ไร่ขุนเขา
“ขุนมาทานข้าวต้มก่อนไหมลูก จะออกไปที่ไร่แล้วเหรอ “แม่เลี้ยงแขไขเอ่ยถามลูกชายสุดที่รัก เมื่อเห็นเขาเดินลงมาจากห้อง
“ครับ แม่วันนี้จะแวะไปที่ไร่ก่อนครับ “
“ทานข้าวก่อนสิต้องรีบขนาดนั้นเลยเหรอ “
“อือ ไม่ไหวครับทานไม่ลงขอแค่กาแฟก็พอครับ “
“เมื่อคืนเมาอีกแล้วสิเรา”
“นิดหน่อยครับ แม่”
ขุนพลได้แต่ยิ้มแหยเมื่อผู้เป็นแม่เอ่ยอย่างรู้ทัน และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ท่านเป็นห่วง เพราะท่านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย หลังจากเรียนจบกลับมาวันนั้น วันที่ขุนพลกลับมาในสภาพ ทรุดโทรม และทำตัวซังกะตายดื่มเหล้าหนัก เมาหัวราน้ำทุกวัน ไม่เป็นผู้เป็นคน แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าเป็นเพราะอะไร และท่านก็ไม่ถามเซ้าซี้ลูกชายด้วย ท่านคิดว่าเมื่อถึงเวลาที่ลูกชายของท่านพร้อม เขาจะบอกเอง และก็เป็นเช่นนั้นอยู่เป็นปี กว่าเขาจะตั้งหลักได้ ทุกอย่าง ดีขึ้นเขากลับมาตั้งใจช่วยผู้เป็นพ่อ ทำงานในไร่และปางไม้เป็นบ้าเป็นหลังแต่มีเรื่องเดียวที่ยังคงอยู่คือการดื่ม ที่เขายังคงดื่มหนักเหมือนเดิม ท่านจึงได้แต่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเท่านั้นเอง
“ขุน แม่ไม่เคยห้ามเรื่องนี้ เพราะแม่เห็นว่าเราก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่แม่อยากให้ขุนดูแลสุขภาพของตัวเองหน่อย เท่านั้นนะลูก”
“ครับแม่เข้าใจแล้วครับ “
“อ้อ อีกอย่าง เมื่อไหร่ จะหาสะใภ้ให้แม้สักทีละขุน นี่เราก็อายุ ใกล้จะ 30 แล้วนะ เดี๋ยวก็มีลูกไม่ทันใช้หรอก ที่สำคัญแม่จะตายก่อนจะได้อุ้มหลานนะสิ “
“แม่ครับ ผมยังไม่พร้อม ครับ และอีกอย่าง แม่อย่าพูดเรื่องตายอีกนะครับ ไม่เป็นมงคลเลยครับ”
ขุนพลเอ่ยเสียงเข้มขึ้นเมื่อผู้เป็นแม่พูดเรื่องเป็นเรื่องตายเพราะจาการสูญเสียผู้เป็นพ่อครั้งนั้น เขาก็เหมือนเสียเสาหลักไปแล้วคนหนึ่ง ถ้าแม่ของเขามาเป็นอะไรอีก เขาคงจะรับไม่ไหวแน่ ๆ
“ถ้าไม่อยากให้แม่พูดก็รีบหาสะใภ้ให้แม่ซะที สิ “
“เอาละครับ ผมเข้าไปในไร่ก่อนนะครับแม่ ป่านนี้คนงานรอแล้ว ไปนะครับ “
ขุนพล เดินออกมาขึ้นจิ๊ปคู่ใจขับออกไปที่ไร่ส้ม ที่ตอนนี้คนงานกำลัง เก็บส้ม เพื่อที่จะส่งทั้งภายในและนอกประเทศ และ ถ้าเป็นส้มที่ติดโลโก้ของไร่ขุนเขา รับรองได้ว่ามีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด อย่างแน่นอน
เขาขับรถมาถึงไร่ลงจากรถเดินไปตรวจดูความเรียบร้อย
“เป็นไงบ้างนี ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม “
“เรียบร้อยดีค่ะ คุณขุน คนงานกำลังเร่งเก็บส้มตามออเดอร์ที่จะส่งไปต่างประเทศค่ะ “ภาวินีตอบ เสียงหวาน
ใช่แล้ว เธอก็คือ ภาวินี้ ที่อยู่กับเมื่อ 8 ปีก่อนนั้นเอง หลังจากเขาเสียใจอย่างหนัก กับเรื่องราวของมุกตาพา ขุนพลก็กลับเชียงราย และภาวินีเองก็ได้เอ่ยขอติดตามเขามาที่เชียงรายด้วย เพราะ ที่กรุงเทพเธอก็ไม่มีใคร เพราะเธอเป็นเด็กจากบ้านเด็กกำพร้า เธอจึงขอมาที่เชียงราย ตอนแรกก็แค่เดินทางมาด้วย และเธอคิดจะไปหางานทำที่เชียงราย แต่ว่าด้วยความสงสารและเห็นใจ และเพื่อตอบแทนที่เธอดูแลเขาเมื่อครั้งที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล ขุนพลจึงให้เธอมาทำงานที่ไร่ ด้วยนั่นเอง
ตอนแรกเธอก็ทำงานเก็บส้ม เหมือนคนงานทั่วไป แต่ว่า เธอพอจะมีความรู้ และช่วยหัวหน้าคนงานคนเก่าคนแก่ ทำงานบัญชีและงานเอกสารต่าง ๆ จนชำนาญ จนกระทั่งหัวหน้าคนงานคนเก่าลาออกไปแต่งงาน ภาวินีจึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าคนงานแทนคนเก่า จากนั้นเป็นต้นมา
“อือ แล้ว ศักดิ์อยู่ไหนเหรอ นี “
“พี่ศักดิ์ อยู่ในไร่ค่ะ คุณขุน เดี๋ยวนีให้คนงานไปตามให้นะคะ “
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเอง ทุกคนทำงานต่อเถอะ “
ขุนพล เดินกลับไปที่จิ๊ปคู่ใจแล้วก็ขับตรงเข้าไปในไร่ส้มด้านใน ทันที โดยมีสายตาของภาวินีมองตามไปจนลับสายตา
“เจ้านาย ครับ “ ศักดิ์ เดินมาหาชายหนุ่มเมื่อเห็นรถจิ๊ป วิ่งเข้ามาจอด
“เป็นไงบ้างศักดิ์ เรียบร้อยดีไหม “
“ครับเรียบร้อยครับ “
“อือ ดี “
“เอ่อ เจ้านายครับ เจ้านายจำที่ผมเคยบอกเรื่องที่ดินแปลงข้าง ๆ ไหมครับ “
“ที่ชาวบ้านปลูกชากันนะเหรอ “
“ครับ ตอนนี้ ผมได้ยินชาวบ้านบ่น ๆ ว่า ต่อไปคงจะไม่ได้ทำไร่ที่นี่อีกแล้ว “
“ทำไมล่ะ “
“ชาวบ้านบอกว่าภรรยาเจ้าของที่ดินแปลงนี้กำลังจะมาที่เชียงรายครับ”
“แล้วทำไม ก็มันเป็นสิทธิ์ของเขาเพราะที่เป็นของสามีเขา ของผัวก็เหมือนของเมียชาวบ้านก็ต้องเข้าใจ”
“ครับและเมื่อก่อนสามีให้ชาวบ้านทำกินได้โดยไม่ต้องเช่า แต่ดูเหมือนตอนนี้จะมีคนปล่อยข่าวว่า ภรรยาของเขาต้องการจะเปลี่ยนที่แปลงนี้เป็นรีสอร์ท หรือว่าขายเอากำไร นี่ละครับคุณขุน”
“มันเป็นสิทธิ์ของเขานะ เขาจะทำอะไรกับที่ของเขาก็ได้ นี่ “
“มันก็จริงครับ แต่ว่า ก็เห็นใจชาวบ้านอยู่เหมือนกันครับ ที่จะไม่มีที่ทำกินอีกต่อไป หลายครอบครัวเลยครับ คุณขุน “
“แล้วทำไมชาวบ้านไม่ลองไปคุยกับเจ้าของที่เขาดูล่ะ เผื่อว่าเขาอาจะเห็นใจ และให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ต่อไป ว่าแต่ ชาวบ้านเคยคุยกับเจ้าของที่เขาบ้างหรือยังล่ะ”
“เอ่อ เห็นว่ายังครับ สามีเคยเห็นครับ ผมก็เห็นครั้งหนึ่งครับ เป็นผู้ใหญ่ท่าทางใจดี และก็มีน้ำใจคนหนึ่งเลย ชาวบ้านก็รักเคารพเขามาก แต่ว่าภรรยา นี้ไม่เคยเห็นและน่าจะไม่เคยมาที่นี่เลยมั้งครับ “
“อือ ก็ต้องให้ชาวบ้านคุยกับเขาดู ขอความเห็นใจจากเขา เพราะน่าจะทำได้แค่นั้น อย่าลืมว่าเขาคือเจ้าของที่ “
“ครับ หวังว่า ภรรยาจะเป็นคนดีเหมือนกับสามีครับชาวบ้านจะได้สบายใจ “
“แต่ว่าถ้าเขาจะขาย”
“คุณขุนจะซื้อไว้หรือครับ “
ศักดิ์รีบเอ่ยถามทันเมื่อได้ยินประโยคคำพูดของผู้เป็นนาย
“แสนรู้จริง ก็ต้องดูว่าเขาจะขายเท่าไหร่ “
“ถ้าชาวบ้านรู้ว่าคุณขุนจะซื้อที่แปลงนี้จริง ๆ ละก็ต้องดีใจมากแน่ ๆ เลยครับ “
“ถ้าฉันซื้อแล้วเอาไปทำรีสอร์ทเหมือนคนอื่น ๆ จะทำไง “
“ไม่หรอกครับ ผมรู้คุณขุนไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับ “
“ใครจะรู้ละ เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะไปที่ปางไม้ก่อน นายดูแลทางนี้ให้เรียบร้อยนะศักดิ์”
“ครับคุณขุน “
จากนั้นขุนพล ก็เดินไปที่รถจี๊ปคู่ใจ และขับ ออกจากไร่ตรงไปที่ปางไม้ของเขา อย่างรวดเร็ว
ตึก A.p company
มุกตาพา นั่งเซ็นเอกสาร ที่วางกองอยู่บนโต๊ะ เธอนั่งเซ็นเอกสารตั้งแต่เช้า จนตอนนี้เกือบจะเที่ยงแล้ว แต่เอกสารก็ยังวางเต็มเหมือนไม่ได้ลดลงเลย
ตี้ด ตี้ด ตี้ด เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น มือเล็กเอื้อมไปยกหูโทรศัพท์ ทันที
“ว่าไง คุณนา “
“คุณมุกค่ะ คุณเพ็ญมาแล้วค่ะ “
“อือให้เข้ามาเลย “
สิ้นเสียงตอบรับ ประตูหน้าห้องก็ถูกเปิดเข้ามาทันที พร้อมร่างสูงโปร่งราวกับหุ่นนางแบบเดินเข้ามาด้านใน
“นี่ยัยมุก ฉันมาหาเธอที่ไรต้องรอให้เลขาเธอรายงานเธอตลอดเลยหรือไง “เพ็ญนภาบ่นขณะที่เดินมานั่งที่โซฟาหรูยกขาไขว้ห้าง มือกอดอก มองเพื่อนรัก
เพ็ญนภานั้น รู้จักกับมุกตาพา เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ในงานสัมมนาเกี่ยวกับธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ เพ็ญนภาเธอเป็นตัวแทนของพ่อเธอ เพราะเป็นนักธุรกิจหญิงเก่งทั้งคู่ ทำให้ทั้งมุกตาพาและเพ็ญนภา นั้นกลายเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
“อือ นารินก็ทำหน้าที่ของเลขาไง ต้องเข้าใจเธอหน่อย “มุกตาพาบอกเสียงเรียบและก้มหน้าก้มตาเซ็นต์เอกสาร
“นี่ มุก มันจะเที่ยงแล้ว ไปทานข้าวกันเถอะ หิวแล้ว”
“รอเดี๋ยวฉันกำลังรีบเคลียร์งานให้เสร็จ เพราะเธอก็รู้ฉันจะต้องไปเชียงรายวันมะรืน “
“อือ ถ้าอย่างนั้นก็รีบ ๆ เลยฉันหิวแล้ว”
เพ็ญนภาบอกและหยิบนิตยสารมาอ่านรอ มุกตาพาเคลียร์งาน
“แฟ้มสุดท้ายแล้ว โอเค เรียบร้อย”
“เอาละ ไปกันเถอะ ฉันหิวไส้จะขาดแล้ว มุก “
“อือ ไปเถอะ”
จากนั้นสองสาวเพื่อนรักก็เดินออกไปที่ลิฟท์และลงไปด้านล่าง ออกไป ทานข้าวข้างนอก ไปที่ร้านประจำของพวกเธอ
หลังจากทานข้าวเสร็จ ตอนนี้สองสาวก็มานั่งที่ร้านกาแฟร้านประจำอีกร้านหนึ่ง
“ มุก เธอจะไปเชียงรายกี่วัน “
“ยังไม่แน่ วางแผนไว้ว่า สักอาทิตย์ แต่อาจจะกลับเร็วกว่านั้นก็ได้ เพราะเป็นห่วงงานทางนี้ “
มุกตาพาเอ่ยตอบขณะที่ตักเค้กเข้าปากเคี้ยวด้วยท่าทางอร่อย และยกกาแฟขึ้นดื่ม
“อือ งานทางนี้ก็ปล่อยให้ลูกน้องทำบ้างเถอะนะ เธอนะ เป็นถึงประธานบริษัท ยังต้องมาลุยงานเอง แบบนี้เหนื่อยจะแย่ ไหนจะพวกญาติกาฝากฝั่งสามีของเธอนั่นด้วย จะปล่อยให้คนพวกนั้นเสวยสุขโดยที่ไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ มุก “
“ ก็คงให้ได้เท่าที่ส่วนของพวกเขาจะได้นั่นหละ ถ้าหมดจากนั่นแล้ว ก็คงไม่ได้แล้ว “
“แล้วคนพวกนั้นจะยอมเหรอ มุก “
“ยอมไม่ยอมฉันไม่สนนะเพ็ญ เพราะ สิ่งที่คุณอาสั่งไว้มีเพียงแค่นี้ และฉันก็ทำดีที่สุดแล้ว “
“อือ ฉันรู้ และถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ โดยเฉพาะ กับคนพวกนั้น ฉันพร้อม “
“จ้า ดีนะ มีพี่ชายเป็นผู้ทรงอิทธิพล นี่มันดีอย่างนี้นี่เอง “
“แน่ละ แล้วเธอไม่อยากมีแฟนใหม่เป็นผู้ทรงอิทธิพลอย่างพี่ชายฉันบ้างหรือไง มุก “
“ ไม่อะตอนนี้ฉันไม่อยากมีใคร ฉันอยู่คนเดียวแบบนี้ มีพ่อ มีเพื่อนที่น่ารักแบบเธอมีงานที่ยุ่งทั้งวัน จนไม่มีเวลาไปไหน แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ละ เพ็ญ “
“เธอก็เป็นซะอย่างนี้ ยัยมุก ทำไมต้องปล่อยให้ความสวยความสาวหายไปกับกาลเวลา แบบนี้ด้วย “
“เธอก็รู้ การที่เป็นแม่หม้ายอย่างฉัน จะมีใครที่จะจริงใจ และถ้าฉันไม่มีสมบัติ ทรัพย์สิน เธอคิดว่าใครจะสนใจฉันเพ็ญ”
“ก็พี่ชายฉันไง ถึงเธอไม่มีสมบัตินั่นหรือถึงเธอจะเป็นหม้าย พี่ฉันก็รับได้เสมอละน่า “
“เฮ้อสุดท้ายเธอก็เชียร์พี่ชายเธออีกละ ทุกอย่างเธอเป็นคนพูดแทนพี่ชายของเธอ ทั้งนั้นและอีกอย่างเขาก็เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องเธอไม่ใช่หรือไง เธอจะไปคิดแทนเขาได้ไงกัน ”
“ถ้ามีโอกาส ฉันอยากจะแนะนำให้พวกเธอสองคนรู้จักกัน จริง ๆ เลย แต่เอ๊ะ พี่ฉันอยู่ที่เชียงรายนี่นา เธอก็กำลังจะไปเชียงรายด้วย แบบนี้ฉันนัดให้พวกเธอได้พบกันดีไหม มุก”
“พอเลยยัยเพ็ญ เลิกพูดเรื่องนี้เถอะน่า ทานเค้กไปเลย”
“จริง ๆ นะ ฉันอยากแนะนำให้พวกเธอรู้จักกันจริง ๆ นะ มุก”
“พอแล้วพอแล้ว รีบทานเถอะแล้วเราไป ช๊อปปิ้งกัน”
จากนั้นสองสาวก็นั่งทานเค้กกับกาแฟสักพัก ก็ไปเดินห้างสรรพสินค้า เพื่อซื้อของใช้กันต่อ