“‘เป็นหมอทั้งคู่ไปรอดก็รอด ไปไม่รอดก็คือไม่รอด” เรื่องของคู่รักในอุดมคติที่เลิกรากันกลายเป็นประเด็นเม้ามอยไปทั่วโรงพยาบาล ยิ่งคนโดนกล่าวถึงมาอยู่ใกล้ ๆ มันยิ่งสร้างอรรถรส
“มันก็ทุกอาชีพปะ ไม่ใช่แค่หมอหรอก ดารงดาราคบกันเองเลิกกันก็เยอะ”
“เพราะอีโก้สูงทั้งคู่หรือเปล่า เวลาทะเลาะกันเลยไม่ยอมกัน นี่ว่าหมอเจย์โสดไม่นานหรอก หน้าตาระดับพระเอกซีรีส์เลยนะนั่น’ คนพูดบุ้ยใบ้ไปทางห้องที่เจ้าตัวพักฟื้น
“ล่าสุดหมอหนูนาก็มีคนมาดามใจแล้วนะ เหมือนพยายามไม่เปิดตัวนะแต่มีคนตาไวเห็นอยู่ดี แถมไม่ใช่ใครที่ไหนก็คุณไบเบิ้ลลูกชาย ผอ.นั่นแหละ”
“รักครั้งนี้อาจจะไปรอดก็ได้เพราะคุณไบเบิ้ลไม่ได้เป็นหมอเหมือน ผอ. กับพี่ชายเขา จริงหรือเปล่าที่ว่าโกงแล้วยังสอบตก”
เพียะ!
หนึ่งในกลุ่มคนตีแขนสั่งให้หยุดพูดเรื่องไม่ควรพูดและอย่าได้พูดให้เดชดำรงค์ได้ยินเป็นอันขาด
“กำแพงมีหูประตูมีช่องระหว่างทำงานที่นี่อย่าได้เผลอพูดออกมาเลยเชียว ถ้ามีคนได้ยินแล้วไปฟ้อง ผอ. เข้า พวกฉันไม่รู้ด้วยนะยะ” คนที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มกำชับหนักแน่น
น่าสงสารหมอทั้งสองคนจัง เรื่องส่วนตัวแท้ ๆ ยังตกเป็นขี้ปากของมนุษย์ป้าพวกนี้ได้ อัยยาลิณณ์ท้าวศอกกับเคาน์เตอร์ยืนฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายต้องรีบไปเตือนหมอเจย์สักหน่อย งั้นฟังเฉย ๆ แก้เบื่อก็แล้วกันนะไอ้ตาล
ตั้งแต่งานฟุตบอลประเพณีครั้งนั้น ทุกครั้งที่กล้องจับภาพไปที่กัปตันทีม CU จะมีเสียงกรี๊ดดังลั่นมาจากอัฑจรรย์ทั้งสองฝั่ง ยิ่งตอนดวลจุดโทษแล้วลูกบอลโค้งเข้าประตูอย่างสวยงามยิ่งทำให้นิสิตแพทย์คนนั้นป็นที่รู้จักมากขึ้นในหมู่นิสิตด้วยกัน แม้จะมีเหยี่ยวข่าวมาบอกว่าจักรทัศน์มีคนรู้ใจแล้วแต่ก็ตาม ส่วนนีนลดาที่นั่งเชียร์บอลก็เกิดความคิดในทำนองที่ว่า…
สักวันจะต้องเป็นคนรู้ใจของจักรทัศน์บ้างให้ได้
หลายปีต่อมาเธอจับสลากได้มาเป็นแพทย์ใช้ทุนที่จังหวัดภูเก็ตและยังได้ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกับรุ่นพี่ที่เธอคลั่งไคล้อีกต่างหาก
เท่ากับว่าคำอธิษฐานเป็นจริง
โอกาสมาต้องคว้าไว้
นีนลดาอ้างเหตุผลเรื่องงานเพื่อเลิกกับแฟนคนปัจจุบันและรุกเข้าหาจักรทัศน์ ความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องทำให้เริ่มต้นได้ไม่ยากเย็นนัก ต่อมาถึงได้รู้ว่าจักรทัศน์เป็นคนที่รักคนยาก อุทิศตัวเองให้กับงานเพื่อสังคมยิ่งกว่าอะไร ที่สำคัญเขาเป็นรักเด็กมาก ๆ และวางแผนเรียนต่อเฉพาะทางด้านจิตวิทยาเด็ก
ตลอดเวลาที่คบหากันจักรทัศน์ทำหน้าที่แฟนได้ดีตามแบบฉบับแฟนในอุดมคติ แต่ทำไมนีนลดารู้สึกตะหงิดใจเหมือนได้พี่ชายเพิ่มมาอีกคน ความสงสัยได้รับการคลี่คลายลงตอนที่เขาบอกเลิกเธอ
‘แม่งเอ๊ย ขนาดขึ้นเตียงรอแล้วยังมาบอกคิดแค่น้อง เชี่ย! ใครน้องมึงวะ!’ นีนลดาเดินกระแทกส้นรองเท้าไปก่นด่าไป ครู่ต่อมาน้ำตาก็รินอาบกรอบหน้า
ทำไมจักรทัศน์ถึงรักเธอแบบที่เธอรักเขาไม่ได้แล้วเหตุใดธาวินที่เพิ่งจะสนิทสนมกันได้ไม่นานถึงได้คลั่งไคล้เธอถึงถึงเพียงนี้ ขนาดลงพื้นที่มาเป็นแพทย์อาสานอกเขตอำเภอเมืองยังอุตส่าห์ขับรถมารับได้ทุกวี่ทุกวัน
“หนูนาอยากลาออกเหรอ เหนื่อยงานเหรอครับ” ธาวินถามหลังร่างบางบ่นเรื่องงานยาวเหยียดแล้วลงท้ายด้วยคำว่าลาออกเป็นครั้งร้อย หมดไฟเป็นครั้งที่ล้าน แต่เช้ามาก็ลุกไปทำงานอยู่ดี
“ก็พอสมควรค่ะ เพื่อน ๆ หนูนาแห่ลาออกกันเป็นแถวเลย” นีนลดาบ่นไปก็ทุบกำปั้นบนลาดบ่าไปพลาง เนื่องจากต้องนั่งก้มหน้าทำฟันทั้งวัน “พี่ไบเบิ้ลโชคดีที่ไหวตัวทัน คนเป็นหมอไม่อึดอยู่ไม่ได้อย่างที่ใคร ๆ ว่าไว้จริงด้วย”
“แต่ของพี่โชคร้ายมาก่อนโชคดีน่ะสิ กว่าพ่อจะปล่อยวางได้พี่เกือบโดนส่งไปเรียนเมืองนอกเลยนะ” คนมีฐานะมักลงโทษลูกด้วยการส่งไปอยู่ต่างประเทศเสมอ อันที่จริงธาวินก็เคยเป็นรุ่นพี่ร่วมมหาวิทยาลัยของนีนลดามาก่อนแต่เรียนได้แค่ 3 ปีก็ลาออกไปเรียนด้านสื่อสารมวลชนที่ตัวเองชอบแทน
เขาคนนี้แหละคือนักฟุตบอลทีม TU ที่ได้ใบแดงเพราะผู้ตัดสินมองว่าเจตนาเข้าสกัดจนจักรทัศน์ได้รับบาดเจ็บ
นีนลดายังคงบ่นปวดเมื่อยไม่หยุดจนธาวินเผยยิ้มน้อย ๆ ออกมา ขณะชะลอความเร็วรถลงเพราะสัญญาณไฟแดงตรงหน้า
“พี่ไบเบิ้ลยิ้มทำไมคะ”
“อันที่จริงพี่จองนวดสปาแบบจัดเต็มไว้ให้แล้วนะ แต่พี่ขอหนูนาอย่างเดียว…” เขาหันไปทางคนข้างตัว
“ขออะไรคะ” มีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องการสื่ออะไร หลายสัปดาห์มานี้ก็ได้ธาวินมาเป็นสารถีคอยรับส่ง เลิกงานก็พาไปทานของอร่อยเต็มพลัง วันไหนเหนื่อยล้าจากการทำงานก็คอยปลอบโยนให้กำลังใจเรื่อยมา…เอาใจใส่ดีเหลือเกินไม่ต่างจากจักรทัศน์เลยสักนิด
“ไม่อยากเป็นพี่ชายแล้ว หนูนามาเป็นแฟนพี่หน่อยสิ” ธาวินเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความขัดเขินเจือปนเลยแม้แต่น้อย
“พี่…พี่ไบเบิ้ลก็ หนูนา…คือ” นีนลดาอมยิ้มกรุ้มกริ่ม ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อน่าเอ็นดู ถูฝ่ามือเข้าด้วยกันเพื่อกลบเกลื่อนความเคอะเขินไปพลางจนคนรอฟังคำตอบอดยิ้มตามไม่ได้
“คืออะไรล่ะ อย่าช้าสิพี่ใจร้อนนะ”
“เอ่อ…หนูนาก็คิดว่าเราก็เหมือนคบกันแล้วนะ ถ้าคบกันจริง ๆ ก็คงโอเคแหละ”
“งั้นถ้าเป็นแฟนแล้วพี่ก็จับมือหนูนาได้แล้วใช่มั้ย” พอได้รับอนุญาตก็ประสานมือกันแน่นไปตลอดโดยหวังให้เธอจะลืมรักครั้งเก่าในเร็ววัน
เพราะธาวินกับจักรทัศน์ไม่กินเส้นกันมาตั้งแต่เรียนแพทย์แล้ว
มันเริ่มจากหลังสอบปลายภาคเมื่อหลายปีก่อน
‘ตอนอยู่ในห้องสอบพี่ไบเบิ้ลไม่สบายหรือเปล่าครับเห็นก้มหน้าท่าทางยุกยิก ๆ ตลอดเวลาเลย แล้ว…” คนโดนถามชะงักฝีเท้า ค่อย ๆ หันไปหาคู่สนทนาที่เป็นรุ่นน้องปีสอง
‘เมื่อกี้โยนอะไรทิ้งถังขยะเหรอครับ…’ เขาบุ้ยใบ้ข้ามไหล่ไปที่ถังขยะ ก่อนจะเหยียดยิ้มจนแก้มบุ๋มแล้วยื่นกระดาษที่ถูกขย้ำยับคืนให้
‘พี่ไบเบิ้ลไม่ได้อ่านในแชทเหรอครับว่ากรรมการจะตรวจถังขยะรอบห้องสอบด้วย ถ้าเจอโพยหรือสิ่งของน่าสงสัยจะต้องสอบใหม่ยกคลาส ระวังหน่อยสิครับ’
พอได้ยินดังนั้นรุ่นพี่ปีสามก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ธาวินสอบวิชาเป็นรอบที่ 3 แล้ว มิหนำซ้ำคืนก่อนวันสอบก็เอาแต่เที่ยวเล่นไม่ทบทวนบทเรียนจนต้องพึ่งพาโพยคำตอบ
ต้มตำราแล้วฉีดเข้าเส้นก็คงต้องทำ
‘เอ่อ…พี่ลืมไปน่ะ ยังไงก็ขอบคุณน้องเจย์มากนะที่ช่วยเก็บมาคืนให้พี่’ เขารับมันคืนมากำลังก้าวขาเดิน
‘แต่คำตอบมันผิดนะครับ’
‘ห๊า ว่า ว่าไงนะ’ ธาวินย่นคิ้วพลางเหลือบตามองสิ่งที่อยู่ในมือ
‘คำถามรอบนี้มันเปลี่ยนจากคำว่าและไปเป็นหรือ คำตอบของพี่ไบเบิ้ลมันเป็นไปตามข้อสอบเก่าที่ใช้คำว่าและน่ะครับ’ เมื่อคำเชื่อมประโยคเปลี่ยนไปความหมายย่อมเปลี่ยนไปจากเดิม…คำตอบก็เช่นกัน
ฉิบหายแล้ว!
‘แต่เจย์ไม่ฟ้องอาจารย์หรอกนะครับ ขี้เกียจจะอ่านหนังสือแล้วอยากนอนดูซีรีส์ อยากเตะบอล โชคดีนะครับพี่ไบเบิ้ล เจย์ขอตัวนะครับ’ จักรทัศน์อ้าปากหาวปิดท้าย ส่วนคนอึ้งซ้ำซ้อนก็ได้แต่ยืนหน้าซีดลำพัง
เปิดเทอมต่อมาก็ไม่มีใครเห็นธาวินมาเรียนอีกจนได้มาปะทะแข้งในสนามฟุตบอล