แชร์บ้านกับเพื่อนสาว
“ทำไมสภาพเป็นงี้อะ” โซ่หันมองเพื่อนสนิทที่เดินเข้ามานั่งข้างๆ ด้วยสภาพอิดโรย ใต้ตาคล้ำทะลุรองพื้นอย่างปิดไม่มิด
“มึง กูจะบ้า” เธอตอบกลับด้วยใบหน้าหงุดหงิด หัวคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจ พลางหยิบอุปกรณ์การเรียนขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“ข้างห้องมึงสร้างเรื่องอีกแล้วเหรอ คราวนี้ห้องไหนล่ะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเอือมระอา เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เพื่อนสนิทมาเรียนด้วยท่าทางแบบนี้
“เออ อีคนที่เพิ่งย้ายมาใหม่อะดิ เมื่อคืนแม่งเสียงดังมาก ประเด็นคือกูได้ยินเสียงผู้ชายคนเดียว คนอะไรมันจะช่วยตัวเองเสียงดังขนาดนั้นวะ” แค่นึกถึงยังรู้สึกขนลุกขึ้นมา มันไม่ใช่ดังแค่เสียงคราง แต่เสียงเตียงที่เอี๊ยดอ๊าดเพราะชนผนังห้องเธอนั่นแหละที่ทำให้นอนไม่หลับไปทั้งคืน
“หล่อปะ เผื่อมึงอยากจะไปช่วยเขาแทน”
“อี๋ ไม่ได้ปะ อยู่หอเดียวกันมันก็ต้องเกรงใจคนอื่นมั่งเหอะ แล้ววันก่อนตากชุดไว้ที่ระเบียง รู้สึกเหมือนเสื้อในจะหายไป แล้วตัวนั้นแพงด้วย กูก็ไม่ได้ตากฝั่งระเบียงติดเขานะ แต่หลอนฉิบ”
“กูบอกมึงแล้วว่าให้ย้ายหอ ความปลอดภัยก็ไม่มี ผนังก็บาง ไม่มีความเป็นส่วนตัวสักนิด รอให้เกิดเรื่องแล้วค่อยหาทางแก้ตลอดเลยมึงเนี่ย” ว่าจบโซ่ก็จิ้มหน้าผากเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ นี่ขนาดย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงเดือนยังสภาพเป็นแบบนี้ ถ้าต้องอยู่จนเรียนจบไม่รู้ว่าเพื่อนกับ หมีแพนด้าใครจะขอบตาดำมากกว่ากัน
“ก็มันถูกอะ”
“อยู่หอถูกๆ แต่ชวนผู้ชายเข้าโรงแรมแพงๆ ได้เนอะ อย่าให้กูได้ด่า” ชายหนุ่มยกมือขึ้นมากอดอกพลาง เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ นิสัยประหลาดๆ ที่งกไม่เข้าเรื่องกับอะไรแบบนี้มันน่าหงุดหงิดจริงๆ นับคร่าวๆ ตั้งแต่เรียน ปีหนึ่ง มาเบลย้ายหอมามากกว่าสามครั้งแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งที่สี่ เหตุผลคือเบื่อที่เดิมๆ แถมเงื่อนไขการเลือกหอของเพื่อนสนิทก็เน้นแบบถูกๆ ไว้ก่อน ในขณะที่เขามองว่าความสะดวก ความปลอดภัย มันควรจะมาก่อนเรื่องราคา
“ด่าอยู่จ้า แล้วโรงแรมผู้ก็เป็นคนออกเนอะ ไม่ใช่กูค่ะ แต่กลับมาเรื่องเดิม กูเลยว่าจะย้ายหอ แต่ถามแถวนี้แล้วมีแต่ต้องทำสัญญารายปีแล้วก็จ่ายล่วงหน้าอีก กูไม่อยากจ่าย” คนตัวเล็กทำหน้างอแง เพราะยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบ ที่ไหน ก็เลยย้ายไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน ซึ่งที่พักก่อนหน้าก็ไม่ได้แย่ แค่รู้สึกไม่ชอบ จะมีปัญหาก็คือที่ล่าสุดนั่นแหละ
“ก็ไม่ใช่จะจน แต่งกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอะมึงอะ แล้วไงล่ะ หอถูกๆ ไม่มีสัญญา ไม่มีล่วงหน้า ข้างห้องฝั่งหนึ่งช่วยตัวเองทั้งคืน อีกข้างก็คู่ผัวเมียตีกัน” เพื่อนสนิทที่แท้จริงมักจะสมน้ำหน้าไว้ก่อนไม่เกินจริง ทำเอาคนฟังขมวดคิ้วด้วยความขัดใจเพราะเถียงไม่ออก
“อย่าด่าเยอะ กูไม่สำนึกหรอกนะ” มาเบลพูดกลั้วหัวเราะ โซ่ยังไม่ทันได้ด่ากลับ แต่อาจารย์ร่างท้วมก็เดินเข้ามาในห้องบรรยายพอดี ทำให้บทสนทนาจบลงแค่นั้น ต่างคนต่างหันหน้าไปตั้งใจเรียนต่อ
ทั้งสองเป็นคู่หูเพื่อนสนิทที่จัดว่าอยู่ในระดับเรียนดี ทั้งคู่เรียนคณะนิเทศในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการมีนักศึกษาเข้าสู่วงการบันเทิงเยอะที่สุด มาเบลเป็นหญิงสาวตัวเล็ก สวมแว่นสายตาในเวลาเรียน ชอบเข้าสังคม และมีความฝันจะไปโลดแล่นบนสื่อที่มีคนเห็นเยอะๆ ในขณะที่โซ่คาดหวังในเรื่องของการทำงานเบื้องหลังมากกว่า
“มึงไปไหนต่อ” โซ่แผดเสียงเรียกเพื่อนที่ลุกพรวดทันทีที่อาจารย์เดินออกจากห้องเมื่อจบคาบเรียน ซึ่งวันนี้ไม่มีเรียนต่อตอนบ่ายด้วย
“หาหอใหม่อะดิ อีกสองวันต้องย้ายออกแล้วเนี่ย”
“เอางี้ไหมล่ะ มึงย้ายมาแชร์บ้านกับกูก่อนก็ได้ มีห้องว่างห้องหนึ่งพอดี ยังไงก็ดีกว่าอยู่ใกล้ไอ้โรคจิตนั่นแน่ๆ” โซ่เสนอความคิดออกมา ถึงข้างห้องจะทะเลาะกันบ่อยแต่ถ้าเทียบความอันตรายกับคนที่เพิ่งย้ายเข้ามา เหมือนว่าคนที่มาอยู่ใหม่จะน่ากลัวกว่าเยอะ
“ไหนมึงบอกว่าบ้านมึงมีแต่ผู้ชายไง” หญิงสาวทำหน้างุนงง จำได้ว่าโซ่เคยบอกไว้ว่าตัวเองแชร์บ้านอยู่กับพี่ที่รู้จักกัน ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก
“โอ๊ย ก็ผู้ชายแบบกูอะค่ะเพื่อน ชายแท้เล็บเจล ไม่มีใครเขาพิศวาสผู้หญิงหรอกค่า เอาไง? จะมาไม่มา?” ชายหนุ่มพูดเสียงดังพร้อมทำหน้าเหม็นเบื่อในความลีลา เพราะเพื่อนดันเรื่องมากในเรื่องที่ไม่ควรเรื่องมาก แล้วดันปล่อยผ่านอะไรที่ไม่เมกเซนส์ไปแบบน่าตี
“ผู้ชายแบบมึง ที่หมายถึงคุณเป็นผัวออกสาวงี้ปะ ฮ่าๆ”
“จะแบบไหนก็คือไม่เอาชะนีค่ะ เคเนอะ ไม่มาก็แล้วแต่มึงแล้วกัน รำคาญ” ว่าจบคนตัวสูงก็เดินสะบัดผม สีทองของตนเองออกไป ทำเอาขาเรียวต้องรีบก้าวตามอย่างรวดเร็ว
ซอโซ่ เพื่อนสนิทของเธอคนนี้นอกจะกรีดอาย สีสวย ทาปากสีหวาน แล้วยังชอบทำเล็บอีกด้วย ถ้าใครมาเห็นก็คงมองว่าเป็นเกย์ที่เรียกกันได้ว่า ‘คนสวยขา’ อย่างแน่นอน ชายหนุ่มมักใช้ภาพลักษณ์แบบนี้ตกผู้ชายหล่อๆ มาเยอะ แต่เธอดันไปรู้ความลับมาว่า หนุ่มหล่อทั้งหลายที่มาเป็นคู่ขาคู่ควงให้กับเพื่อนสาวคนนี้นั้น ถูกจับให้เป็นสถานะ ‘เมีย’ ทุกคน
เพราะเป็นแบบนี้นั่นเองทำให้มาเบลชอบที่จะกลั่นแกล้งเพื่อนสนิทด้วยการเอาตัวไปใกล้ๆ บ่อยๆ แม้จะถูกตวาดออกมาแทบตลอด ก็ถือว่าเป็นสีสันให้แต่ละวันไม่น่าเบื่อจนเกินไป
“เหี้ย! บ้านมึงใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอวะ” มาเบลเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก นั่งรถจากมหาวิทยาลัยมาประมาณสิบห้านาทีเท่านั้น ถ้าเป็นช่วงที่รถเยอะก็ประมาณสามสิบนาที ถือว่าเป็นเวลาที่รับได้เลย เธอตกใจเพราะมันเป็นบ้านเดี่ยวที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านโครงการหนึ่ง รอบๆ ดูสงบ ความปลอดภัยแน่นอนว่าต้องดีกว่าหอพักอย่างแน่นอน
“เออ อยู่กันสามคน แชร์กันอยู่ ตกเดือนละสี่พันห้า ถ้ามึงมาก็อาจจะได้ลดลงไปอีกหน่อย” โซ่พูดพลางเดินไปแนะนำห้องคร่าวๆ มาเบลมองด้วยสายตาเป็นประกาย ข้างในน่าอยู่และเป็นระเบียบมากๆ ดูไม่เหมือนบ้านที่มีแต่ผู้ชายเลยสักนิด
“แล้วคนอื่นเขาจะให้กูอยู่เหรอวะ”
“กูส่งข้อความไปถามททุกคนก็บอกว่าให้มึงมาลองดูก่อน ถ้าอยู่ได้ก็ไม่มีปัญหา แต่ห้ามพาแฟนหรือพาใครมาทำอะไรกันในบ้าน แค่นั้นแหละ”
“แล้วถ้าเอากันเองในบ้านนี่ได้ปะ”
“อีเบล หยุด!” โซ่รู้ทันว่าเพื่อนสนิทจะแกล้งเอาตัวมาประชิด รีบยื่นมือไปดันหน้าผากมาเบลเอาไว้ก่อน ผลคือคนตัวเล็กหัวเราะออกมาไม่หยุด
“กูจะอยู่” คนตัวเล็กตอบเต็มเสียง ถ้ารู้ว่าย้ายเข้ามาได้เธอคงไม่ไปหาหอที่อื่นให้วุ่นวาย แม้ราคาจะเกินงบที่ตั้งเอาไว้ แต่ถ้าเทียบกับพื้นที่ใช้สอยนั้นช่างคุ้มค่า นานแล้วที่ไม่ได้ดูทีวีในจอ ไม่ได้ทำกับข้าวในครัว
“ไม่ กูเปลี่ยนใจแล้ว มึงไม่ต้องอยู่หรอก กูกลัว” โซ่พูดพร้อมกับถอยหนี ทำท่ามือปัดแขนไปมา
“กลัวจะหลงเสน่ห์กูเหรอ” ว่าจบก็ทำท่าจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อนสาวตัวโต
“กลัวจะทนรำคาญไม่ไหว ขอถีบสักทีเหอะ” ว่าจบโซ่ก็ยื่นขาออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ช้ากว่าอีกฝ่ายที่วิ่งถอยออกไปแล้ว