คนที่เปลี่ยน…1/1
อธินินทร์นั่งเคาะนิ้วลงบนโต๊ะรับประทานอาหารรอสามีกลับมาทานพร้อมกัน ทว่าตอนนี้เลยเวลาตั้งโต้ะไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วเขาก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมา หญิงสาวจึงให้แม่บ้านจัดสำรับสำหรับเธอคนเดียว กินไปไม่กี่คำก็วางช้อนลงเมื่อรู้สึกอิ่ม หญิงสาวเอ่ยขอโทษแม่บ้านอาวุโสที่ทานข้าวเพียงครึ่งทัพพีก็ไม่หมดจาน จากนั้นก็ลุกไปนั่งรอเขาที่โซฟาห้องรับแขก เล่นมือถือไปเรื่อย จนกระทั่งเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งรถของชายหนุ่มที่เธอรอก็วิ่งเข้ามาจอด
หญิงสาวลุกขึ้นเดินเข้ามาทักทายเมื่อเห็นหน้าสามีกลับมาบ้าน
“งานยุ่งเหรอคะ ทำไมกลับช้าจัง นินทร์รอทานข้าว ส่งข้อความไปคุณก็ไม่ตอบ”
อธินินทร์ยิ้มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้จะต่อว่าเขาสักนิด แต่คำตอบที่เธอได้กลับมาทำเอาหญิงสาวหน้าชาดิก
“จะรอทำไม ปากใครก็ปากคนนั้น หิวก็กินท้องไม่ได้ติดกันนี่”
พูดจบเขาก็เดินกลับขึ้นห้องโดยไม่คิดจะสนใจความรู้สึกคนฟังเลยสักนิดว่ามันจะพังเพราะคำพูดห้วน ๆ จากปากเขาขนาดไหน
นั่นสินะ ปากใครก็ปากมัน ท้องไม่ได้ติดกัน ต่อไปก็ไม่ต้องคอยถามคอยทักอีกแล้ว พอซะที ร่างบางปล่อยลมออกจากปากแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะผ่อนออก เขากลับมาแล้วเธอก็จะได้กลับขึ้นห้องเสียที ห้องนอนที่มีแต่เธอเท่านั้น ส่วนเขาแยกออกไปนอนอีกห้อง พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันใหม่
เช้าวันต่อมาอธินินทร์ไม่ได้เห็นหน้าสามีที่โต๊ะอาหารด้วยซ้ำ เขาลงมาแล้วก็ขับรถออกไปทำงานเลย ส่วนเธอยังคงอยู่ที่บ้าน ระหว่างวันในช่วงเช้าขณะที่เธอกำลังเดินดูแปลงกุหลาบรูปภาพหนึ่งก็ถูกส่งเข้ามาในช่องทางไดเรกเมสเสจของแอปพลิเคชันสาธารณะของอธินินทร์ เป็นภาพภายในห้องทำงานของสามีเธอ องค์ประกอบของภาพนั้นยังเห็นเสื้อสูทตัวที่เขาสวมออกจากบ้านเช้าวันนี้พาดอยู่ที่พนักเก้าอี้ พร้อมข้อความที่ถูกส่งต่อมาจากคนที่ใช้นามว่า
นางฟ้าสีเทา : รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้กัน
อธินินทร์เห็นทั้งภาพและข้อความมือก็ถึงกับกำมือถือแน่น มันจะเป็นใครไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะส่งภาพและข้อความแสดงความใกล้ชิดแบบนี้มากวนประสาทเธอถ้าไม่ใช่เลขาหน้าห้องของสามีเธอ
“อยากเปิดศึกกันนักใช่มั้ย ได้”
หญิงสาวที่เป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายเห็นภาพและข้อความนั้นก็ขับรถออกจากบ้านเพื่อไปหาสามีที่บริษัท เธอไปพร้อมกับอารมณ์เดือดขั้นสุดพร้อมกระชากหน้ากากผู้หญิงหน้าไม่อายออกมา อธินินทร์มีอำนาจที่จะขึ้นไปยังชั้นของผู้บริหารที่สามีนั่งทำงานอยู่โดยที่พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่กล้ามายุ่มย่าม เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องแน่นอนว่าไม่พบกับลีลาวดี เลขาอกเด้งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ดวงตากลมโตที่มีทั้งความโกรธและความเศร้าโศกเจือปนตวัดมองไปที่ประตูหน้าห้องทำงานเขา หัวใจเต้นระส่ำ ถ้าเธอเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่าพวกนั้นกำลังบรรเลงเพลงรักกันอยู่เธอจะทำอย่างไรนะ เข้าไปกระชากพวกมันออกจากกัน หรือยืนดูให้ความเจ็บปวดมันทิ่มแทงตัวเธอเอง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด วันนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ให้มันเกิด เธอมาตัวเปล่าไม่ได้พกอาวุธ อย่างมากก็มีแค่มือที่จะตบนังเลขานั่นได้สักฉาด
คิดแล้วมือเรียวก็กำแน่นเข้าหากันจนเส้นเลือดปูดนูนขึ้นมา ริ้วรอยแดงเรื่อจากความรู้สึกเจ็บผสมแค้นพาดผ่านดวงตา สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อปลอบขวัญตัวเองกับภาพที่จะเจอต่อจากนี้ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป
ผลัวะ!
อธินินทร์ผลักประตูที่ไม่ได้ล็อกเข้าไปอย่างแรงส่งผลให้คนในห้องที่นั่งประชุมกันอยู่หันมามองเป็นตาเดียว สองคนมองด้วยสายตาประหลาดปนตกใจ อีกคนมองด้วยสีหน้ายิ้ม ส่วนคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะจ้องมองมาด้วยความไม่พอใจที่สุด
ก่อนเสียงของใครคนหนึ่งจะพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“คุณนินทร์ ดิฉันไม่ทราบว่าคุณจะมาเวลานี้”
มันคือน้ำเสียงที่ดัดหวานของลีลาวดี เลขาหน้าห้องที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้หกเดือนของปรศุ
“ก็ใครล่ะ ที่คอยกวนประสาทฉัน เธอไม่ใช่เหรอ”
“คุณนินทร์พูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ ดิฉันไม่รู้เรื่อง”
ลีลาวดีทำสีหน้าเหมือนกำลังถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม มองไปยังชายหนุ่มด้วยท่าทางขอความช่วยเหลือ ก่อนจะหันมาตอบ
“ไม่ต้องมาตอ...”
“หยุด!” เสียงที่เข้มที่สุดดังขึ้น มองดูก็รู้ว่าสีหน้าของปรศุตอนนี้โกรธคนที่ถือวิสาสะเข้ามามากแค่ไหน
“คุณกลับบ้านไปก่อนนินทร์ ผมกำลังคุยกับลูกค้า...รายใหญ่”
เขากดเสียงต่ำ ใช้สายตาจ้องมองไปที่เธอสื่อถึงความเด็ดขาด อธินินทร์ยืนหายใจหอบแรง ยิ่งมองไปยังหน้าเลขาที่ทำเป็นใสซื่อเธอยิ่งแทบควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่เมื่อเห็นว่าเขามีแขกที่เธอไม่รู้จักนั่งอยู่ด้วยอธินินทร์ก็รู้สึกตัวและไม่อยากทำให้เสียหน้าไปกว่านี้
“ก็ได้ ฉันจะกลับไปรอที่บ้าน แล้วเราค่อยคุยกัน...ขอโทษคุณทั้งสองคนด้วยนะคะ”
เธอพนมมือไหว้พร้อมกับก้มศีรษะลงในกิริยานอบน้อม ทำให้หญิงชายวัยกลางคนทั้งสองวางสีหน้าลงได้และพนมมือตอบ
ก่อนออกจากห้องหญิงสาวไม่ลืมส่งสายตาเอาเรื่องไปยังลีลาวดี ที่เธอมั่นใจว่าเป็นตัวการทำให้สามีของเธอเปลี่ยนไป
เมื่อภรรยาที่ทำตัวน่าเกลียดออกไปปรศุก็เอ่ยคำขอโทษลูกค้าที่นัดมาคุยธุรกิจด้วยอีกครั้ง คุยธุรกิจเสร็จเขาก็ส่งลูกค้าทั้งสองคนกลับไป ทว่าเลขาสาวสวยยังคงยืนกุมมือประสานกันไว้ด้านหน้าเหมือนยังมีเรื่องอะไรที่ต้องพูดกับเขาอีก
“คุณยังมีอะไรรึเปล่าคุณเลขา”
“ค่ะ คือ เรื่องที่คุณอธินินทร์มาอาละวาดเมื่อสักครู่ลิลลี่ไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ นะคะคุณราม”
ดวงตาคมจ้องเข้าไปในดวงตาที่ฉายแววดูหวาดหวั่นปนทอดสะพาน ก่อนจะเอ่ยออกมา
“ผมต้องการให้คุณแทนตัวเองว่า ‘ดิฉัน’ มากกว่าแทนด้วยชื่อเล่น และเรียกผมว่า ‘ประธาน’ ไม่ใช่เรียกชื่อ”
คำสั่งนี้ทำให้รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนเรียวปากค่อย ๆ หุบลง
“ค่ะ ท่านประธาน แต่เรื่องที่คุณนินทร์มา....”
“คุณออกไปทำงานได้แล้ว” น้ำเสียงมีความเข้มขึ้นอีกระดับตัดบทที่เลขากำลังจะอธิบาย
“ค่ะ”
ประตูห้องปิดลงปรศุก็ได้ยกนิ้วคลึงขมับตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย