“อ๊าา…” เสียงครางจากลำคอหนา เพทายกำลังเชิดใบหน้าขึ้นด้านบนด้วยความสุข ที่เกิดจากริมฝีปากของสาวสวยที่เขาต้องการใช้บริการของเธอ “อ๊าา” เขาได้ปลดปล่อยความสุขของตัวเองเข้ามาในโพรงปากของเธอ
แววตาของเธอสั่นไหวหัวใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงจะบริการลูกค้ามานักต่อนัก แต่สำหรับชายหนุ่มตรงหน้าเธอรู้สึกหวั่นไหว ความใหญ่โตเกินมาตรฐานของชายไทย ทำให้แอบกลืนน้ำลายไปหลายครั้ง
ร่างอรชรไม่ได้ถูกอีกฝ่ายเล้าโลมเสียด้วยซ้ำ แต่กายสาวของเธอก็เปียกชื้นเสียเอง เธอสวมใส่เครื่องป้องกันที่เพทายยื่นส่งมาให้ ด้วยมืออันสั่นเทาเธออยากเอามันเข้ามาในร่างกายเต็มทนในตอนนี้ แค่ไม่กี่วินาทีในการสวมเครื่องป้องกัน เธอก็คิดว่ามันนานนับหนึ่งชั่วโมง
“ทำเลย เอาตามที่เธอต้องการ” เพทายยิ้มมุมปาก วันนี้เขาอยากให้เธอขับเคลื่อนจังหวะรักเอง เขาก็แค่นั่งนิ่งๆ และรับความสุขจากกายสาวที่กำลังตอบสนองด้วยความเสียวซ่าน “อ๊าา”
เธอขยับร่างกายที่นั่งอยู่ด้านบน เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง เอวเล็กกำลังโยกย้ายอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงครางของทั้งสองร่างกำลังพบเจอกับความสุข
ร่างบางถูกผลักให้อยู่ในท่าคลานเข่า เพทายอัดกระแทกความแข็งแรงเข้าใส่เธออย่างไม่ปรานี ริมฝีปากเล็กกำลังขบเม้มเข้าหากัน เธอรู้สึกเจ็บแสบพร้อมกับเสียวซ่านเช่นเดียวกัน
มันเป็นความเจ็บที่มีความสุข เธอสุขสมไม่รู้กี่ครั้งกับแก่นกายใหญ่ที่ขยับเข้าออกนี้ ใบหน้าสวยแดงก่ำไปด้วยอารมณ์ที่กำลังถึงขีดสุดอีกครั้ง ก่อนที่เพทายจะอัดกระแทกแรงครั้งสุดท้าย เข้าใส่เธอจนร่างบางโยกคอนไปตามแรง
“อ๊าา//อร๊าสสส”
เพทายเปล่งเสียงออกมาด้วยความสุขสม ก่อนที่เขาจะรีบดึงตัวตนออกจากเธอ แล้วเดินหายเข้ามาในห้องน้ำ เพื่อจัดการตัวเองให้สะอาด เมื่อเดินออกมาก็พบว่าหญิงสาวยังนั่งตัวเปล่าเปลือยอยู่เช่นเดิม
“หนูบริการต่อให้ได้นะคะ” เธอยิ้มออกมาพร้อมกับเดินเข้าหา หวังว่าจะได้ร่วมรักกับเขาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะถูกอีกฝ่ายมอบความสุขให้จนขาแทบไม่มีแรงยืนแล้วก็ตามที แต่กายสาวกลับร้อยผ่าวเรียกร้องหามันอีกครั้ง
“ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว เอานี่ของเธอ” เขายื่นเช็คเงินสดจำนวนห้าหลักไปตรงหน้า นี้แค่เงินพิเศษจากเขาเท่านั้น ส่วนแบ่งจากคลับเธอคงได้อีกไม่น้อย
“ขอบคุณนะคะ ครั้งหน้าอย่าลืมเรียกหนูนะคะ” เธอเก็บเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาสวมใส่
“เรียกพนักงานให้ฉันด้วย”
“ค่ะ” เธอตอบรับเพียงเท่านั้นแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่นานผู้การที่คุ้นเคยก็เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับรอยยิ้ม
“เป็นยังไงบ้างครับ ถูกใจหรือเปล่าครับ”
“ก็งั้นๆ”
“ผมอยากแนะนำให้นะครับ ตอนนี้เธอว่างแล้วครับ พึ่งขึ้นโชว์เสร็จ คุณทอยสนใจไหมครับ”
“ไม่ล่ะ ผมจะกลับแล้ว เอาไว้โอกาสหน้าผมจะมาใหม่” เขาทิ้งเงินสดเอาไว้จำนวนหนึ่ง ก่อนที่จะเดินออกมาจากคลับ
รถLamborghini สีดำ วิ่งออกมาจากลานจอด ตรงดิ่งกลับไปยังคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง ล้อรถจอดนิ่งที่สี่แยกไฟแดงพร้อมกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มอยู่ภายในรถยนต์
เมื่อไฟสีเขียวปรากฏขึ้นเขารีบเหยียบคันเร่งออกตัวรถในทันที แต่โชคช่างโหดร้ายเมื่อรถของเขาประสานงาเข้ากลับรถสิบล้อที่วิ่งผ่าไฟแดงมา เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างลงจากรถมาให้ความช่วยเหลือ
เพทายรู้สึกปวดศีรษะเป็นอย่างมาก เขาเปิดประตูรถลงมาพร้อมกลับจ้องมองรถยนต์ที่พึ่งใช้ไปเพียงสองครั้ง ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง
“เป็นอะไรไหมครับ” ชายคนหนึ่งถามขึ้น
“ไม่ครับ” เพทายตอบกลับ เขาไม่ได้สนใจร่างกายของตัวเอง แต่กลับสนใจรถยนต์ของเขามากกว่า สภาพเละขนาดนี้ คงต้องขายทิ้งเสียแล้ว
“คุณมีเลือดออกที่ศีรษะนะครับ ไปหาหมอเถอะ ผมโทรแจ้งตำรวจแล้วครับ” ผู้หวังดีเอ่ยขึ้น พร้อมกับหันมองไปที่สิบล้อ ที่หมดสติอยู่บนรถ
เสียงไซเรนดังก้องไปทั่วทั้งสี่แยก เพทายนอนอยู่บนเปลห้ามของเจ้าหน้าที่กู้ภัย ก่อนที่เขาจะถูกนำตัวมาส่งที่โรงพยาบาล เมื่อตรวจเช็กเรียบร้อยว่าร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากศีรษะที่มีแผลแตกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ชายหนุ่มนั่งรอรับยาเพื่อที่จะได้กลับบ้าน ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีผู้ป่วยฉุกเฉินมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ขาดช่วง มีคนที่กำลังนั่งรอเรียกชื่ออยู่อีกห้าคน สายตาคมจ้องมองไปยังหญิงสาวคนหนึ่ง
แล้วเธอก็นั่งลงข้างๆ กับเขา ในอ้อมแขนมีเด็กชายตัวเล็กกำลังนอนหลับอยู่บนหน้าผากเล็กๆ นั้น มีเจลลดไข้แปะอยู่บ่งบอกว่าเด็กชายกำลังไม่สบาย กลิ่นกายหอมที่เขาเคยได้กลิ่นมาก่อน พอลองเพ่งพินิจดูให้ดี
“......” เพทายมองสำรวจใบหน้าของเธออีกครั้ง ใช่! เธอคือผู้หญิงคนนั้น ที่เขาไม่มีวันลืมได้เลยสักครั้ง รอยยิ้มมุมปากและกำลังจะเอ่ยทัก แต่ก็ต้องหยุดความคิดของตัวเอง
เมื่อมองเห็นเด็กชายที่เธออุ้มอยู่ในอ้อมแขน เธอคงมากับสามีเพราะหน้าตาของเด็กชายดูคล้ายกับเธอเป็นอย่างมาก เพทายถูกเรียกชื่อไปรับยา เขาจ้องมองเธออีกครั้ง ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน
เช้าวันใหม่
“คุณหญิงเอื้อมจันทร์ ฉันรออยู่นานแล้วค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” คุณหญิงสร้อยมาลัย ที่เป็นเพื่อนร่วมสมาคมเอ่ยทักขึ้น “แล้วหลานฉันล่ะคะ”
“จะตามมาทีหลังค่ะ คงไม่เกินสิบนาทีก็คงถึงนะคะ” เธอเดินเข้ามานั่งภายในบ้าน พร้อมกับมองสำรวจด้วยความพึงพอใจ “นี่เอกสารยืนยันดีเอ็นเอ ที่คุณหญิงอยากให้แน่ใจ”
“ฉันดีใจมากเลยนะคะ ไม่คิดว่าจะมีหลานน่ารักแบบนี้” คุณหญิงสร้อยมาลัย หยิบเอกสารขึ้นมาอ่านพร้อมกับมองใบหน้าของหลานชายที่เป็นรูปถ่ายคู่กับแม่ผู้ให้กำเนิด
“ฉันต้องการให้คุณหญิงทำให้ถูกต้องค่ะ”
“แน่นอนสิคะ ฉันจะทำให้ถูกต้อง ไม่ต้องห่วงนะคะ” เธอตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันหน้าไปเรียกสาวใช้ “ไปเรียกลูกชายฉันมาหน่อย บอกให้รีบมานะ ตอนนี้เลย”
“ค่ะ” สาวรับใช้เดินหายไปด้านบน ไม่ถึงสิบนาทีร่างสูงใหญ่ของลูกชายก็ปรากฏตัวขึ้น
“มีอะไรครับแม่”
“ต๊ายแล้ว! หัวไปโดนอะไรมา” คุณหญิงสร้อยมาลัย เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ
“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ” สายตาของเขาจ้องมองไปที่หญิงสาววัยกลางคนที่มองมาทางเขาก่อนแล้ว
“ทอยจำน้องได้ไหม?” มารดายื่นรูปถ่ายหนึ่งใบมาให้กับลูกชาย “จำได้ใช่ไหม?”
“ครับ ก็พอจำได้บ้าง” เพทายตอบกลับ เขาพึ่งได้เจอเธอไปเมื่อคืน “มีอะไรครับ”
“นี่ลูกของทอย น้องท้องตอนนี้ลูกทอยได้สามขวบแล้วนะ”
“เป็นไปไม่ได้ครับ” เขาจ้องมองรูปภาพนิ่ง “เด็กใช่ลูกผมแน่เหรอครับ” เขาถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
“คิดเอาไว้ไม่มีผิด ว่าผู้ชายอย่างเธอจะพูดคำนี้ออกมา หลักฐานทุกอย่างอยู่ตรงหน้าแล้ว ดูสิ ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้รับความเป็นธรรม คุณหญิงคงรู้นะคะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่สนใจชื่อเสียงหรอกนะคะ หัวอกคนเป็นแม่คงรู้นะคะ” คุณหญิงเอื้อมจันทร์เอ่ยเสียงข่มขู่เล็กน้อย ว่าเธอพร้อมที่จะไม่ถอยจนกว่าจะได้รับสิ่งที่ตนเองต้องการ
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะให้ทั้งสองคนแต่งงาน หนูเอยไม่น้อยหน้าใครแน่นอนค่ะ”
“อะไรนะครับ!! แม่จะให้ผมแต่งงาน แค่รับผิดชอบเรื่องลูกก็พอแล้วไหมครับ ผมไม่แต่ง!!”
“ไม่แต่งก็ไม่ต้องแต่งสิคะ แต่รับเลี้ยงลูกก็พอได้ แต่ฉันไม่ยอม จะให้ลูกสาวฉันเสียตัวฟรีๆ หรือไง เธอต้องรับผิดชอบ ไม่งั้นฉันจะไปแจ้งความ” เสียงของเอื้อมจันทร์ดังขึ้น “ยัยเพียงไหนพี่สาวแกล่ะ” เธอมองเห็นลูกสาวที่เดินเข้ามาในบ้านจึงได้เอ่ยถาม พร้อมกับมองหาเจ้าเอยที่นัดเอาไว้
“พี่เอยหนีไปแล้วค่ะ นี่ค่ะ” เธอยื่นจดหมายไปให้มารดา พร้อมกับเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเอง