“ให้กูอยู่ห้องข้างบนเหรอ แต่มันไกลมึงอะ” หลังจากที่ขนของมาจากหอพักเดิมเข้ามาที่บ้าน ทั้งสองก็นั่งพักที่โซฟา มาเบลเอนตัวไปออดอ้อนเพื่อนสนิท แต่โซ่รู้ทันชิงลุกขึ้นจากที่นั่ง จนหญิงสาวล้มไปนอนราบบนโซฟาตัวยาว
“ตอนแรกมึงก็อยู่หอเนอะ ไม่ได้อยู่กับกูค่ะ ไปเก็บของได้แล้ว เดี๋ยวตอนเย็นพี่เจ้าของบ้านกับพี่อีกคนน่าจะกลับนะวันนี้ มึงจะได้ฝากตัวไว้” พูดไปก็ถอนหายใจไป ไม่รู้คิดถูกคิดผิดที่เสนอให้เพื่อนมาอยู่ด้วย ถึงจะรู้ว่าอีกคนแค่แกล้งเล่นไม่ได้จริงจังอะไรก็ตาม
“หล่อปะ” มาเบลถามด้วยสายตาเป็นประกาย
“สมองน้อยๆ ของมึงนี่เลิกบ้าผู้ชายให้ได้ก่อนค่ะ รีบไปก่อนกูจะเปลี่ยนใจ” โซ่เอ่ยพร้อมเดินถือข้าวของที่ไม่ได้มีเยอะเท่าไรของเพื่อนขึ้นไปวางไว้บนห้อง
บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่มีสี่ห้องนอน สามห้องน้ำ โดยเป็นห้องน้ำส่วนกลางชั้นบนและชั้นล่าง ส่วนห้องมาสเตอร์ที่อยู่ข้างบนเป็นของเจ้าบ้าน ซึ่งห้องนั้นมีห้องน้ำ ในตัว ห้องของมาเบลจะอยู่ติดกับห้องน้ำส่วนกลาง มีขนาดเล็กกว่าห้องของผู้เช่าอีกคนที่เป็นขนาดกลาง
เจ้าตัวไม่ได้ติดขัดอะไรอยู่แล้ว เพราะแม้จะบอกว่าขนาดเล็ก แต่ก็จัดว่าดูดีกว่าหอพักบางแห่ง เพียงแค่ต้องออกไปใช้ห้องน้ำข้างนอกเท่านั้น ภายในห้องมีเตียงนอนขนาดห้าฟุต มีตู้เสื้อผ้าหนึ่งหลังและโต๊ะสำหรับนั่งทำงานได้ เรียกว่าครบครันกับการใช้งานพื้นฐาน ราคาค่าเช่าห้องสี่พันถ้วนถือว่ารับได้เลยละ โซ่บอกไว้ว่าอีกสองคนไม่ค่อยอยู่บ้าน ถึงอย่างนั้นก็ห้ามทำข้าวของรก แล้วก็อย่าแต่งตัวเหมือนสบายๆ เกินไปเพราะอุจาดสายตา ทำเอาคนตัวเล็กที่ตั้งใจจะแกล้งกวนเพื่อนหน้ามุ่ยที่โดนดักทาง
“อีเบล ลงมานี่ พี่เขามาแล้ว” เพราะจัดห้องและยกของไปมา ประตูจึงไม่ได้ปิดสนิททำให้ได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนเรียก มาเบลรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วก้าวลงบันไดอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงโซ่คุยกับอีกคนอยู่ก่อนแล้ว
“พะ...พี่ภู!” ทันทีที่คนมาใหม่หันมา หญิงสาวก็เรียกชื่ออีกคนเสียงดัง เธอแทบตกบันไดขั้นสุดท้าย ดีที่ภูผาช่วยจับไว้ทัน เมื่อตั้งสติได้มาเบลก็ถอยห่างไปยืนข้างเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว
“รู้จักพี่ด้วยเหรอ” เขาเอียงคอมองเล็กน้อย ลึกๆ ก็ดีใจที่เริ่มมีคนรู้จักตัวเองเช่นกัน
“อีนี่มันก็รู้จักทุกคนที่เป็นคนหล่อนั่นแหละค่ะ” โซ่ตอบแทนพร้อมดันหัวเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ นิสัยของ มาเบลนั้นเหมือนพวกชาวแก๊งกะเทยที่บ้าผู้ชายแล้วหวีดร้องตอนเจอคนหล่อนั่นแหละ ถึงเจ้าตัวจะหน้าตาดีแต่เพราะนิสัยแบบนี้เลยไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แถมยังมีอุดมคติแปลกๆ ที่ว่า ‘ได้คนหล่ออย่างน้อยมันก็หล่อ แต่ถ้าได้คนดีก็ไม่รู้ว่ามันจะดีจริงไหม’ ฟังแล้วปวดหัวจนต้องส่ายหน้า
“มึงไม่บอกกูก่อนวะ ว่ามึงอยู่บ้านเดียวกับพี่ภู” แม้จะเป็นเสียงกระซิบ แต่เพราะไม่ได้ยืนห่างกันมาก ภูผาเองก็ได้ยินเช่นกันจนลอบอมยิ้ม ท่าทางของหญิงสาวที่ไปแอบหลังรุ่นน้องในคณะนั้นทำเอารู้สึกเอ็นดูขึ้นมา
“ว่าแต่เราชื่ออะไรครับ”
“มา.. มาเบลค่ะ เป็นรุ่นน้องพี่ ตอนนี้อยู่ปีสองเท่ากันกับโซ่ค่ะ” เธอแนะนำตัวด้วยเสียงที่ไม่เป็นธรรมชาติ สองมือกุมเข้าหากันแบบขัดเขิน
“แหม ทำท่าองท่าอายอะไรคะ”
“สวัสดีครับมาเบล พี่ภูผานะ ยินดีที่ได้รู้จัก พี่ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ยังไงก็ตามสบายเลยนะ” ยังไม่ทันที่มาเบลจะได้โต้ตอบกับโซ่ ภูผารีบชิงตัดบทพร้อมส่งยิ้มตามมารยาท ก่อนจะขอตัวขึ้นไปที่ห้องของตนด้านบน
“มึงงง มึงอยู่บ้านกับพี่ภูทำไมไม่บอกกูอะ”
“ถ้าบอกแล้วจะไม่มา?”
“มาจ้าแต่จะแต่งตัวสวยกว่านี้ กรี๊ดอ่า พี่เขายังหล่อเหมือนเดิมเลย ไม่สิ หล่อกว่าเดิมด้วย กรี๊ดมาก” มาเบลทำท่าเพ้อออกมา ภูผาเป็นอดีตเดือนคณะ ตอนที่เธอเข้าเรียนเป็นเด็กปีหนึ่งนั้นอีกฝ่ายอยู่ชั้นปีสี่ ช่วงก่อนที่จะเรียนจบก็เริ่มมีข่าวว่าเขาเป็นเกย์ และเริ่มรับงานแสดง ซีรีส์วาย ยิ่งอีกฝ่ายมีผลการเรียนดีพวกกิจกรรมก็ไม่เคยขาด ทำเอาเธอปลื้มรุ่นพี่คนนี้อยู่ไม่น้อย แต่ช่วงที่เรียนไม่ได้มีโอกาสเข้าไปทำความรู้จักเลย พอได้เจออีกครั้งก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“มึงก็อย่าไปยุ่งกะพี่เขาล่ะ ช่วงนี้เห็นว่าต้องเรียนการแสดงเพิ่ม” โซ่รีบกล่าวดักทางไว้ เพื่อนเขายิ่งประหลาดๆ อยู่ด้วย
“จะเอาอะไรไปกล้าทัก เนี่ยมึงดูดิ กูเขินจนมือเปียกหมดแล้ว” ว่าแล้วก็เอามือที่เปื้อนเหงื่อเพราะกำมันแน่นเกินเมื่อครู่นี้ ยื่นไปจับตัวเพื่อนสนิทจนถูกผลักออก
“อี๋ สกปรกมาก ออกไป๊”
ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้เถียงกันต่อ ผู้มาใหม่ก็เปิดประตูเข้ามาพอดี ทำให้ทั้งสองหยุดสงครามเล็กๆ ลง มาเบลที่กำลังจะขึ้นปีนโซฟาไปตีกับโซ่ก็รีบกระโดดลงมายืนท่าทางสงบนิ่ง แล้วหันหน้าไปแนะนำตัวอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อมาเบล พี่เควินใช่ไหมคะ ขอฝากตัวด้วยนะคะ” เธอพูดคำที่ท่องไว้พร้อมยกมือไหว้ ก่อนจะเงยขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
“โซ่ มึงไม่ได้บอกเพื่อนเหรอว่าจะอยู่นี่ให้เงียบๆ กูไม่ชอบความวุ่นวาย” เขาไม่ตอบกลับ แต่หันไปตำหนิรุ่นน้องที่ตนชวนมาอยู่ด้วยแทน ทำเอาหญิงสาวคนเดียวหน้าเจื่อน
“แล้วก็เธอ รู้แล้วใช่ไหมฉันไม่ชอบผู้หญิง ถ้าพื้นบ้านมีผมเธอสักเส้น ฉันจะจับโกนหัว” เขาไม่เสียเวลาอยู่ต่อ แต่เดินขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว
“มึงไม่บอกกูวะว่าเขาเกลียดชะนีด้วย มึงบอกกูแค่เป็นเกย์เฉยๆ”
“กูก็เพิ่งรู้เนี่ย แต่กูก็บอกเขาก่อนแล้วนะว่ามึงเป็นผู้หญิง พี่แกก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“แต่หล่อเนอะ”
“อีเบลหยุด!”
“กูล้อเล่น กูยังไม่อยากโกนหัวจ้า กว่าจะผมยาวขนาดนี้ใช้เวลาตั้งนาน” โซ่ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ ดูเหมือนเพื่อนสนิทจะหลงประเด็นไปไกล
“คุ้นอะ เขาใช่เควินเคนที่ดังๆ คนนั้นปะ โหยยย นี่มันบ้านศูนย์รวมคนดังเลยนี่หว่า กรี๊ด อีโซ่ หล่อนปิดมิดเลยนะ หระ...หรือว่ามึง” เสียงเล็กบ่นเจื้อยแจ้ว ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา การมีคนดังอยู่ใกล้ตัวนี่มันแหล่งคอนเน็กชันชั้นดีเลยนะ ดวงตาพลันเบิกโตเมื่อนึกได้ว่าโซ่ไม่เคยบอกเรื่องนี้มาก่อน ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดเลยสักนิด
“อีเบลหยุด! หยุดคิดอกุศลค่ะ” โซ่กุมขมับรอบที่แปดของวัน ไม่รู้ว่าพูดให้เพื่อนหยุดไปแล้วกี่ครั้ง คนตัวเล็กนั่งฟังตาแป๋ว แต่ก็แอบยิ้มกรุ้มกริ่มเพราะในหัวมีความคิดแปลกๆ
โซ่เลยต้องย้อนความว่าเขารู้จักกับเคนมาตั้งแต่ช่วงมัธยมปลาย อายุของพวกเขาห่างกันราวๆ ห้าปี อีกฝ่ายเป็นคนที่อาศัยอยู่ในละแวกหมู่บ้านเดียวกัน ถึงย้ายออกไปแล้วแต่ก็ยังมีการติดต่อกันอยู่บ้าง จนกระทั่งเขาได้เข้าเรียนที่นี่ เควินก็เสนอให้มาแชร์บ้านด้วยกัน แม้จะเป็นเจ้าของบ้านก็ตาม แต่การมีคนมาช่วยผ่อนบ้านก็ทำให้ภาระลดลงได้ส่วนหนึ่ง
วันที่โซ่ย้ายมาที่นี่ก็เห็นภูผาอยู่ก่อนแล้ว ตอนแรกก็แอบสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเช่นกัน แต่พบว่าอยู่กันอย่างห่างเหินเลยด้วยซ้ำ เขาเลยไม่ได้สนใจอีก ส่วนเคนนั้นมีงานถ่ายแบบทั้งแนววาบหวิวและงานแฟชั่นต่างๆ ด้วยความเป็นลูกครึ่งร่างกายจึงกำยำเป็นอย่างมาก บวกกับหน้าตาที่ดูดีอย่างไร้ที่ติทำให้มีผู้ติดตามอย่าง ล้นหลามในเวลาไม่นาน ทว่าเจ้าตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดถึง ภูมิหลังมากนัก ทุกคนเลยรู้จักกันแค่ส่วนของชีวิตที่เข้า สู่วงการแล้วมากกว่า
“แล้วมึงดูกล้ามเขาด้วย คิดอะไรอยู่บนพื้นฐานความเป็นไปได้ด้วยเนอะ”
“แหม คนล่าสุดของมึงก็หนุ่มหล่อวิศวะไม่ใช่หรือไง” ที่สนิทกันอยู่สองคนก็คงเป็นเพราะรู้ไส้รู้พุงกันแทบหมดเปลือกนี่แหละ ถึงผู้ชายหล่อหลายคนที่มาเบลชื่นชมจะกลายเป็นเมียของเพื่อนสาวก็ตาม ในขณะเดียวกันมาเบลก็เล่นสนุกกับผู้ชายหน้าตาตรงสเปกของเพื่อนไปหลายครั้งเช่นกัน
“ก็คนมันสวยอะค่ะ ช่วยไม่ได้” ว่าแล้วโซ่ก็ใช้มือสะบัดปลายผมด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้
“นึกสภาพหล่อขนาดนั้นแต่โดนมึง...” มาเบลทำหน้าหื่นกามจมูกบานใส่เพื่อน จนถูกเขกหัวไปที
“อีเบลหยุด!” แม้จะรู้ว่าแค่แกล้งแซว แต่พอรู้ว่าเพื่อนคิดเรื่องแบบนั้นกับตัวเอง ถึงโซ่จะเป็นรุกจริงก็รู้สึกเขินจนต้องหนีเข้าห้องไปอย่างฟึดฟัด มาเบลเลยรีบกลับห้องตัวเอง โดยไม่ลืมที่จะเดินขึ้นบันไดอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนอีกสองคนข้างบนด้วยเช่นกัน