1. คนที่ไม่อยากเจอ
‘ตกหลุมรักมันไม่เจ็บเท่าตกบันได’
แต่การอกหักทันทีที่ตกหลุมรักนี่สิ เจ็บเสียยิ่งกว่าตกบันไดซะอีก...
ยืนยันคำกล่าวเมื่อครู่ได้จาก ลูกเหมียว เธอต้องอกหักหลังจากที่ตกหลุมรัก ยักษ์ใหญ่ ดาราหนุ่มผู้เป็นบุตรชายคนโตของเจ้าของสวนปานตะวัน ที่เอื้อเฟื้อให้ครอบครัวของเธอได้เข้ามาเช่าที่ดินทำกินนานนับสิบกว่าปี
หญิงสาวเลือกแคคตัสมารักษาแผลใจ การได้มองเจ้าพืชอวบน้ำสีเขียวอันมีหนามแหลมรายล้อมเช่นนี้ช่วยทำให้เธอมีสมาธิและรู้สึกสงบได้อย่างน่าอัศจรรย์
ลูกเหมียวทำใจและเข้มแข็งขึ้นได้ตามลำดับ ทว่านับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ความเข้มแข็งที่ว่ามานั้นกำลังจะถูกทำลายลงไปด้วยฝีมือของคนที่บีบแตรรถยนต์จนดังสนั่นลั่นสวนผลไม้ พาให้ลูกเหมียวต้องสะดุ้งตกใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหัวเสียในที่สุด
“คุณพ่อไม่น่าขอให้อิตาพี่ยักษ์มารับเหมียวเลย ให้ตายเถอะ” เธอบ่นกะปอดปะแปดก่อนที่เสียงมารดาจะตะโกนออกคำสั่งมาแต่ไกล
“ลูกเหมียว ขึ้นไปทำความสะอาดห้องพักแขกหน่อยลูก”
สิ้นเสียงสั่งงานของมารดา เสียงถอนหายใจฮึดฮัดก็ดังไล่หลังมาในทันที อันที่จริงห้องพักรับรองของบ้านก็สะอาดสะอ้านดีอยู่ ทว่ากิ่งนภาก็กลัวว่าดาราหนุ่มจะนึกรังเกียจ ดังนั้นเจ้าตัวจึงต้องสั่งให้บุตรสาวเข้าไปดูแลความเรียบร้อยภายในห้องอีกสักครั้ง
“แม่จะให้ไปซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อมาฉีดพ่นอีกทีเลยมั้ยเนี่ย จะได้มั่นใจว่าสะอาดชัวร์”
คนตัวเล็กบ่นประชดประชันมารดาลับหลัง ขณะที่สองมือก็จับไม้ถูพื้นอย่างทะมัดทะแมง ขัดถูเสียจนพื้นไม้ปาร์เกต์ขึ้นเงา ขณะเดียวกันยักษ์ใหญ่ก็กำลังหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพอดี
เบื้องหน้าของชายหนุ่มตัวสูงใหญ่สมชื่อ คือยัยลูกเหมียวตัวจ้อยที่กำลังบ่นด่าพร้อมทั้งก้มๆ เงยๆ ถูฟื้นอย่างรุนแรง ประหนึ่งว่าพื้นห้องเป็นใบหน้าของเขาก็ไม่ปาน
“จะถูจนพื้นทะลุเลยไหมครับ คุณแม่บ้าน”
ถึงกับผงะ ลูกเหมียวกลืนคำสบถก่นด่าลงท้องไปแทบจะไม่ทัน
“เหมียวไม่ใช่แม่บ้าน แต่โดนแม่สั่งให้มาทำ เข้าใจให้ถูกด้วยนะคะ”
เจ้าหล่อนหันมากล่าวประชดประชัน พร้อมมองด้วยสายตาที่เขาอ่านออกว่าหวาดระแวง ทำไมน่ะเหรอ...คงเพราะเหตุผลนี้กระมัง
“ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์มาทำความสะอาดห้องให้ มามะเด็กดี มารับรางวัลจากพี่ยักษ์ซะดีๆ”
ว่าจบก็ย่างสามขุมตรงเข้าหาแมวเหมียวตัวน้อยประหนึ่งยักษ์ร้ายผู้หิวกระหาย ขาวยาวๆ ก้าวไปไม่กี่ก้าวก็สามารถฉุดรั้งร่างบางให้ลอยละลิ่วเข้าสู่อ้อมแขนของเขาได้แล้ว
“พี่ยักษ์! อยากตายนักรึไง ปล่อย!”
เธอแยกเขี้ยวขู่พร้อมยกด้ามไม้ถูฟื้นขึ้นขู่ แต่มีหรือที่ยักษ์ร้ายจะเกรงกลัวด้ามไม้เล็กๆ ในมือเธอ เขากระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นราวกับต้องการท้าทาย
“บอกว่าให้ปล่อยไงคะ ถ้ายังไม่ปล่อยเหมียวจะร้องให้ลั่นบ้านเลยคอยดู”
แยกเขี้ยวไม่พอยังขู่ฟ่ออย่างกับแมวตื่นกลัว เมื่อเห็นว่าเจ้าหล่อนจะร้องจริงๆ ฝ่ามือใหญ่จึงจับล็อกใบหน้าเรียวสวยให้แหงนเงยขึ้นรับจุมพิตอันหนักหน่วงและเรียกร้องด้วยความโหยหา รสจูบของยักษ์หนุ่มช่างเร่าร้อนพาใจอ่อนระทวย บางครั้งก็อ่อนหวานพาใจเคลิ้มฝัน ทว่าลูกเหมียวกลับยืนตัวแข็งทื่อไร้การตอบสนองใดๆ จนคนตัวใหญ่ต้องหยุดการกระทำอย่างเสียไม่ได้
“ไม่ได้เรื่อง ไอ้ที่สอนไปไม่ได้เอาไปฝึกใช้กับหนุ่มๆ คนอื่นเลยหรือยังไง มาคราวนี้ถึงได้ยังยืนนิ่งเป็นต้นกระบองเพชรในโรงเรือนของเธออยู่”
เอ่ยตำหนิเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ยักษ์ใหญ่ก็เป็นเสียอย่างนี้ เขามักมาคอยลวนลามลูกเหมียวอยู่เสมอ ไม่ใช่เพราะรู้สึกรักใคร่แต่อย่างใด แต่เขากระทำเพราะมองว่าเธอเป็นแค่ของเล่นส่วนตัวเท่านั้นเอง
“เหมียวไม่จูบกับใครมั่วซั่วเหมือนกับพี่ยักษ์หรอกค่ะ อีกอย่างเหมียวก็ไม่ได้ขอให้มาสอนเรื่องพันนี้ด้วย”
“จริงเหรอ เอ...หรือว่ารอที่จะจูบกับพี่แค่คนเดียว” เอ่ยพลางเกาคางอย่างใช้ความคิด
“หึ! หลงตัวเอง” เธอแค่นเสียงกลบเกลื่อนความจริง ใช่...ลูกเหมียวเก็บริมฝีปากนุ่มๆ นี้ไว้ให้พี่ยักษ์แสนร้ายคนนี้คนเดียว...
“อย่ามาทำเป็นไขสือเลยน่า พี่รู้ ลูกเหมียวยังรักพี่อยู่ และคงจะรักมากขึ้นทุกวัน...ทุกวัน...”
“รักได้ก็เกลียดได้ค่ะ เหมียวตัดใจจากพี่ยักษ์ตั้งแต่ที่รู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว ห้องนอนสะอาดแล้ว เหมียวขอตัวนะคะ!”
กล่าวกระแทกเสียงก่อนจะรวบเอาถังน้ำพร้อมไม้ถูพื้น เตรียมที่จะออกไปจากห้องพักรับรอง ทว่ายักษ์ใหญ่กลับคว้าต้นแขนเรียวเล็กเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยเธอไปโดยง่าย
“พี่เลิกกับแฟนแล้วนะ ไม่ได้ตามข่าวเลยรึไง”
เท้าเล็กๆ เป็นต้องหยุดชะงัก ใจในอกลูกเหมียวเต้นเร่าริงโรจน์กับสิ่งที่เขาบอก แต่แล้วความริงโรจน์เมื่อครู่กลับถูกทำลายด้วยความจริงที่ว่า ต่อให้เขาโสดยังไง สุดท้ายเขาก็ไม่เลือกเธออยู่ดี
“แล้วยังไงคะ เหมียวจำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอ”
ตอบมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบติดเย็นชา พร้อมกับรีบสาวเท้าจากไปในที่สุด...