ความแค้นที่แปรเปลี่ยนเป็นแผนร้าย
หลังจากที่ ลั่วฉิงเหยา ถูก ซู่อันอัน เอาคืนอย่างเจ็บแสบ ทำให้เธอต้องเสียหน้าและเสียความมั่นใจไปชั่วขณะ เธอรู้ดีว่าเธอไม่สามารถเอาชนะอันอันได้ด้วยการข่มขู่ตรงไปตรงมาอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ กู้จิ่นหาน เริ่มให้ความสนใจกับนักศึกษาสาวคนนั้น
ในสำนักงานใหญ่ของเฟิงกรุ๊ป (บริษัทแม่ของตงฟา) ฉิงเหยานั่งอยู่หน้าจอที่แสดงภาพกล้องวงจรปิดย้อนหลังของร้าน "เรือนไม้หอม" ในเขตเมืองเก่า ภาพของจิ่นหานที่ยื่นมือไปจับมือของอันอันบนโต๊ะอาหาร (แม้จะเป็นการให้กำลังใจ) ทำให้เธอกำหมัดแน่น
"บ้าจริง! กู้จิ่นหาน... นายไม่เคยทำแบบนี้กับฉัน!"
เธอสั่งให้เลขาฯ เซียวหลิน เข้ามาทันที
"ไปสืบเรื่องราวทางการเงินของครอบครัวซู่อันอันมาอย่างละเอียด" ฉิงเหยาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก "โดยเฉพาะ ธุรกิจนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ของพ่อแม่เธอ และดูซิว่ามี จุดบกพร่อง ทางด้านภาษีหรือข้อตกลงทางการค้าที่พวกเขาสามารถทำผิดพลาดได้หรือไม่"
เซียวหลินก้มหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว
"อีกเรื่อง..." ฉิงเหยาแสยะยิ้มที่มุมปาก "ให้ฝ่ายกฏหมายส่ง ร่างสัญญาการเป็นหุ้นส่วน ที่ผูกมัดและซับซ้อนไปให้กู้จิ่นหานพิจารณา ข้อตกลงที่ระบุให้เขาต้องทำงานผูกพันกับตระกูลลั่วไปอีก 5 ปีเต็ม พร้อมทั้ง เงื่อนไขห้ามมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับบุคคลในมหาวิทยาลัย"
'ฉิงเหยาต้องการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว: มัดจิ่นหานไว้กับตัวเองอย่างแน่นหนา และใช้พลังทางธุรกิจทำลายรากฐานของอันอัน เพื่อให้เธอหมดโอกาสที่จะสนใจเรื่องรักใคร่ในมหาวิทยาลัย'
โจทย์ใหม่ของอาจารย์กู้
เช้าวันรุ่งขึ้นในห้องปฏิบัติการพิเศษของจิ่นหาน อันอันกำลังนั่งอยู่หน้าจอด้วยท่าทางที่ดูเคร่งเครียดกว่าปกติ
"อาจารย์กู้คะ" อันอันเริ่มด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "หนูได้รับแจ้งว่าธุรกิจนำเข้าของพ่อหนูถูก 'อายัด' ชั่วคราวจากหน่วยงานภาครัฐบางแห่ง โดยอ้างเรื่องเอกสารนำเข้าที่ขาดตกบกพร่อง หนูเชื่อว่านี่เป็นฝีมือของคุณหนูลั่วค่ะ"
จิ่นหานที่กำลังตรวจโครงสร้างเครือข่ายอยู่หันมามองอันอัน เขารู้ว่านี่คือผลลัพธ์ของความเย่อหยิ่งของฉิงเหยา
"คุณต้องการให้ผมทำอะไร ซู่อันอัน?"
อันอันเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของเขา ใบหน้าสวยน่ารักของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น (คำขอที่ยากจะปฏิเสธ)
"หนูรู้ว่าอาจารย์กำลังรวบรวมหลักฐานบางอย่างเกี่ยวกับตระกูลลั่ว และหนูก็ต้องการความช่วยเหลือจากอาจารย์ด้วยค่ะ"
เธอโน้มตัวลงมาเล็กน้อย เพื่อให้ใบหน้าของเธออยู่ในระดับเดียวกับเขา (ฉากใกล้ชิดที่เกิดจากสถานการณ์ตึงเครียด)
"หนูไม่ได้อยากให้อาจารย์ไปเจาะระบบของรัฐบาล แต่หนูขอแค่อาจารย์ช่วยชี้ช่องทางการเข้าถึง 'เครือข่ายเอกสารกลาง' ของบริษัทในเครือตงฟา ที่ดูแลด้านการนำเข้าทั้งหมดค่ะ หนูจะเข้าไปหาหลักฐานเองว่าพวกเขา ปลอมแปลง เอกสารบางอย่างเพื่อใส่ร้ายธุรกิจพ่อหนู"
จิ่นหานจ้องเข้าไปในดวงตาของอันอัน เขารู้ว่าคำขอนี้มีความเสี่ยงสูงมาก มันหมายถึงการเข้าสู่ใจกลางระบบของตระกูลลั่วโดยตรง และจะทำให้แผนการแก้แค้นของเขามีความเสี่ยงไปด้วย
"คุณรู้ไหมว่าถ้าคุณถูกจับได้ การเรียนของคุณจะจบลงทันที และคุณอาจถูกดำเนินคดีอาญา" จิ่นหานพูดเสียงเรียบ
"หนูรู้ค่ะ" อันอันตอบกลับอย่างหนักแน่น "แต่ถ้าหนูไม่ทำ พ่อกับแม่หนูจะล้มละลาย! หนูกลัวอย่างเดียว... กลัวจะช่วยพวกเขาไม่ทัน"
จิ่นหานเงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีความขัดแย้งเกิดขึ้น เขาไม่ควรเอาตัวเข้าไปเสี่ยง แต่ความเด็ดเดี่ยวในดวงตาของอันอันทำให้เขาใจอ่อน
"ดี..." จิ่นหานถอนหายใจออกมาแผ่วเบา "ผมจะไม่ช่วยคุณเจาะระบบ... แต่ผมจะให้ 'เครื่องมือ' ที่คุณสามารถสร้าง 'ประตูหลัง (Backdoor) ' ชั่วคราวในเครือข่ายของตงฟาได้ มันจะเปิดเพียง ห้านาที คุณต้องใช้เวลานั้นให้คุ้มค่าที่สุด"
จิ่นหานเปิดลิ้นชักและหยิบ แฟลชไดรฟ์ขนาดเล็กสีดำ ออกมาวางบนโต๊ะ ข้างในบรรจุโค้ดที่ซับซ้อนซึ่งเขาใช้เตรียมการมานานแล้ว
"นี่คือ 'กุญแจ' ของคุณ แต่จำไว้... ถ้าพลาดแม้แต่วินาทีเดียว ผมจะทิ้งคุณไว้ข้างหลัง"
อันอันยิ้มกว้างอย่างดีใจ เธอหยิบแฟลชไดรฟ์นั้นขึ้นมาจับมือของจิ่นหานไว้แน่น
"ขอบคุณค่ะอาจารย์กู้! หนูรู้ว่าอาจารย์จะไม่ทิ้งหนูแน่นอน!" (มุมขี้อ้อนที่จริงใจ)
การเผชิญหน้าของศิษย์กับพี่ชาย
ตกเย็น อันอันกลับมาถึงบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอปิดตัวเองอยู่ในห้องเพื่อวางแผนการเจาะระบบ
ซู่เจวี๋ย เดินเข้ามาในห้องของเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "อันอัน... พี่ได้ยินเรื่องที่บ้านแล้วนะ พี่ติดต่อไปหาทนายความเก่ง ๆ ให้แล้ว"
"ไม่เป็นไรค่ะพี่เจวี๋ย" อันอันตอบอย่างเย็นชา "หนูจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง หนูรู้ว่าใครเป็นคนทำ"
เจวี๋ยเห็นความผิดปกติ เขาสังเกตเห็นรอยไหม้จากการใช้งานหนักบนโน้ตบุ๊กของน้องสาว
"เธอจะไปเจาะระบบของตระกูลลั่วอีกแล้วใช่ไหม!" เจวี๋ยถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มตึงเครียด "พี่บอกเธอแล้วไงว่าอย่าไปยุ่งกับกู้จิ่นหาน! เขาเอาอะไรมายุยงเธออีก!"
"ไม่เกี่ยวกับอาจารย์กู้ค่ะ!" อันอันลุกขึ้นเผชิญหน้ากับพี่ชาย "พี่เจวี๋ย! ตั้งแต่หนูเริ่มสนิทกับอาจารย์กู้ พี่ก็คอยพูดจาไม่ดีถึงเขาตลอด! พี่พยายามจะควบคุมหนูมากเกินไปแล้วนะ!"
เจวี๋ยรู้สึกเจ็บปวดที่น้องสาวที่รักไม่เข้าใจความรู้สึกของเขา เขาก้าวเข้าไปหาอันอันอย่างรวดเร็วและจับไหล่ของเธอไว้
"พี่ทำแบบนี้เพราะพี่รักเธอ! อันอัน... เชื่อพี่เถอะ พี่เจวี๋ยคือครอบครัวเดียวของเธอ! คนอื่นเข้ามายุ่งกับเราด้วยผลประโยชน์ทั้งนั้น!"
อันอันสลัดแขนออกอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นเย็นชา "ปล่อยนะพี่เจวี๋ย! อาจารย์กู้บอกความจริงเรื่องอดีตของเขาให้หนูฟังแล้ว และหนูเชื่อใจเขา! พี่เจวี๋ยต่างหากที่พยายามเสี้ยมให้หนูเกลียดอาจารย์ ทั้งที่พี่ก็ไม่รู้เรื่องจริงเลย!"
ซู่เจวี๋ย ยืนนิ่งด้วยความตกใจ เขาไม่เคยถูกปฏิเสธอย่างรุนแรงขนาดนี้จากน้องสาว เขาปล่อยไหล่ของอันอันอย่างช้า ๆ
"อันอัน... พี่ยอมรับว่าพี่กลัว" เขาพยายามใช้ไม้ตายสุดท้ายด้วยการแสดงความอ่อนแอ "พี่กลัวว่าเมื่อเธอเข้าใกล้เขามากขึ้น... เธอจะทิ้งพี่ไป"
อันอันส่ายหน้า "พี่คิดมากไปแล้วค่ะ หนูรักพี่เจวี๋ย... ในฐานะ พี่ชาย"
เจวี๋ยปิดประตูลงช้า ๆ แต่เมื่อเขาเดินออกมาจากห้อง แววตาที่เต็มไปด้วยความรักแบบพี่น้องก็หายไป เหลือเพียง ความมุ่งร้าย
'พี่ชาย? ดี... ถ้าพี่ไม่สามารถเป็นพี่ชายที่เธอไว้ใจได้... พี่ก็จะแสดงให้นายเห็น กู้จิ่นหาน ว่านายไม่ใช่คนดีงามอย่างที่เธอคิด'
เจวี๋ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความถึง ลั่วฉิงเหยา ด้วยนิ้วที่สั่นเทา
[รหัส: เงาในหมอก: ฉันรู้เรื่องการเคลื่อนไหวล่าสุดของ กู้จิ่นหาน และ ซู่อันอัน พวกเขากำลังจะเจาะระบบเอกสารกลางในคืนนี้... คุณคงไม่อยากให้ความลับของตระกูลลั่วถูกเปิดเผยใช่ไหม?]
ข้อแลกเปลี่ยนของจิ่นหาน
ในเวลาเดียวกัน จิ่นหานกำลังพิจารณาร่างสัญญาการเป็นหุ้นส่วนที่ฉิงเหยาส่งมา เขาอ่านเงื่อนไขห้ามมีความสัมพันธ์กับบุคคลในมหาวิทยาลัยซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะยิ้มหยัน
เขาเปิดหน้าต่างแชทส่วนตัว ส่งข้อความไปหาฉิงเหยา
[ถึง ลั่วฉิงเหยา: ข้อตกลงการผูกมัด 5 ปี ผมรับได้ แต่เงื่อนไขด้านความสัมพันธ์... คุณลั่วไม่มีสิทธิ์กำหนดชีวิตส่วนตัวของผม ถ้าคุณยังยืนกรานเรื่องนี้ ผมจะทิ้งตงฟาไว้ให้คุณจัดการเอง]
จิ่นหานปิดหน้าจอลง เขาไม่ได้ต้องการจะปฏิเสธฉิงเหยาทั้งหมด แต่เขากำลัง ประกาศอาณาเขต ของตัวเอง
เขามองไปยังแฟลชไดรฟ์ที่เพิ่งมอบให้อันอัน 'ซู่อันอัน... ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร... นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายที่ผมพาคุณเข้ามาเกี่ยวข้อง'