มุกตาพา ลงจากเครื่อง และใช้บริการรถของทางสนามบินเพื่อไปส่งที่ โรงแรม ประจำจังหวัด ก่อนที่เธอ จะ เดินทางไปดูที่ดินแปลงนั้น เพราะก่อนอื่นเธอจะต้องติดต่อ คนสนิทของคุณอำนาจ ที่ท่านให้ดูแล ที่ดินแปลงนี้ ที่นี่ซะก่อน
ขณะที่เธอเข้าไปเช็คอินกับทางโรงแรม แต่อันที่จริงแล้ว เธอให้ นารินเลขาคนสนิทของเธอ จัดการเรื่องที่พักให้เรียบร้อยก่อนมาแล้ว และตอนแรกนาริน จะตามมาด้วย แต่เธอคิดว่า มาคนเดียวดีกว่าเพราะว่า เธอต้องการมาพักผ่อนด้วยนั่นเอง
“ได้แล้วค่ะ ห้องของคุณลูกค้าคือห้องสวีต ชั้นบนสุดนะคะ นี่คีย์การ์ดค่ะ เดี๋ยวพนักงานจะพาคุณลูกค้าไปที่ห้องนะคะ”
“เชิญคุณลูกค้าทางนี้ครับ “ พนักงานโรงแรมเอ่ยเสียงสุภาพและยกกระเป๋าของเธอเดินไปทางลิฟท์
“ ไอ้ขุนมึงอยู่ไหนวะ กูมาถึงโรงแรมแล้วนะเว้ย ไหนมึงบอกว่าจะมาหากูไง “เทพฤทธิ์ เอ่ยเสียงดังตามสายไป
“เออ ก็รีบอยู่นี่ มึงรอนิดรอหน่อยไม่ได้หรือไงวะ กูก็รีบจะอยู่”
“เออมึงรีบมาเลยไม่อย่างนั้นมึงจะต้องถูกปรับมึงต้องละ.... มุกตาพา “
เทพฤทธิ์ กำลังบ่นให้กับเพื่อนรัก สายตาของเขาก็มองเห็นหญิงสาว คนหนึ่งที่หน้าตาคุ้น ๆ และเขาก็นึกออกว่าเป็นใคร
“อะไร เทพ มึงพูดอะไรกูได้ยินไม่ชัด “
ขุนพลเอ่ยถาม เสียงกดต่ำ ไม่ใช่ว่าเขาได้ยินไม่ชัด แต่ว่าเขากำลัง ระงับอารมณ์ความตื่นเต้น เมื่อได้ยินชื่อนั้น ต่างหาก
“กูว่ากูเห็นมุกตาพาวะ ขุน “
“มึงแน่ใจเหรอ ตาฝาดหรือเปล่า”
“ไม่ ไม่ฝาด เธอแน่ ๆ “
“มากับครอบครัวเหรอ “
ขุนพลเอ่ยถามต่อ และกลั้นใจรอฟังคำตอบจากเพื่อน ถึงแม้ว่าความจริงมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น และป่านนี้เธอคงจะมีลูกโตแล้วสิ เพราะนี่มัน 8 ปี แล้ว
“ ไม่วะ เห็นเดินคนเดียว ไม่มีใคร แต่ว่า สวยเหมือนเดิม วะ เพิ่มเติมคือความสง่าและเท่ห์ วะ ไม่เหมือนคนมีสามีเลย “ เทพฤทธิ์เอ่ยตอบและสายตามองตามร่างเล็กของเธอจนกระทั่งเธอเข้าไปใน ลิฟท์ แล้ว
“ไอ้ขุน มึงฟังกูอยู่หรือเปล่าวะ ขุน “
“เออ ฟังอยู่ ตอนนี้กูมาถึง หน้าโรงแรมแล้วมึงออกมาได้แล้วไอ้เทพ “
“เออ ๆ กูกำลังออกไป “
เทพฤทธิ์ เดินออกมาที่หน้าลานจอดรถของโรงแรม ก็เห็นจิ๊ปสีดำจอดรออยู่และเจ้าของรถอย่าง ขุนพลก็ยืนพิงรถรอเพื่อนรัก
“ไอ้ขุนถ้ามึงมาเร็วกว่านี้นิดมึงจะเห็น มุกตาพาแล้ว มึงมาช้า”
เทพฤทธิ์เอ่ยเหมือนตำหนิเพื่อนรักเพราะอันที่จริงแล้วเทพฤทธิ์คิดจะพักที่โรงแรมนี้ แต่ว่าขุนพลบอกว่ามาเชียงรายทั้งทีก็อยากให้เพื่อนไปพักที่ไร่ของเขา เขาจึงได้ ขับรถมารับเพื่อนในตอนนี้นั่นเอง
“เลิกบ่นได้แล้วน่า ไอ้เทพ “
“ว่าแต่ มึงไม่คิดอยากเจอกับมุกตาพาบ้างเหรอวะ ขุน “
“ไม่ ทำไมกูต้องอยากเจอเธอด้วยละ ชีวิตใครก็ชีวิตมัน ไม่ต้องมาเจอกันหรอก”
ขุนพลเอ่ยเสียงเข้ม และสตาร์ทรถออกจากโรงแรม ไปด้วยความเร็ว
“มึงไม่ต้องมาทำเป็น ปากแข็ง ไอ้ขุน กูรู้ว่าตอนนี้หัวใจมึงเต้น เป็นจังหวะร็อคแล้ว ทำเป็นเก็กอยู่ได้ ว่าแต่มึงไม่อยากรู้เหรอว่า 8 ปีที่ผ่านมา เธอเป็นอย่างไรบ้างนะ “
“จะเป็นยังไง ก็มีความสุขกับครอบครัว ผัวและก็ลูกนะสิ แล้วมึงจะถามกูทำไม”
“ก็กู อยากรู้ คนเคยรักกัน จะลืมกันได้จริง ๆ เหรอ และมึงอะ ลืมมุกได้จริง ๆ เหรอ “
“กูไม่จำเป็นต้องจำ เรื่องราวของผู้หญิง หลายใจคนนั้นนี่ “
“จากวันนั้นมึงได้ติดต่อหรือว่าเคลียร์ใจกับเธอหรือเปล่าวะขุน มึงได้ถามเหตุผลของเธอไหมว่าทำไมถึงได้แต่งงาน กับคนรุ่นพ่อแบบนั้น ที่สำคัญทั้ง ๆ ที่พวกมึงรักกันขนาดนั้น “
“ไม่รู้โว้ย และกูก็ไม่อยากรู้ ขอแค่ชีวิตนี้กูไม่ขอเจอกับผู้หญิงหลายใจขี้โกหกคนนั้นอีกก็เป็นพอ “
“บ๊ะ ไอ้นี้ ระวังเถอะมึง เกลียดอะไรมักจะได้แบบนั้นล่ะ”
เทพฤทธิ์ บอกด้วยน้ำเสียงประชด แต่ขุนพล ไม่สนใจได้แต่ถอนหายใจ อย่างเซ็ง ๆ
“ว่าแต่ เรื่องที่มึงจะให้กูช่วยนะอะไรวะ “
เทพฤทธิ์เปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่าตอนนี้อารมณ์ของเพื่อน กำลังเดือดปุด ๆ
“กูต้องการให้นักขายมือทองอย่างมึงช่วย ไปติดต่อซื้อ ที่ให้วะ”
“ทำไมวะ มึงติดต่อเองไม่ได้เหรอ หรือว่าเขาไม่ยอมขาย ถึงต้องมาให้กูช่วย”
“เปล่า กูยังไม่ได้ติดต่อ เจรจาหรอก แต่กู อยากให้มึงช่วยแค่นั้นเอง เพราะกูเชื่อในความสามารถของมึงไงไอ้เทพ “
“เออ ค่อยฟังดูเข้าท่าหน่อย ว่าแต่ ที่แปลงนี้คงจะสวยใช่ไหม เพราะถึงขั้น ต้องให้นายหน้ามือทองอย่างกูไปเจรจาให้แบบนี้นะ “
“จะว่าสวยก็สวย แต่ว่ากูมีเหตุผลที่กูต้องการที่แปลงนี้”
“เหตุผลอะไรวะ “
“เออน่า แล้วกูจะบอกเมื่อมึงทำสำเร็จแล้ว”
“อะไรวะ แค่นี้ต้องเป็นความลับด้วยเหรอวะ”
ขุนพลได้แต่ยิ้มในหน้า พร้อมกับเหยียบคันเร่งพุ่งตรงไปที่ไร่ขุนเขาของเขาอย่างรวดเร็ว
มุกตาพาเข้าพักในห้องเรียบร้อย เธออาบน้ำเปลี่ยนชุด เพื่อความสบายตัวก่อนจะลงไปหาอะไรทานที่ห้องอาหารของโรงแรม แต่ก่อนจะลงไป เธอก็กดโทรศัพท์ หาลุง พิทักษ์ ลูกน้องคนสนิทของคุณอาอำนาจ ที่เป็นคนดูแลที่ดินแปลงนี้ให้กับท่าน
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะลุงพิทักษ์”
“สวัสดีครับคุณมุก มาถึงแล้วเหรอครับ “
“ค่ะคุณลุง มาถึงเมื่อบ่ายนี่เองค่ะ “
“คุณมุกจะไม่มาพักที่บ้านใหญ่ที่ไร่จริงเหรอครับ “
“ไม่มีดีกว่าค่ะ ไม่อยากไปเป็นภาระให้กับลุงนะค่ะ มุกพักที่โรงแรมดีกว่าค่ะสะดวกดี “
“ไม่เลยครับ คุณมุก ที่นี่ก็เหมือนบ้านของคุณมุกเหมือนกันนะครับ ถ้าคุณท่านอยู่ คุณท่านก็มาพักที่นี่ตลอดนะครับ “
คุณพิทักษ์เอ่ยกับหญิงสาว ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของผู้เป็นเจ้านาย แต่เขารู้ว่าเรื่องราวระหว่าง มุกตาพาและคุณอำนาจนั้นความจริงเป็นเช่นไร และก็มีไม่กี่คนที่รู้ความจริงเรื่องนี้ ฉะนั้นเขาจึงให้ความเคารพมุกตาพาเช่นเดียวกับคุณอำนาจถึงแม้จะไม่มีคุณอำนาจแล้วก็ตาม
“ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้มุกค่อยเข้าไปพักก็แล้วกันค่ะลุงพิทักษ์ ในวันที่เข้าไปดูที่นะคะ”
“ครับ คุณมุก เอ่อ คุณมุกครับผมมีเรื่องจะบอกคุณมุกครับ “
“มีอะไรคะลุงพิทักษ์ เกี่ยวกับที่ดินหรือเปล่าคะ”
“เมื่อช่วงบ่ายมีนายหน้าติดต่อเข้ามาขอซื้อที่แปลงนี้ครับคุณมุก”
“ใครเหรอคะ ลุงพิทักษ์รู้จักหรือเปล่าคะ “
“คนจากไร่ขุนเขาที่ข้าง ๆ ครับ “
“แล้วลุงพิทักษ์บอกเขาไปว่ายังไงคะ “
“ผมบอกไปว่า ผมไม่ใช่เจ้าของ ที่แปลงนี้ และไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจครับ พวกนั้นก็เลยบอกว่าอยากคุยกับเจ้าของที่แปลงนี้ครับ”
“ช่างเถอะค่ะลุงพิทักษ์ ไม่ต้องสนใจ เดี่ยวพรุ่งนี้ มุกจะเข้าไปดูที่ตอนเช้านะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมขับรถไปรับคุณมุกที่โรงแรมนะครับ “
“ค่ะ ได้ ถ้าอย่างนั้นเจอกันพรุ่งนี้ค่ะลุงพิทักษ์ แค่นี้ก่อนนะคะ “
มุกตาพา วางสายจาก ผู้สูงวัย ก่อนจะคิดถึงเรื่องที่ลุงพิทักษ์ บอก ว่ามีคนมาติดต่อขอซื้อที่ แปลงนั้น อันที่จริงแล้ว ตอนแรกเธอคิดจะขายที่แปลงนี้เช่นกัน แต่ว่าเมื่อเธอได้ฟังรายละเอียดจากลุงพิทักษ์ เธอก็เปลี่ยนใจ เพราะ ถ้าเธอขายที่แปลงนี้ คนที่ได้รับผลกระทบก็คือชาวบ้านที่อาศัยทำไร่ ที่นี่ นั่นเอง
แต่ว่าเมื่อคิดอีกที ถ้าจะให้พวกเขาทำกินแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มันก็จะทำให้ทุกคนเกิดความเคยชินและเกิดความรู้สึกว่าที่ตรงนี้ เป็นของตัวเอง เรียกง่าย ๆ ก็คือยึดติดนั่นเอง ฉะนั้นเธอจะต้องหาจุดตรงกลาง ให้พอดี ที่จะไม่มีใครเสียผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายเธอผู้เป็นเจ้าของและฝ่ายชาวบ้านที่ได้อาศัยที่ผืนนี้ทำมาหากิน
ฉะนั้นเรื่องนี้เธอจะต้องปรึกษากับลุงพิทักษ์ให้เข้าใจซะก่อน ก่อนที่จะไปคุยกับชาวบ้าน เพราะจะว่าไปถ้าเธอจะเป็น เจ้าของที่เห็นแก่ตัว ก็ไม่ผิด ถ้าจะให้ทุกคนออกไปจากที่ของเธอ แต่ว่าเธอไม่ทำเช่นนั้นเพราะ อย่างน้อย ความตั้งใจของคุณอาอำนาจคือ ช่วยให้คนที่นี่มีที่ทำกินนั่นเอง
ส่วนเรื่องที่มีคนจะมาขอซื้อที่แปลงนี้ก็คงจะต้องปฏิเสธไปก็เท่านั้นเอง
ไร่ขุนเขา
ขุนพลและเทพฤทธิ์ นั่งดื่มและพูดคุยกันอยู่ที่ระเบียงบ้าน ด้วยสีหน้า เคร่งขรึม
“เลิกทำหน้าอย่างนั้นได้แล้วน่า ไอ้ขุน “
“พรุ่งนี้ กูจะไปกับมึงด้วยไอ้เทพ “
จู่ ๆ ขุนพลก็เอ่ยขึ้น ทำให้เทพฤทธิ์ต้องหันมามองอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถาม
“ไปไหน “
“ก็ไปคุยเรื่องที่แปลงนั้นนะสิ “
“ไอ้ขุน นี่มึงอยากได้ที่แปลงนี้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ “
“กูไม่อยากให้ชาวบ้านต้อง เดือดร้อนนะสิ มึงคิดดู ถ้าเจ้าของที่นั่น คิดจะปรับที่ตรงนั้นเพื่อสร้างรีสอร์ทหรือสนามกอร์ฟ เขาก็ต้องไล่ให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ แล้วทีนี้พวกเขาจะไปอยู่ตรงไหนทำมาหากินอะไรวะ “
“มึงก็รับมาทำงานที่ไร่ขุนเขาของมึงสิ จะยากอะไร”
“มึงก็คิดง่าย ๆ คนที่ไร่กูก็เยอะแล้วถ้ารับเข้ามาอีก ก็กลายเป็นคนล้นงานสิวะ “
“เออมันก็จริง “
“แต่กูว่า มันคงจะไม่เลวร้ายอย่างนั้นหรอกมั้ง เขาอาจจะไม่ได้อะไร อาจจะให้ชาวบ้านใช้ที่ทำมาหากินต่อไปแบบเดิมก็ได้”
“แต่กูว่าไม่ วะ ไม่อย่างนั้น พวกนั้นจะมาที่นี่ทำไม “
“เอ้า ก็เขาเป็นเจ้าของที่ มันก็ต้องมาดูที่ตัวเองบ้างสิวะ มึงก็พูดแปลก ไอ้ขุน
“ไม่รู้ละ มึงจะพูดยังไงก็ได้ ให้เขายอมขายที่ให้กูก็เป็นพอ ไอ้เทพ “
“มึงเห็นกูเป็นอะไรวะ “
“ก็เป็นคนเก่งไง “
“เข้าใจพูดนะมึง เออกูจะพยายามก็แล้วกัน ว่าแต่มึงจะไปด้วยอย่างนั้นเหรอว่ะ”
“เออกูจะไปกับมึง พรุ่งนี้”
“เอ่อ ก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่า คุยกันไม่รู้เรื่องมีมึงอยู่ด้วยจะได้รู้สึกปลอดภัยหน่อย”
เทพฤทธิ์ พูดด้วยท่าทางหวาด ๆ เพราะเขาไม่รู้ว่า เจ้าของที่ตัวจริงจะพูดง่ายหรือยากแค่ไหน
*******************************