ตอนที่ 5 คลาดกันซะได้

1948 คำ
มุกตาพา ลงจากเครื่อง และใช้บริการรถของทางสนามบินเพื่อไปส่งที่ โรงแรม ประจำจังหวัด ก่อนที่เธอ จะ เดินทางไปดูที่ดินแปลงนั้น เพราะก่อนอื่นเธอจะต้องติดต่อ คนสนิทของคุณอำนาจ ที่ท่านให้ดูแล ที่ดินแปลงนี้ ที่นี่ซะก่อน ขณะที่เธอเข้าไปเช็คอินกับทางโรงแรม แต่อันที่จริงแล้ว เธอให้ นารินเลขาคนสนิทของเธอ จัดการเรื่องที่พักให้เรียบร้อยก่อนมาแล้ว และตอนแรกนาริน จะตามมาด้วย แต่เธอคิดว่า มาคนเดียวดีกว่าเพราะว่า เธอต้องการมาพักผ่อนด้วยนั่นเอง “ได้แล้วค่ะ ห้องของคุณลูกค้าคือห้องสวีต ชั้นบนสุดนะคะ นี่คีย์การ์ดค่ะ เดี๋ยวพนักงานจะพาคุณลูกค้าไปที่ห้องนะคะ” “เชิญคุณลูกค้าทางนี้ครับ “ พนักงานโรงแรมเอ่ยเสียงสุภาพและยกกระเป๋าของเธอเดินไปทางลิฟท์ “ ไอ้ขุนมึงอยู่ไหนวะ กูมาถึงโรงแรมแล้วนะเว้ย ไหนมึงบอกว่าจะมาหากูไง “เทพฤทธิ์ เอ่ยเสียงดังตามสายไป “เออ ก็รีบอยู่นี่ มึงรอนิดรอหน่อยไม่ได้หรือไงวะ กูก็รีบจะอยู่” “เออมึงรีบมาเลยไม่อย่างนั้นมึงจะต้องถูกปรับมึงต้องละ.... มุกตาพา “ เทพฤทธิ์ กำลังบ่นให้กับเพื่อนรัก สายตาของเขาก็มองเห็นหญิงสาว คนหนึ่งที่หน้าตาคุ้น ๆ และเขาก็นึกออกว่าเป็นใคร “อะไร เทพ มึงพูดอะไรกูได้ยินไม่ชัด “ ขุนพลเอ่ยถาม เสียงกดต่ำ ไม่ใช่ว่าเขาได้ยินไม่ชัด แต่ว่าเขากำลัง ระงับอารมณ์ความตื่นเต้น เมื่อได้ยินชื่อนั้น ต่างหาก “กูว่ากูเห็นมุกตาพาวะ ขุน “ “มึงแน่ใจเหรอ ตาฝาดหรือเปล่า” “ไม่ ไม่ฝาด เธอแน่ ๆ “ “มากับครอบครัวเหรอ “ ขุนพลเอ่ยถามต่อ และกลั้นใจรอฟังคำตอบจากเพื่อน ถึงแม้ว่าความจริงมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น และป่านนี้เธอคงจะมีลูกโตแล้วสิ เพราะนี่มัน 8 ปี แล้ว “ ไม่วะ เห็นเดินคนเดียว ไม่มีใคร แต่ว่า สวยเหมือนเดิม วะ เพิ่มเติมคือความสง่าและเท่ห์ วะ ไม่เหมือนคนมีสามีเลย “ เทพฤทธิ์เอ่ยตอบและสายตามองตามร่างเล็กของเธอจนกระทั่งเธอเข้าไปใน ลิฟท์ แล้ว “ไอ้ขุน มึงฟังกูอยู่หรือเปล่าวะ ขุน “ “เออ ฟังอยู่ ตอนนี้กูมาถึง หน้าโรงแรมแล้วมึงออกมาได้แล้วไอ้เทพ “ “เออ ๆ กูกำลังออกไป “ เทพฤทธิ์ เดินออกมาที่หน้าลานจอดรถของโรงแรม ก็เห็นจิ๊ปสีดำจอดรออยู่และเจ้าของรถอย่าง ขุนพลก็ยืนพิงรถรอเพื่อนรัก “ไอ้ขุนถ้ามึงมาเร็วกว่านี้นิดมึงจะเห็น มุกตาพาแล้ว มึงมาช้า” เทพฤทธิ์เอ่ยเหมือนตำหนิเพื่อนรักเพราะอันที่จริงแล้วเทพฤทธิ์คิดจะพักที่โรงแรมนี้ แต่ว่าขุนพลบอกว่ามาเชียงรายทั้งทีก็อยากให้เพื่อนไปพักที่ไร่ของเขา เขาจึงได้ ขับรถมารับเพื่อนในตอนนี้นั่นเอง “เลิกบ่นได้แล้วน่า ไอ้เทพ “ “ว่าแต่ มึงไม่คิดอยากเจอกับมุกตาพาบ้างเหรอวะ ขุน “ “ไม่ ทำไมกูต้องอยากเจอเธอด้วยละ ชีวิตใครก็ชีวิตมัน ไม่ต้องมาเจอกันหรอก” ขุนพลเอ่ยเสียงเข้ม และสตาร์ทรถออกจากโรงแรม ไปด้วยความเร็ว “มึงไม่ต้องมาทำเป็น ปากแข็ง ไอ้ขุน กูรู้ว่าตอนนี้หัวใจมึงเต้น เป็นจังหวะร็อคแล้ว ทำเป็นเก็กอยู่ได้ ว่าแต่มึงไม่อยากรู้เหรอว่า 8 ปีที่ผ่านมา เธอเป็นอย่างไรบ้างนะ “ “จะเป็นยังไง ก็มีความสุขกับครอบครัว ผัวและก็ลูกนะสิ แล้วมึงจะถามกูทำไม” “ก็กู อยากรู้ คนเคยรักกัน จะลืมกันได้จริง ๆ เหรอ และมึงอะ ลืมมุกได้จริง ๆ เหรอ “ “กูไม่จำเป็นต้องจำ เรื่องราวของผู้หญิง หลายใจคนนั้นนี่ “ “จากวันนั้นมึงได้ติดต่อหรือว่าเคลียร์ใจกับเธอหรือเปล่าวะขุน มึงได้ถามเหตุผลของเธอไหมว่าทำไมถึงได้แต่งงาน กับคนรุ่นพ่อแบบนั้น ที่สำคัญทั้ง ๆ ที่พวกมึงรักกันขนาดนั้น “ “ไม่รู้โว้ย และกูก็ไม่อยากรู้ ขอแค่ชีวิตนี้กูไม่ขอเจอกับผู้หญิงหลายใจขี้โกหกคนนั้นอีกก็เป็นพอ “ “บ๊ะ ไอ้นี้ ระวังเถอะมึง เกลียดอะไรมักจะได้แบบนั้นล่ะ” เทพฤทธิ์ บอกด้วยน้ำเสียงประชด แต่ขุนพล ไม่สนใจได้แต่ถอนหายใจ อย่างเซ็ง ๆ “ว่าแต่ เรื่องที่มึงจะให้กูช่วยนะอะไรวะ “ เทพฤทธิ์เปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่าตอนนี้อารมณ์ของเพื่อน กำลังเดือดปุด ๆ “กูต้องการให้นักขายมือทองอย่างมึงช่วย ไปติดต่อซื้อ ที่ให้วะ” “ทำไมวะ มึงติดต่อเองไม่ได้เหรอ หรือว่าเขาไม่ยอมขาย ถึงต้องมาให้กูช่วย” “เปล่า กูยังไม่ได้ติดต่อ เจรจาหรอก แต่กู อยากให้มึงช่วยแค่นั้นเอง เพราะกูเชื่อในความสามารถของมึงไงไอ้เทพ “ “เออ ค่อยฟังดูเข้าท่าหน่อย ว่าแต่ ที่แปลงนี้คงจะสวยใช่ไหม เพราะถึงขั้น ต้องให้นายหน้ามือทองอย่างกูไปเจรจาให้แบบนี้นะ “ “จะว่าสวยก็สวย แต่ว่ากูมีเหตุผลที่กูต้องการที่แปลงนี้” “เหตุผลอะไรวะ “ “เออน่า แล้วกูจะบอกเมื่อมึงทำสำเร็จแล้ว” “อะไรวะ แค่นี้ต้องเป็นความลับด้วยเหรอวะ” ขุนพลได้แต่ยิ้มในหน้า พร้อมกับเหยียบคันเร่งพุ่งตรงไปที่ไร่ขุนเขาของเขาอย่างรวดเร็ว มุกตาพาเข้าพักในห้องเรียบร้อย เธออาบน้ำเปลี่ยนชุด เพื่อความสบายตัวก่อนจะลงไปหาอะไรทานที่ห้องอาหารของโรงแรม แต่ก่อนจะลงไป เธอก็กดโทรศัพท์ หาลุง พิทักษ์ ลูกน้องคนสนิทของคุณอาอำนาจ ที่เป็นคนดูแลที่ดินแปลงนี้ให้กับท่าน “ฮัลโหล สวัสดีค่ะลุงพิทักษ์” “สวัสดีครับคุณมุก มาถึงแล้วเหรอครับ “ “ค่ะคุณลุง มาถึงเมื่อบ่ายนี่เองค่ะ “ “คุณมุกจะไม่มาพักที่บ้านใหญ่ที่ไร่จริงเหรอครับ “ “ไม่มีดีกว่าค่ะ ไม่อยากไปเป็นภาระให้กับลุงนะค่ะ มุกพักที่โรงแรมดีกว่าค่ะสะดวกดี “ “ไม่เลยครับ คุณมุก ที่นี่ก็เหมือนบ้านของคุณมุกเหมือนกันนะครับ ถ้าคุณท่านอยู่ คุณท่านก็มาพักที่นี่ตลอดนะครับ “ คุณพิทักษ์เอ่ยกับหญิงสาว ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของผู้เป็นเจ้านาย แต่เขารู้ว่าเรื่องราวระหว่าง มุกตาพาและคุณอำนาจนั้นความจริงเป็นเช่นไร และก็มีไม่กี่คนที่รู้ความจริงเรื่องนี้ ฉะนั้นเขาจึงให้ความเคารพมุกตาพาเช่นเดียวกับคุณอำนาจถึงแม้จะไม่มีคุณอำนาจแล้วก็ตาม “ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้มุกค่อยเข้าไปพักก็แล้วกันค่ะลุงพิทักษ์ ในวันที่เข้าไปดูที่นะคะ” “ครับ คุณมุก เอ่อ คุณมุกครับผมมีเรื่องจะบอกคุณมุกครับ “ “มีอะไรคะลุงพิทักษ์ เกี่ยวกับที่ดินหรือเปล่าคะ” “เมื่อช่วงบ่ายมีนายหน้าติดต่อเข้ามาขอซื้อที่แปลงนี้ครับคุณมุก” “ใครเหรอคะ ลุงพิทักษ์รู้จักหรือเปล่าคะ “ “คนจากไร่ขุนเขาที่ข้าง ๆ ครับ “ “แล้วลุงพิทักษ์บอกเขาไปว่ายังไงคะ “ “ผมบอกไปว่า ผมไม่ใช่เจ้าของ ที่แปลงนี้ และไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจครับ พวกนั้นก็เลยบอกว่าอยากคุยกับเจ้าของที่แปลงนี้ครับ” “ช่างเถอะค่ะลุงพิทักษ์ ไม่ต้องสนใจ เดี่ยวพรุ่งนี้ มุกจะเข้าไปดูที่ตอนเช้านะคะ” “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมขับรถไปรับคุณมุกที่โรงแรมนะครับ “ “ค่ะ ได้ ถ้าอย่างนั้นเจอกันพรุ่งนี้ค่ะลุงพิทักษ์ แค่นี้ก่อนนะคะ “ มุกตาพา วางสายจาก ผู้สูงวัย ก่อนจะคิดถึงเรื่องที่ลุงพิทักษ์ บอก ว่ามีคนมาติดต่อขอซื้อที่ แปลงนั้น อันที่จริงแล้ว ตอนแรกเธอคิดจะขายที่แปลงนี้เช่นกัน แต่ว่าเมื่อเธอได้ฟังรายละเอียดจากลุงพิทักษ์ เธอก็เปลี่ยนใจ เพราะ ถ้าเธอขายที่แปลงนี้ คนที่ได้รับผลกระทบก็คือชาวบ้านที่อาศัยทำไร่ ที่นี่ นั่นเอง แต่ว่าเมื่อคิดอีกที ถ้าจะให้พวกเขาทำกินแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มันก็จะทำให้ทุกคนเกิดความเคยชินและเกิดความรู้สึกว่าที่ตรงนี้ เป็นของตัวเอง เรียกง่าย ๆ ก็คือยึดติดนั่นเอง ฉะนั้นเธอจะต้องหาจุดตรงกลาง ให้พอดี ที่จะไม่มีใครเสียผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายเธอผู้เป็นเจ้าของและฝ่ายชาวบ้านที่ได้อาศัยที่ผืนนี้ทำมาหากิน ฉะนั้นเรื่องนี้เธอจะต้องปรึกษากับลุงพิทักษ์ให้เข้าใจซะก่อน ก่อนที่จะไปคุยกับชาวบ้าน เพราะจะว่าไปถ้าเธอจะเป็น เจ้าของที่เห็นแก่ตัว ก็ไม่ผิด ถ้าจะให้ทุกคนออกไปจากที่ของเธอ แต่ว่าเธอไม่ทำเช่นนั้นเพราะ อย่างน้อย ความตั้งใจของคุณอาอำนาจคือ ช่วยให้คนที่นี่มีที่ทำกินนั่นเอง ส่วนเรื่องที่มีคนจะมาขอซื้อที่แปลงนี้ก็คงจะต้องปฏิเสธไปก็เท่านั้นเอง ไร่ขุนเขา ขุนพลและเทพฤทธิ์ นั่งดื่มและพูดคุยกันอยู่ที่ระเบียงบ้าน ด้วยสีหน้า เคร่งขรึม “เลิกทำหน้าอย่างนั้นได้แล้วน่า ไอ้ขุน “ “พรุ่งนี้ กูจะไปกับมึงด้วยไอ้เทพ “ จู่ ๆ ขุนพลก็เอ่ยขึ้น ทำให้เทพฤทธิ์ต้องหันมามองอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถาม “ไปไหน “ “ก็ไปคุยเรื่องที่แปลงนั้นนะสิ “ “ไอ้ขุน นี่มึงอยากได้ที่แปลงนี้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ “ “กูไม่อยากให้ชาวบ้านต้อง เดือดร้อนนะสิ มึงคิดดู ถ้าเจ้าของที่นั่น คิดจะปรับที่ตรงนั้นเพื่อสร้างรีสอร์ทหรือสนามกอร์ฟ เขาก็ต้องไล่ให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ แล้วทีนี้พวกเขาจะไปอยู่ตรงไหนทำมาหากินอะไรวะ “ “มึงก็รับมาทำงานที่ไร่ขุนเขาของมึงสิ จะยากอะไร” “มึงก็คิดง่าย ๆ คนที่ไร่กูก็เยอะแล้วถ้ารับเข้ามาอีก ก็กลายเป็นคนล้นงานสิวะ “ “เออมันก็จริง “ “แต่กูว่า มันคงจะไม่เลวร้ายอย่างนั้นหรอกมั้ง เขาอาจจะไม่ได้อะไร อาจจะให้ชาวบ้านใช้ที่ทำมาหากินต่อไปแบบเดิมก็ได้” “แต่กูว่าไม่ วะ ไม่อย่างนั้น พวกนั้นจะมาที่นี่ทำไม “ “เอ้า ก็เขาเป็นเจ้าของที่ มันก็ต้องมาดูที่ตัวเองบ้างสิวะ มึงก็พูดแปลก ไอ้ขุน “ไม่รู้ละ มึงจะพูดยังไงก็ได้ ให้เขายอมขายที่ให้กูก็เป็นพอ ไอ้เทพ “ “มึงเห็นกูเป็นอะไรวะ “ “ก็เป็นคนเก่งไง “ “เข้าใจพูดนะมึง เออกูจะพยายามก็แล้วกัน ว่าแต่มึงจะไปด้วยอย่างนั้นเหรอว่ะ” “เออกูจะไปกับมึง พรุ่งนี้” “เอ่อ ก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่า คุยกันไม่รู้เรื่องมีมึงอยู่ด้วยจะได้รู้สึกปลอดภัยหน่อย” เทพฤทธิ์ พูดด้วยท่าทางหวาด ๆ เพราะเขาไม่รู้ว่า เจ้าของที่ตัวจริงจะพูดง่ายหรือยากแค่ไหน *******************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม