ตอนที่ 4 การลงโทษที่อบอุ่นและสายตาที่เผาผลาญ

1389 คำ
ดินเนอร์ใต้แสงโคมไฟ กู้จิ่นหาน พา ซู่อันอัน มายังร้านอาหารเก่าแก่ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกของเขตเมืองเก่า ร้านนี้มีชื่อว่า "เรือนไม้หอม" (Xiāng Mù Tíng) บรรยากาศอบอุ่นด้วยแสงไฟสีส้มจากโคมไฟจีนโบราณที่แขวนอยู่ทั่วร้าน จิ่นหานเลือกโต๊ะริมหน้าต่างที่หันหน้าเข้าหาซอกซอยที่เงียบสงบ พวกเขาสั่งอาหารง่าย ๆ อย่างบะหมี่เนื้อตุ๋นน้ำซุปเข้มข้น และผักกาดขาวผัดน้ำมันหอย เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ อันอันก็เลิกคิ้วมองจานของตัวเองอย่างประหลาดใจ "อาจารย์กู้คะ..." เธอชี้ไปที่จานบะหมี่ที่เต็มไปด้วยผัก "นี่คือ 'อาหารค่ำที่มีสารอาหารครบถ้วน' ที่อาจารย์กำหนดใช่ไหมคะ?" จิ่นหานใช้ตะเกียบของตัวเองคีบผักกาดขาวที่ดูจะใหญ่เกินไปสำหรับปากเธอออกมาวางไว้บนจานของเขา "คุณไม่ชอบกินผักกาดขาว" เขาพูดเรียบ ๆ โดยไม่มองหน้า อันอันเบิกตากว้าง "อาจารย์รู้ได้ยังไงคะ?" "ในห้องปฏิบัติการเมื่อคืนนี้ คุณใช้เวลา 5 นาทีเต็มในการเขี่ยผักกาดขาวออกจากบะหมี่สำเร็จรูปที่คุณกิน" จิ่นหานตอบพลางเริ่มกินบะหมี่ของเขาอย่างเงียบ ๆ อันอันยิ้มกว้างอย่างน่ารัก เธอรู้สึกเหมือนถูกจับได้ แต่กลับอบอุ่นอย่างประหลาด "อาจารย์สังเกตหนูละเอียดขนาดนั้นเลยเหรอคะ? หรือว่าอาจารย์แอบรักหนูแล้ว?" จิ่นหานชะงักไปเล็กน้อย มือที่จับตะเกียบค้างอยู่กลางอากาศ เขาวางตะเกียบลงและมองอันอันด้วยสายตาที่จริงจัง "ซู่อันอัน ผมพาคุณมาที่นี่เพราะต้องการสอนคุณเกี่ยวกับ 'ความเสี่ยงในการเปิดเผยตัวตน' และ 'การควบคุมอารมณ์' ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว" "ค่ะ ๆ" อันอันรับคำอย่างว่าง่าย เธอรู้ว่าอาจารย์กำลังเขิน แต่พยายามซ่อนมันไว้ "แต่ถึงอย่างนั้น... การลงโทษที่ให้มานั่งกินข้าวกับอาจารย์นี่ก็ไม่เลวนะคะ" เธอตักเนื้อตุ๋นชิ้นที่อร่อยที่สุดในชามของเธอ แล้วยื่นตะเกียบไปจ่อที่ปากของจิ่นหาน (มุมขี้อ้อนและชวนให้ใจเต้น) "อาจารย์ทำงานหนักทั้งคืนแล้ว ให้รางวัลตัวเองหน่อยสิคะ... ถือเป็นการไถ่โทษที่หนูเข้าไปเจาะระบบของคุณหนูลั่ว" จิ่นหานมองเนื้อชิ้นนั้น มองใบหน้าออดอ้อนของอันอัน แล้วเขาก็ยอมเปิดปากรับเนื้อตุ๋นชิ้นนั้นไปอย่างช้า ๆ "นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่คุณทำตัวเหลวไหลในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผม" จิ่นหานเตือนเสียงทุ้มต่ำ แต่แววตาของเขากลับนุ่มนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อันอันยิ้มอย่างพึงพอใจ เธอกลับไปกินบะหมี่ของตัวเอง เธอรู้ดีว่าการลงโทษครั้งนี้... เธอเป็นฝ่ายชนะอย่างสมบูรณ์ แผลเก่าและรอยร้าวที่ตงฟา ขณะที่พวกเขากำลังกินอาหารอยู่นั้น จิ่นหานก็เหลือบมองไปยังร้านค้าเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงข้าม ร้านนั้นเป็นร้านขายเครื่องประดับทองคำเก่า ๆ ที่ดูโทรมและปิดตาย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ความเย็นชาและความมืดมัวกลับมาปกคลุมใบหน้าของเขา อันอันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น เธอหันไปมองตามสายตาของเขา "ร้านนั้นมีอะไรเหรอคะอาจารย์?" จิ่นหานหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับกำลังกดอารมณ์บางอย่างไว้ "ร้านนั้น... เคยเป็นของตระกูล กู้" เขาตอบเสียงเบา "เมื่อสิบห้าปีก่อน ตระกูลกู้เป็นเจ้าของกิจการด้านการเงินและเทคโนโลยีที่ใหญ่โตกว่าตงฟาในปัจจุบันเสียอีก... จนกระทั่งเกิดความผิดพลาดในเครือข่ายครั้งใหญ่ พวกเขาล้มละลายในชั่วข้ามคืน และถูกตระกูลลั่วเข้ามาควบรวมกิจการทั้งหมด" อันอันตกตะลึงกับเรื่องราวที่ไม่เคยมีใครรู้ "แล้วอาจารย์เกี่ยวอะไรกับตระกูลกู้คะ?" จิ่นหานจ้องมองร้านที่ปิดตายนั้นด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความแค้นและความเจ็บปวด "ผมคือ กู้จิ่นหาน ลูกชายคนเล็กของตระกูลกู้ และ ลั่วฉิงเหยา คือเพื่อนสมัยเด็กที่ยืนดูความล่มสลายของครอบครัวผมอยู่ตรงนั้น..." เขาหันกลับมามองอันอัน สีหน้าของเขาตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์หนุ่มที่อ่อนโยนอีกต่อไป แต่เป็นนักรบที่รอการแก้แค้น "ผมกลับมาที่ตงฟา... ไม่ใช่แค่เพราะคำเชิญของฉิงเหยา แต่เพราะผมต้องการ รื้อฟื้นความจริง ที่ถูกซ่อนไว้เบื้องหลังการล้มละลายครั้งนั้น" อันอันรับรู้ถึงความลับที่หนักอึ้งที่เขาแบ่งปันกับเธอ เธอจับมือของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ "หนูไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร... แต่หนูเชื่อว่าอาจารย์กู้เป็นคนดีค่ะ" อันอันพูดอย่างจริงใจ "และถ้าอาจารย์ต้องการใครสักคนที่จะช่วยเจาะระบบหาความจริง... หนูคือแฮ็กเกอร์ที่เก่งที่สุดที่อาจารย์เคยสอนมานะคะ" จิ่นหานมองเธอด้วยแววตาซับซ้อน เขารู้สึกถึงความอบอุ่นและไว้วางใจที่เธอส่งมาอย่างเต็มเปี่ยม โทรศัพท์ที่ร้าวฉาน ในเวลาเดียวกัน ซู่เจวี๋ย กำลังยืนกระวนกระวายอยู่ที่หน้าบ้านของอันอัน เขาโทรหาอันอันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เธอก็ไม่รับสาย "ซู่อันอัน! เธอไปไหนมา! ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่!" เขากำโทรศัพท์แน่นด้วยความหงุดหงิดและความกังวลที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ทันใดนั้น รถซีดานสีดำคันหรูของ กู้จิ่นหาน ก็ขับมาจอดที่หน้าประตูบ้าน เจวี๋ยเห็นอันอันลงจากรถด้วยรอยยิ้มที่สดใส และจิ่นหานก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไป ภาพบาดตา ตรงหน้าทำให้เจวี๋ยแทบจะระเบิดออกมา เขารีบเดินเข้าไปหาอันอันทันทีด้วยใบหน้าบึ้งตึง "อันอัน! ทำไมอาจารย์กู้มาส่งเธอ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่!" เจวี๋ยถามเสียงดัง ผิดจากพี่ชายผู้ใจดีที่เธอคุ้นเคย อันอันถอยหลังเล็กน้อยอย่างแปลกใจ "พี่เจวี๋ย! ทำไมพี่ต้องเสียงดังด้วย? อาจารย์กู้แค่พาหนูไปกินข้าวหลังจากทำงานด่วนให้มหาวิทยาลัยค่ะ" "กินข้าว? เธอกับเขา... สองต่อสองงั้นเหรอ?" เจวี๋ยจับแขนอันอันไว้แน่น "พี่บอกเธอแล้วใช่ไหมว่าคนคนนี้น่าสงสัย! เขาอาจจะใช้ความอ่อนต่อโลกของเธอเพื่อหาข้อมูลแก้แค้นตระกูลลั่ว! เธอกำลังตกเป็นเหยื่อของเขานะ!" อันอันสลัดแขนออกอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นเย็นชา "ปล่อยนะพี่เจวี๋ย! อาจารย์กู้บอกความจริงเรื่องอดีตของเขาให้หนูฟังแล้ว และหนูเชื่อใจเขา! พี่เจวี๋ยต่างหากที่พยายามเสี้ยมให้หนูเกลียดอาจารย์ ทั้งที่พี่ก็ไม่รู้เรื่องจริงเลย!" เจวี๋ยรู้สึกเหมือนถูกแทงเข้าที่ใจ เขาไม่เคยเห็นอันอันพูดจาแข็งกร้าวกับเขาขนาดนี้มาก่อน นั่นเป็นเพราะ กู้จิ่นหาน "อันอัน... พี่ทำทุกอย่างเพราะพี่เป็นห่วงเธอ" เจวี๋ยเปลี่ยนน้ำเสียงให้เศร้าลงทันที เขากุมมืออันอันไว้ด้วยสองมืออย่างอ่อนโยน "พี่คนนี้ถูกครอบครัวเธอรับมาเลี้ยงตั้งแต่เล็ก... ในโลกนี้มีเพียงพี่คนเดียวเท่านั้นที่รักเธออย่างแท้จริง พี่ไม่อยากให้เธอไปไว้ใจคนอื่นง่าย ๆ" 'คำพูดนี้ของเจวี๋ยเป็นความจริงครึ่งหนึ่ง เขารักเธอจริง ๆ แต่เป็นรักแบบคู่รัก และเขาใช้ปมบุญธรรมนี้เป็นเครื่องมือควบคุมอารมณ์ของเธอ' อันอันมองสายตาที่เจือความเศร้าของพี่ชาย เธออ่อนลงทันที "หนูขอโทษค่ะพี่เจวี๋ย... แต่พี่ต้องให้หนูมีชีวิตส่วนตัวบ้างนะคะ อาจารย์กู้เขาเป็นคนดีจริง ๆ" ในขณะที่อันอันหันหลังเดินเข้าบ้านไป ซู่เจวี๋ย ยืนมองเงาของเธอด้วยแววตาที่มืดมัวและแน่วแน่ "กู้จิ่นหาน..." เขาพึมพำ "ไม่ว่านายจะมาด้วยเหตุผลอะไร นายไม่มีสิทธิ์ที่จะมาแย่งอันอันไปจากฉัน!"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม