สองปีต่อมา
"น้ำตาล วันนี้จะเอาขนมไปส่งหนูอรใช่ไหม" วารุณีเอ่ยถามลูกสาวที่เตรียมขนมเค้กและเบเกอรีอื่น ๆ ใส่รถ เตรียมไปส่งลูกค้าที่เป็นเพื่อนรักของเธอ น้ำตาลลาออกจากเฌอแตมโมเดลลิงตั้งนานแล้ว เพราะงานที่เธอได้รับมันไม่ตรงกับที่ไปสมัครเลย น้ำตาลคาดหวังงานพริตตี้โชว์สินค้า หรืออาจจะถึงขั้นพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์ ที่ต้องใช้ทั้งความสามารถและความสวยงาม แต่ทว่าเขาให้เธอทำงานเป็นเด็กเอ็น
หรือที่เรียกว่าเพื่อนคุยคอยบริการทานอาหารกับลูกค้าที่ต้องการเรียกใช้แบบส่วนตัว ซึ่งมันเป็นงานที่อันตรายมาก หลังกลับจากสมุยเธอจึงตัดสินใจลาออกจากงาน น้ำตาลจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เพราะว่าคุณแม่ของเธอนับถือศาสนาคริสต์ จึงได้รับทุนเรียนดีจากสมาคมคริสเตียนแห่งประเทศไทย เธอเรียนโรงเรียนพระแม่ตั้งแต่เด็กจนโต เลยมาเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังระดับที่สอนทั้งสองภาษา เพราะฉะนั้นภาษาอังกฤษของเธอคล่องปร๋อแบบไม่ต้องอายใคร ความสามารถมีพอตัว แต่โชคร้ายมาตกงานในช่วงโควิด เพราะบริษัททัวร์ปิดตัวจากไป
ตอนนี้เธอมาเริ่มต้นใหม่ กลับมาอยู่กับคุณแม่ หารายได้ด้วยการขายขนมเบเกอรีและส่งขายตามโรงเรียนมัธยม ส่งให้เพื่อนบ้าง คนรู้จักบ้างแต่มันไม่พอผ่อนคอนโด เธอจึงตัดสินใจขายคอนโดทิ้งไป โชคดีที่เพื่อนรักอย่างอรจิรารับซื้อเอาไว้ ไม่งั้นชีวิตของน้ำตาลลำบากกว่านี้อย่างแน่นอน
"แม่ไปส่งขนมเดี๋ยวมานะครับคนเก่ง" บอกกับลูกชายแก้มยุ้ยของเธอ ในขณะที่คุณยายพาเดินมาส่งเที่หน้าบ้าน น้ำตาลมีลูกแล้ว เธอมีลูกเพราะความใจง่ายของเธอในครั้งนั้นนั่นแหละ ทำให้น้ำตาลท้องแบบไม่มีพ่อ มันเป็นเรื่องยากเย็นในชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง เธอต้องรับสภาพคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวขณะที่ตัวเองกำลังตกงาน แต่เธอไม่คิดจะเอาเด็กออก และไม่คิดจะขอร้องเขาคนนั้น ให้มารับผิดชอบเธอเลย
ในคราวแรกหญิงสาวคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาแล้วไม่เอาดีกว่า ขืนไปบอกเขา เขาจะดูถูกเอาเปล่า ๆ เพราะว่าเขาและเธอ ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น ความผิดพลาดทั้งหมด มันเป็นเพราะตัวเธอเอง มันเป็นเพราะเธอไปหลงรักเขาเอง น้ำตาลยอมรับความจริง และไม่คิดที่จะไปรบกวนใครให้เขาสมเพชเวทนา แล้วอีกอย่างเธอโชคดีที่คุณแม่เข้าใจ เพราะวารุณี คุณแม่ของเธอก็เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกัน
บ้านของน้ำตาล เปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำมานานตั้งแต่รุ่นยายของเธอ จนมารุ่นคุณแม่ก็ขายของชำทำขนมบ้างเลี้ยงดูส่งเสียจนเติบโต พอน้ำตาลมาอยู่ที่บ้านเธอทำขนมเบเกอรีเพิ่ม และมันก็ขายดีทีเดียว
"จริง ๆ เราน่าจะพาข้าวตังไปเล่นกับข้าวหอมลูกสาวหนูอรด้วยนะน้ำตาล" คุณแม่ของเธอเดินมาคุย ในขณะที่หญิงสาวขนของขึ้นรถยนต์คันเก่าของเธอ แต่น้ำตาลบอกว่า
"ตาลต้องไปส่งขนมอีกหลายเจ้าค่ะแม่ กลัวว่าข้าวตังจะเหนื่อยเกินไป รถก็ติด อยู่ในรถมันร้อน เดี๋ยวตาลจะรีบกลับมานะคะ"
เธอบอกกับคุณแม่และรีบขับรถออกไป ทุกวันนี้น้ำตาลทำงานแบบตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอต เธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างคนเดียว ค่าใช้จ่ายในการมีลูกหนึ่งคนสมัยนี้มันแพงมาก ๆ ไหนจะค่านมผงที่ชงให้ลูกดื่ม ไหนจะค่าผ้าอ้อมสำเร็จรูป และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อีกสารพัดสาระเพ อีกหน่อย ข้าวตังต้องเข้าโรงเรียน คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจึงต้องทำงานหัวหมุน จนไม่มีเวลาให้ตัวเอง น้ำตาลขับรถออกจากบ้านใช้เวลาชั่วโมงเศษ ๆ ก็มาถึงไร่ทรงพล
ซึ่งเป็นอาณาจักรไร่กาแฟและรีสอร์ตของคุณหนูอรจิราเพื่อนรักของเธอ ซึ่งพักหลัง ๆ น้ำตาลไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยนักตั้งแต่มีลูกเธอก็สาละวนอยู่แต่กับลูกและการทำขนมของเธอ แต่พอดีว่าวันนี้คุณหนูอรจิราสั่งขนมและเค้กวันเกิดให้ลูกสาว น้ำตาลจึงต้องนำมาส่งด้วยตัวเอง
"เรานึกว่าตัวเองจะเอาข้าวตังมาด้วย วันนี้มีเด็ก ๆ มาเยอะเลย ลูกไผ่หลิวก็มา ลูกของปรางวลัยก็มา" อรจิราบอกเธอ น้ำตาลมองเข้าไปในงานเด็กเยอะจริง ๆ ด้วย ถ้าเจ้าหัวเหม่งมาด้วยคงสนุกน่าดู ลูกของเธออายุสิบสี่เดือนกำลังหัดเดิน กำลังซนเลยทีเดียว แต่ว่า..
"เสียดายจังเราจะต้องไปส่งขนมอีกหลายเจ้า ไม่มีเวลาเลยน่ะ" อรจิรามองเพื่อนรักอย่างเห็นใจ ทุกวันนี้น้ำตาลเปลี่ยนไปมาก จากคนชอบแต่งตัวสวย ๆ ใส่เสื้อผ้าเซ็กซี่ดูดีทุกวัน ตอนนี้ส่วนมากเวลาเจอกันจะเห็นน้ำตาลใส่แค่เสื้อยืดตัวเก่ากับกางเกงยีนเท่านั้น ซึ่งมันดูไม่เป็นน้ำตาลเลย
"นี่ค่าขนม" อรจิราหยิบเงินยื่นให้เพื่อน ซึ่งมันมากกว่าค่าขนมหลายเท่า น้ำตาลจึงส่งเงินที่เหลือคืน
"เอ้ย ให้มาทำไมเยอะแยะ ค่าขนมแค่สองพันเอง"
เธอคืนส่วนที่เหลือให้เพื่อนสาว เพราะอรจิราให้มาเป็นหมื่น เพื่อน ๆ ของเธอรู้หมดแหละ ว่าน้ำตาลมีลูก แต่ไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใคร เพราะเธอบอกกับทุกคนว่า เธอเคยมีแฟนในระยะสั้น ๆ แต่เลิกรากันไปตอนที่ท้องพอดี ทุกคนก็เห็นใจเธอนะ และไม่มีใครซักถามว่าพ่อของเด็กเป็นใคร มีแต่ให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะให้ได้ อย่างเช่นวันนี้ก็เหมือนกัน ค่าขนมสองพันแต่อรจิราให้ไปเป็นหมื่นเลยทีเดียว
"เอาไปเถอะ เราให้ข้าวตัง ฝากหยิกแก้มหลานด้วยนะ" น้ำตาลรับไว้และมองเพื่อนอย่างขอบคุณ เธอไม่ชอบความรู้สึกที่มีปมด้อยอย่างนี้เลย และพยายามไม่แสดงออกให้ใครเห็น จึงรีบเดินหนีไป เธอไม่ชอบสายตาเวลาคนอื่นมองแบบสงสาร เพราะชีวิตที่มันเป็นอย่างนี้ 'เธอเลือกเอง 'เธอทำมันเอง และน้ำตาลก็ต้องเข้มแข็ง ต่อสู้ด้วยตัวเอง
"เราไปก่อนนะ เราต้องรีบไปส่งขนมต่อ" บอกกับเพื่อนอย่างตัดบทและก้มหน้าเดินออกไปทันที แต่...ทว่า เธอเดินยังไม่พ้นลานหน้าบ้าน ก็ชนกับใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง
ปึก!
โครม!
"ขอโทษค่ะ ๆ" น้ำตาลลนลานเก็บถาดขนมที่มันหล่นเกลื่อนอยู่ตรงนั้นทันที
"ไม่เป็นไรครับ " ผู้ชายคนนั้นบอกกับเธอและก้มลงไปเก็บถาดขนมช่วยแต่น้ำเสียงของเขามันคุ้นหูจนน้ำตาลต้องแหงนหน้าขึ้นไปมอง แล้วเก็ต้องตกตะลึงจนตาค้าง เพราะว่าเขาคนนั้นคือ..
"คุณหมอ" เสียงเบา ๆ เล็ดลอดในลำคอ เธอรีบดึงถาดจากมือเขาและรีบเดินหนีไปทันที ส่วนคุณหมอปริญเขาเองก็ตกใจเหมือนกัน หลังจากวันนั้นก็สองปีแล้วที่ไม่เห็นน้ำตาล คุณหมอหนุ่มมองตามเธอไป หัวใจของเขามันกระตุกเล็กน้อย เพราะว่าน้ำตาลวันนี้เธอดูผอม เธอดูโทรมเหมือนคนทำงานหนัก แต่ทว่ายังไม่ได้ทักอะไรออกไป 'เอมิกา' แฟนสาวของเขาก็เดินเข้ามา
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ปริ้น" เธอเดินเข้ามาลูบหน้าลูบหลังหมอปริญอย่างเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะบาดเจ็บหรือว่าเป็นอะไรไป และจังหวะที่เอมิกาลูบหน้าลูบหลังแฟนอยู่นั้นอาทิตย์กับอรจิราก็เข้ามาสมทบพอดี
"มีอะไรกันหรือเปล่าวะปริ้น" อาทิตย์เอ่ยถามหมอปริญ เขารีบเดินออกมาจากบ้าน เพราะได้ยินเสียงถาดหล่นโครมคราม
"ไม่มีอะไรหรอก" นายแพทย์ปริญบอกสั้น ๆ และมองตามน้ำตาลไป เขาไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไง ที่เห็นเธอวันนี้หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน ความรู้สึกของเขา เขาตกใจมากกว่าที่เห็นเธอเปลี่ยนไป น้ำตาลแลดูโทรม ๆ เหมือนคนทำงานหนัก ไม่สดใสเหมือนครั้งนั้นที่เจอกัน หรือว่าเธอจะไม่ได้ทำงานอย่างนั้นแล้ว คุณหมอหนุ่มนึกสงสัย และเผลอถามออกไปว่า..
"ผู้หญิงคนนั้น" เขาชี้ไปทางน้ำตาลที่เห็นเธอเดินลิ่ว ๆ ไปขึ้นรถของตัวเอง ทำให้อาทิตย์มองตามมือหมอปริญแล้วบอกว่า
"เพื่อนหนูอร เขามาส่งขนมน่ะ มีอะไรกันหรือเปล่า" หมอปริญยังไม่ทันได้ถามอะไร เสียงของเอมิกาก็พูดแทรกขึ้นมาว่า
"ก็ผู้หญิงคนนั้นน่ะสิคะ เดินมาชนพี่ปริ้นน่ะค่ะ คนอะไรซุ่มซ่ามเดินไม่ดูทาง ดูสิเสื้อพี่ปริ้นเปื้อนหมดเลย" จับเศษขนมออกจากเสื้อของแฟนหนุ่ม พร้อมกับทำสีหน้าไม่พอใจ ปกติเธอก็ไม่ค่อยพอใจผู้หญิงคนไหนที่เข้าไกล้หมอปริญอยู่แล้ว ถึงจะแค่เดินชนก็เถอะ เธอก็ไม่พอใจอยู่ดี
"ต้องขอโทษแทนน้ำตาลด้วยนะคะ เธอคงรีบไปส่งขนมน่ะค่ะ" อรจิราที่ยืนฟังอยู่ตรงนั้นรีบเอ่ยขอโทษแทนเพื่อนทันที ก่อนที่อาทิตย์จะบอกทุกคนว่า
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราเข้าบ้านกันเถอะครับ"
"ไปค่ะพี่ปริ้น" เอมิกาลากตัวแฟนหนุ่มให้เดินเข้าบ้านไป เพราะหมอปริญมัวแต่มองตามน้ำตาลอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเดินตามทุกคนเข้าไปในบ้าน
ด้านน้ำตาลหลังจากขับรถออกมาจากไร่ทรงพลได้สักพัก เธอขับมาจอดที่ข้างทาง ยกมือมากุมหัวใจที่มันกำลังเต้นโครมครามอยู่ตอนนี้ อันที่จริงเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะหนีทำไม ถึงเธอไม่หนีเขาก็คงไม่ทักทายเธออยู่แล้ว น้ำตาลบอกตัวเอง แต่มันก็อดตกใจไม่ได้ เพราะเธอเคยมาส่งขนมหลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นเขาสักที