์ “ “ครับคุณมุก เพราะอย่างนี้ถึงมีแต่คนมาถามซื้อแต่คุณอำนาจไม่คิดจะขายครับ เพราะ ท่านเคยบอกว่าถ้าขายไปแล้ว ชาวบ้านที่นี่ก็คงไม่มีที่ทำกิน” “ค่ะ ท่านก็บอกมุกอย่างนั้น แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป คนรุ่นลูกรุ่นหลานบางคนก็ไม่คิดเช่นนั้นสิคะ” “ใช่ครับถึงได้เกิดปัญหาแบบนี้แหละครับ เพราะความโลภและเห็นแก่ได้ เอาความใจดีและมีน้ำใจของ เราคิดจะเอาประโยชน์เข้าตัวเอง” “ไม่เป็นไรค่ะลุงพิทักษ์ เราก็แค่ ทำในสิ่งที่ถูกต้องและชัดเจน ค่ะ ถ้าคิดจะอยู่ร่วมกันในอนาคต “ “คุณมุกหมายถึงคุณมุก ไม่คิดจะขายที่แปลงนี้แล้วเหรอครับ “ “ค่ะ แต่ว่า มุกก็ต้องมีข้อตกลงกับชาวบ้าน ค่ะลุงพิทักษ์ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดปัญหาแบบนี้อีก “ “ครับ คุณมุก “ มุกตาพายังคงยืนมอง ภาพบรรยากาศธรรมชาติตรงหน้า มันสวยงามจริง ๆ และครั้งหนึ่งคุณอาอำนาจเคยบอกว่าท่านอยากมาสร้างบ้านพักต่างอากาศอีกหลังไว้ที่นี่ แต่ว่ามันก็ไม่มีวันนั้นแล้ว ขณะที่คุณพิทักษ์กับมุกตาพากำลังคุยกันอยู่นั้น ทั้งคู่ก็ต้องหันหลังกลับไปมองเมื่อมีรถจิ๊ปวิ่งเข้ามาและจอด “รถใครค่ะลุงพิทักษ์ “ “ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ว่ารถคุ้น ๆ ครับ “ มุกตาพาเอ่ยถามด้วยความสงสัยและสายตายังคงจับจ้องที่รถคันดังกล่าว ขุนพลจอดรถ อยู่ข้างหน้า ที่มีรถอีกคันจอดอยู่ และมีคนงานที่กำลังขนส้มขึ้นรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ “มึงจะลงไปกับกูไหมวะ ขุน “ “ไม่ละ กูจะรอมึงบนรถ มึงไปเถอะ “ “เออ ๆ งั้นรอกูอยูนี่ล่ะ “ เทพฤทธิ์เดินลงไปถามคนงานสักครู่ ก่อนจะวานให้คนงานไปบอกหัวหน้าว่าเขามาขอพบเพื่อคุยธุระด้วย จากนั้นคนงานวิ่งไปหาคนทั้งคู่ “เจ้านายครับ มีคนมาหาครับ “ “ใคร เขาบอกไหมว่ามาทำไม”คุณพิทักษ์ เอ่ยถามคนงาน “บอกแต่ว่ามาคุยธุระครับเจ้านาย “ “อือ ไปกันเถอะครับคุณมุก ผมคิดว่าน่าจะมาคุยเรื่องที่ดินนะครับ” “ถ้าเป็นอย่างนั้นลุงพิทักษ์ยังไม่ต้องบอกว่ามุกเป็นเจ้าของนะคะลุง “ “ทำไมละครับ คุณมุก “ “ถ้าเขาไม่ถามก็ไม่ต้องบอกค่ะลุง “ “ครับ คุณมุก “ จากนั้นทั้งสองคนก็เดินมาด้านหน้าที่คนงานกำลังขนส้มขึ้นรถ เทพฤทธิ์ ที่ยืนหันหลังอยู่หันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเดินและพูดคุยมาแต่ไกล แต่เมื่อเขาหันมาก็ต้องตกใจและตื่นเต้นเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเคียงข้างมากับชายสูงวัย และอีกคนที่ยิ่งกว่าตื่นเต้นก็คือ ขุนพลที่นั่งมองจ้องดวงตาวาวโรจน์อยู่ในรถตอนนี้ “สวัสดีครับคุณพิทักษ์ และคุณ“เทพฤทธิ์เอ่ยทักทายผู้สูงวัย พร้อมกับปลายตามองมุกตาพาที่ยืนเคียงข้าง คุณพิทักษ์ มุกตาพาเองก็รู้สึกคุ้นหน้ากับผู้ชายคนนี้จริง ๆ แต่เธอก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นเขาที่ไหน เพราะแค่คุ้นเฉย ๆ “สวัสดีครับคุณ “ “ผมเทพฤทธิ์ ครับ “ “ครับคุณเทพฤทธิ์ ไม่ทราบว่าคุณเทพฤทธิ์ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับคุณ” “อ้อ ผมมาติดต่อเรื่องซื้อที่แปลงนี้นะครับ ผมได้ข่าวว่าคุณพิทักษ์ต้องการขายที่แปลงนี้ใช่ไหมครับ “ “ อ้อ ต้องขอโทษจริง ๆ ครับ คุณคงจะมาเสียเที่ยวแล้วละครับ เรื่องที่นะ คงจะไม่ขายแล้วละครับ” “เอ๊ะ ทำไมหรือครับ “เทพฤทธิ์ ถามด้วยความสงสัย “ฉันไม่ต้องการขายที่นี่แล้วค่ะไม่มีเหตุผลอื่น แค่ไม่ต้องการขายแล้วเท่านั้นเอง” “คุณคือ “ “นี่คุณมุกตาพา เป็นเจ้าของที่แปลงนี้ครับ คุณเทพฤทธิ์ “ คุณพิทักษ์เป็นฝ่ายเอ่ยแนะนำ และเทพฤทธิ์ ยิ่งขมวดคิ้ว มากกว่าเดิม และสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ “อย่างนั้นเหรอครับ แล้วทำไมตอนแรกถึงต้องการจะขายละครับ “ “เป็นเหตุผลส่วนตัวนะคะ ขอไม่ตอบ แต่ว่าตอนนี้ดิฉันไม่ขายแล้วค่ะ “ มุกตาพาตอบอีกครั้ง ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันอยู่นั้นคนที่นั่งจ้องมองนิ่งอยู่ในรถตอนนี้ ได้แต่รู้สึกหัวใจกระวนกระวาย “ไม่ลองฟังข้อเสนอของทางเราดูหน่อยเหรอครับคุณมุก”เทพฤทธิ์เอ่ยเรียกชื่อเล่นของเธอทำให้มุกตาพาต้องมองหน้าเขาและดูเหมือนเทพฤทธิ์เองก็จะรู้ตัว “อ้อ ขออภัยที่เรียกชื่อเล่นของคุณนะครับ ผมลืมตัวคิดว่าเป็นคนกันเองนะครับ “ “ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอบอกอีกครั้งนะคะ ว่าดิฉันไม่ขายที่แปลงนี้แล้วนะคะ “ “ไม่ขายแล้วคิดจะทำอะไรต่อ จะเปลี่ยนที่นี่เป็นสนามกอร์ฟ หรือว่ารีสอร์ทล่ะ” เสียงเข้มเอ่ยดังมาจากด้านหลัง และเสียงนั้นทำให้มุกตาพาตัวแข็งทื่อ เธอจำเสียงเขาได้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเธอก็จำเสียงนั้นได้ดี “ขุน” มุกตาพาเอ่ยเสียงเบา แต่เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกตื่นเต้น และกลัวในเวลาเดียวกัน “ว่ายังไง คุณเปลี่ยนใจไม่ขาย เพราะว่าคุณจะทำสนามกอร์ฟหรือว่ารีสอร์ท เหมือนนายทุนคนอื่น ๆ ที่เห็นแก่ประโยชน์และกำไรที่จะได้ นะหรือ “ ขุนพลถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดูถูกในตอนท้าย และคราวนี้มุกตาพาเองก็หันกลับมามองสบตากับดวงตาวาวโรจน์ของเขา นิ่งก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบ “อันนั้นฉันคงไม่จำเป็นต้องตอบมั้งค่ะ” “ถ้าคุณทำแบบนั้นคุณคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดกับชาวบ้านที่ทำกินอยู่ในตอนนี้บ้างไหม “ “นั่นมันก็เรื่องของฉันค่ะ เอาละ พวกคุณมีอะไรจะพูดอีกไหมคะถ้าไม่มีดิฉันขอตัว และก็เชิญพวกคุณกลับไปด้วยค่ะ” “นี่ “ มุกตาพาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจและกำลังจะเดินไปและขุนพลกำลังจะเดินไปดักหน้าเธอไว้ แต่ว่ามือหนาของเทพฤทธิ์ก็จับไปที่แขนของเพื่อนเพื่อเป็นการห้าม “เอ่อถ้าอย่างนั้น ลุงพิทักษ์ครับนี้เอกสารรายละเอียดข้อเสนอของเรานะครับ ยังไงก็ช่วยพิจารณาอีกครั้งนะครับ ถ้ามีอะไรตรงไหนที่พอจะคุยกันหรือว่าตกลงกันได้เราค่อยนัดกันอีกทีนะครับ “ เทพฤทธิ์ ยื่นแฟ้มเอกสารส่งให้คุณพิทักษ์ และเขาก็ได้แต่รับมาแต่และมองไปที่มุกตาพา “ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนนะครับ ไปนะครับคุณมุก “ เทพฤทธิ์หันมาเอ่ยกับมุกตาพาอีกครั้งและเธอก็ได้แต่พยักหน้า เล็กน้อย และเธอไม่แม้แต่จะหันมามองใครอีกคนด้วยซ้ำ นั้นยิ่งทำให้ขุนพลรู้สึกหมั่นไส้เธอมากกว่าเดิม เทพฤทธิ์ดึงแขนของเพื่อนรักให้เดินกลับมาที่รถที่จอดอยู่ เมื่อเดินมาถึงรถแล้ว ขุนพลได้แต่สะบัดแขนให้หลุดจากมือหนาของเพื่อนด้วยความไม่พอใจ “มึงเห็นไหม ไอ้เทพ ท่าทางหยิ่งพยองนั่น “ “กูเห็นแต่มึงพูดจา ยั่วโมโหเธอนี่หวาไอ้ขุน” “กูเปล่า “ “ฮึ มึงทำ” “ว่าแต่ไม่คิดเลยนะว่าเจ้าของที่แปลงนี้จะเป็นมุกตาพา อดีตคนรักของมึงนะ เมื่อก่อนว่าสวยแล้ว นะ ตอนนี้สวยมากว่าเดิมอีกวะ สวยสง่า แต่น่าเสียดาย มีสามีแก่คราวพ่อเลยวะ“ “ฮึ มีผัวแก่รุ่นพ่อแบบนี้ คงจะหวังอย่างอื่นด้วยละมั้ง “ ขุนพลยังไม่เลิกค่อนแคะ เธอ ขณะที่เดินไปขึ้นรถประจำที่คนขับแล้วก็ขับออกไป ด้วยอารมณ์ที่โกรธ แต่ว่าจะโกรธเรื่องอะไรล่ะ โกรธที่เห็นเธอ โกรธที่เธออยู่กับผัวแก่ของเธอ หรือว่าโกรธที่เธอไม่สนใจเขา แต่สรุปแล้วก็คือไม่พอใจเธอนั่นเอง “เฮ้อมึงเลิกค่อนแคะเธอซะทีเถอะวะ ว่าแต่เรื่องที่นี่จะเอาไง เธอไม่ขาย แล้ว “เทพฤทธ์เอ่ย “กูจะจับตาดูว่าเธอจะทำอะไรกับที่แปลงนี้ เพราะกูไม่อยากเห็นชาวบ้านต้องเดือดร้อน ไร้ที่ทำกิน “ ขุนพลเอ่ยตอบเสียงเข้ม แต่คนที่ได้ฟังอย่างเทพฤทธิ์ ได้แต่ ถอนหายใจกับความคิดของเพื่อน รัก “แต่เรื่องนี้ มันไม่เกี่ยวกับมึงเลยนะไอ้ขุน เขาจะทำอะไรมันก็ที่ของเขา และอีกอย่าง มึงจะตามตอแยเขาทำไม ต่างคนต่างอยู่ และอีกอย่างไหนมึงเคยบอกว่าไม่อยากจะพบหน้าผู้หญิงหลายใจ โกหกหลอกลวง อีกแล้วไง แล้วทำไมต้อนนี้มึงยังจะไปยุ่งวุ่นวายกับเธออีก ละ “เทพฤทธิ์เอ่ยถาม แต่ที่จริงแล้วเขารู้ว่าตอนนี้เพื่อนของเขานั้น ทั้งดีใจและตื่นเต้นที่ได้เจอเธออีกครั้งแน่นอน “กูเห็นใจชาวบ้านเขาเท่านั้นที่จะต้องสูญเสียที่ทำกิน ไป “ “ไม่ ๆ มึงพูดผิดไอ้ขุน อย่าลืมที่ตรงนี้เป็นของคุณมุก ไม่ใช่ของชาวบ้าน จะบอกว่าชาวบ้านสูญเสียที่ทำกินไป ก็ไม่ใช่นะเว้ย “ เทพฤทธิ์ยังคงออกรับแทนอีกฝ่ายทำให้ ดวงตาคมกริบของขุนพลต้องปลายตามองด้วยความไม่พอใจ “แล้วทำไมมึงจะต้องเข้าข้างผู้หญิงคนนั้นด้วย มึงต้องเข้าข้างกูสิได้เทพ” “มึงกำลังพาลไอ้ขุน กูไม่พูดกับมึงแล้ว ว่าแต่ คืนนี้ มึงพากูไปท่องราตรีในเมืองหน่อยสิวะ” “เออ ๆ มึงไม่ต้อง พูดมาก” จากนั้นสองหนุ่มก็ขับรถพุ่งตรงกลับไปที่ปางไม้ของขุนพลก่อนเพื่อจะเคลียร์งานและตอนเย็นค่อยเข้าเมืองท่องราตรีตามประสาหนุ่มโสด มุกตาพากลับมาถึงโรงแรมที่เธอพัก หลังจากคุยธุระเกี่ยวที่ดินแปลงนั้นกับลุกพิทักษ์เสร็จแล้ว ซึ่ง เป็นการคุยที่ไม่ค่อยจะมีสมาธิเท่าไหร่ หลังจากที่เธอ พบกับขุนพล เธอยอมรับว่าหัวใจเธอ ตื่นเต้น และดีใจมากที่ได้เจอเขา แต่ว่า เธอมองเห็นสายตาที่เขามองเธอแล้ว มันมีแต่ความโกรธ และไม่พอใจอยู่ในนั้น แต่ว่าเธอก็เข้าใจ เพราะ ถ้าเป็นเธอ ก็คงจะโกรธและเกลียด ตัวเองเช่นกันเพราะการทำที่เธอทำร้ายความรู้สึกของเขามันเลวร้ายมาก เป็นใครก็คงรับไม่ได้ เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าขอแค่ได้เจอเขาสักครั้ง ได้กล่าวคำขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะรับคำขอโทษหรือว่าจะยกโทษให้เธอ หรือขอแค่เข้าใจเธอ หรือไม่ก็ตาม เธอก็ยังคิดว่าแค่ได้บอกก็คงจะดี แต่ว่า พอได้เจอเขาจริง ๆ เธอกลับไม่แม้แต่จะพูดหรือว่าเอ่ยทักทายหรือมองหน้าเขาตรงด้วยซ้ำไป “จากกัน ตั้ง 8 ปี แล้ว คุณคงจะเกลียดมุกมากนะคะ ขุน ต่อไปคงจะไม่ได้เจอกันอีก แต่มุกดีใจที่ได้เจอคุณในวันนี้ “ มุกตาพาเอ่ยพึมพำถึงความรู้สึกของเธอได้เจอกับขุนพลในวันนี้ และเธอก็ต้องทำใจยอมรับว่า ระหว่างเธอกับขุนพลนั้น ไม่ควรจะพบกันอีก ต่อไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม