“อันนี้ใครทำ หรือว่าซื้อ” เควินเอ่ยถามหลังจากที่ทานอาหารไปได้สักพัก เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ที่มีผู้หญิงเข้ามาอยู่ในบ้าน หลังจากวันแรกที่เจอเขาก็เพิ่งกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพราะต้องไปถ่ายงานที่ต่างจังหวัด เมื่อมาถึงทุกคนกำลังทานข้าวกันอยู่ เขาเลยเดินเข้าไปร่วมวงด้วย
“เบลเองค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเลิ่กลั่กพอสมควร เพราะไม่ได้เจอหน้าเจ้าของบ้านมานาน ถึงเขาจะหล่อแต่ก็ดูดุจนรู้สึกเกร็งทุกครั้งที่เผชิญหน้า
“อื้ม ก็รสชาติใช้ได้ ถ้าจะทำก็ดูดีๆ อย่าให้มีผมตกลงไปล่ะ” เขาเอ่ยชมเล็กน้อย ก่อนจะตักชิมอีกคำ เล่นเอามาเบลยิ้มเจื่อนออกมา
“ตอนที่พี่ไม่อยู่ผมกับพี่ภูตกลงกันว่าให้เบลมันทำกับข้าว เราซื้อของสดมาแล้วก็คอยล้างจาน เพิ่งรู้ว่ามันทำกับข้าวอร่อยเหมือนกัน” โซ่เล่ารวดเดียวแบบสรุปให้อีกคนฟัง เรื่องนี้เขาเองก็เพิ่งตกลงกับภูผาและมาเบลได้เมื่อเช้านี้เอง
“กูเคยบอกมึงแล้วเถอะโซ่ แต่มึงไม่เชื่อไง”
“ดูสภาพมึงด้วย ใครจะเชื่อ”
ทั้งสองเถียงกันอีกเล็กน้อย เพราะรังสีกดดันจากเจ้าของบ้าน ก่อนจะทานข้าวพร้อมกันอย่างสงบ เป็นครั้งแรกที่ทั้งสี่คนได้ร่วมมื้ออาหารกัน โชคดีที่มาเบลทำอาหารไว้เยอะมากพอที่จะกินกันได้จนอิ่ม ภูผานั่งทานแบบเงียบๆ มีตอบกลับไปบ้างเป็นบ้างครั้งเท่านั้น
ภูผาเองแม้จะอยากเป็นนักแสดง แต่เขาเองก็รู้ว่าเข้าสังคมไม่เก่งนัก ที่ผ่านมาได้ในหลายๆ ครั้ง คงเป็นเพราะรอยยิ้มและท่าทีที่ดูสุขุมของตน คนอื่นจึงให้ความเอ็นดูอยู่ไม่น้อย เมื่อก่อนบทที่ได้รับแม้จะเป็นบทตัวประกอบที่เน้นขายหน้าตาเป็นหลัก เพราะทางบริษัทยังไม่ไว้วางใจให้ รับบทตัวเอก แต่ครึ่งปีหลังนี้ชายหนุ่มกำลังปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับคนอื่นได้มากขึ้น ทำตัวกลมกลืนกว่าเดิม ทำให้เริ่มมีบทดีๆ ส่งมาถึง
“มื้อนี้เดี๋ยวผมขอเลี้ยงเองนะ” จู่ๆ เขาก็เปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน ทำเอาทุกคนหันไปมองอย่างไม่เชื่อสายตา ภูผาเห็นท่าทีทุกคนก็รู้สึกเขินขึ้นมานิดๆ จนต้องยกมือเกาแก้มตนเองแก้เก้อ ก่อนจะพูดต่อเสียงเบา
“พอดีว่าเรื่องต่อไปจะได้รับบทนายเอกแล้วก็ได้คลาสเรียนการแสดงเพิ่มด้วย เลยอยากฉลองกับทุกคน” เขาพูดออกมารวดเดียว ก่อนที่ทุกคนจะส่งยิ้มแสดงความยินดีด้วย
“พี่ภูเก่งมาก” มาเบลเอ่ยชม โซ่ก็พยักหน้าพร้อมปรบมือให้
“เออดีแล้ว มึงก็หัดพูดเยอะๆ ผู้ใหญ่เขาจะได้สนับสนุน” เควินเอ่ยขึ้นมา เขาเอ็นดูภูผาเหมือนน้องชายที่เห็นมานาน เจ้าตัวเป็นคนที่มีความฝันขัดแย้งกับตัวตนที่เป็น แต่ก็พยายามอย่างหนักมาตลอด ในที่สุดบทดีๆ ก็ตกถึงมือสักที
บรรยากาศในบ้านดูมีสีสันขึ้นมามากกว่าเดิม มาเบลและโซ่เป็นคนที่คอยถามนั่นนี่ สลับกับหันไปทะเลาะกันเล็กน้อย เควินที่เติมข้าวไปสามรอบเมื่ออิ่มแล้วก็ขอตัวลุกขึ้นหนีไปก่อน ดูเหมือนว่าทุกคนจะเริ่มสนิทกันมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“แต่งตัวอะไรของมึงเนี่ย” โซ่บ่นเมื่อเห็นเพื่อนเดินลงมาด้วยชุดที่ค่อนข้างเห็นเนื้อหนังมากกว่าทุกที
“อยู่บ้าน จะให้กูแต่งยังไง”
“โอ๊ย นมจะโผล่ออกมาอยู่แล้ว แล้วกางเกงนี่อะไร ตูดแน่นเหมือนกลัวไม่รู้ว่ามีตูด ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้นะ” แม้จะพูดเวอร์เกินจริงไปบ้าง แต่ชุดที่มาเบลสวมนั้นก็รัดรูปจนเห็นสัดส่วนได้ชัดเจน มันดูไม่น่าจะเป็นชุดสบายๆ ที่ใส่อยู่บ้านเลยสักนิด
“กูก็มีแต่แบบนี้ ก่อนนี้อยู่คนเดียวมันก็ใส่จนชินแล้วนี่นา”
“ยังไงบ้านนี้ก็มีแต่ผู้ชาย ทำอะไรเกรงใจด้วยค่ะสาว ไปเปลี่ยนชุดเลย” โซ่ชี้ขึ้นไปทางบันได แต่คนฟังไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะวันนี้เป็นวันหยุดเธอก็แค่อยากนอนเล่นดูทีวีสบายๆ เท่านั้น
“ก็มึงพูดเองว่าไม่มีใครสนใจผู้หญิงอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“ก็ใช่ แต่...โอ๊ย ไม่อยากคุยกับมึงแล้วกูปวดหัว จะไปไหนก็ไปเลยไป” ชายหนุ่มหัวจะปวด เดิมทีตั้งใจลงมานั่งดูทีวีเสียหน่อย แต่พออีกคนเขยิบตัวเข้ามาใกล้ จนหน้าอกแทบชนกับตนอยู่แล้วก็เลยนึกเปลี่ยนใจ รีบถอยออกแล้วกลับขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว มาเบลมองตามเพื่อนไปพร้อมหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” เมื่อเธอหันหน้าไปอีกทางเพื่อจะเดินไปตรงโซฟา ก็ชนเข้ากับภูผาที่มาหยิบน้ำพอดี
“พี่ก็เดินไม่ดูเอง ไม่เป็นไรๆ” เขาหนีบขวดน้ำไว้ที่แขน ส่วนสองมือก็จ้องไปบนกระดาษเอสี่ที่เย็บมุมเอาไว้
“พี่ภูจะซ้อมบทเหรอคะ” คนตัวเล็กเอ่ยถามเพราะเหลือบไปเห็นพอดี
“อืม ใช่ พรุ่งนี้พี่มีทดสอบในคลาส อีกสามเดือนถึงจะเปิดกล้อง ช่วงนี้เลยต้องฝึกเยอะหน่อย”
“ให้หนูช่วยไหมคะ เห็นแบบนี้หนูได้เอวิชาการแสดงเลยนะ แต่ที่จริงหนูอยากมีประสบการณ์เยอะๆ ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร ให้หนูซ้อมด้วยได้ไหมคะ” จากที่เสนอตัวก็เปลี่ยนเป็นขอร้องให้ภูผายอมให้ช่วยเสียอย่างนั้น
ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กที่ร้องขออย่างออดอ้อน ก่อนจะพยักหน้าตกลงแล้วชวนอีกคนเข้าไปในห้อง ถึงอย่างนั้นก็ยังเปิดประตูกว้าง เพราะอย่างไรมาเบลก็เป็นผู้หญิง หากปิดห้องแล้วอยู่กันแค่สองต่อสองอาจจะลำบากใจได้
มาเบลลอบยิ้ม ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ ทำให้เธอมองรุ่นพี่คนนี้ในแง่ดีกว่าเดิมอาจเพราะเริ่มสนิทกันบ้างแล้ว ทำให้หญิงสาวไม่ได้รู้สึกเขินเวลาพูดคุยกับอีกฝ่ายเท่าเมื่อก่อน
“เอาบทไปดูก่อนสิ”
“โห...พี่ภูในบทคือเด็กหนุ่มน่ารักขี้อ้อน นี่มันตรงข้ามกับพี่สุดๆ เลยนี่นา”
“ก็ใช่ พี่ว่ามันท้าทายดี ถ้าก้าวข้ามบทนี้ไปได้ก็น่าจะราบรื่นขึ้นเยอะเลย” แม้ภูผาจะเรียนนิเทศเอกการแสดงมา แต่เขาก็ยังไม่ได้มั่นใจในตนเองมากนัก ทำให้ช่วงแรกที่เข้าสู่วงการบันเทิงมีเสียงวิจารณ์หลากหลาย ชายหนุ่มจึงตั้งใจพัฒนาความสามารถอย่างตั้งใจมากกว่าเดิม และการได้รับบทตัวเอกครั้งนี้ก็จะเป็นเวทีแรกที่ต้อง ก้าวผ่านไปให้ได้ มาเบลฟังอีกคนพูดก็รู้สึกนับถือในความพยายามไม่น้อย เธอเลยตั้งใจอ่านบทเพื่อมาช่วยต่อฉาก จะได้เป็นประโยชน์กับอีกฝ่ายให้มากที่สุด
“แก้มเลอะหมดแล้วตัวเล็ก” เมื่อทั้งสองคนเริ่มท่องบทที่ได้รับแล้วก็เริ่มการแสดงทันที มาเบลที่รับบทพระเอกในเรื่องเอ่ยพร้อมทำท่ายื่นมือไปหาอีกคน เธอไม่กล้าจับแก้มภูผาเหมือนในบทจึงเลือกแสดงท่าทางคล้ายกันออกมาแทน
“พี่คราม อย่าจับแก้มเทียนสิครับ” ภูผาที่ต้องรับบทเป็นเด็กมหาวิทยาลัยมาส่งข้าวให้พระเอกในเรื่องที่เป็นประธานบริษัท เขาทำท่าทางน่ารักพร้อมปัดมือเรียวออกเบาๆ
“ถ้าอยู่กันที่บ้านพี่คงไม่ทำแค่ช่วยเช็ดหรอก เทียนก็รู้” หญิงสาวทำท่าทางเจ้าชู้ พร้อมยื่นหน้าไปหาภูผา เมื่อสังเกตเห็นว่าใบหูของเขานั้นมีสีระเรื่อ ทำให้รู้สึกอยากแกล้งขึ้นมา เธอใช้สายตามองจ้องไปที่ริมฝีปากยื่นมือเข้าไปหมายจะลูบไล้ตามบทบาท
“ทะ…เทียนจะไม่รู้ได้ยังไงเล่า ออกไปเลยนะ ถ้าพี่ไม่ทานข้าวดีๆ ต่อไปเทียนจะไม่ทำอาหารมาให้พี่แล้ว” ภูผาดันอีกคนออกด้วยความรู้สึกแปลกที่ใกล้ชิดกันมากกว่าปกติ แต่ก็แสดงบทบาทที่ได้รับต่อไปอย่างไม่ติดขัด
“โธ่ ตัวเล็กครับ ถ้าไม่ใช่อาหารของเทียน พี่ก็ไม่อยากทานอะไรทั้งนั้น” มาเบลแสร้งทำเสียงน้อยใจมองไปหาอีกฝ่ายด้วยสายตาตัดพ้อ
“ทานให้หมดสิครับ เดี๋ยวเทียนให้รางวัล” ชายหนุ่มเม้มปากไปด้วยท่าทางประหม่า เพราะหลังจากนั้นเขาจะต้องยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มพี่ชายข้างบ้านในวัยเด็ก
ภูผาทำท่ายื่นหน้ามาใกล้ตามบท มาเบลที่ตั้งใจจะกลั่นแกล้งอีกคนอยู่แล้ว จากที่ตกลงกันว่าจะจบฉากเพียงแค่โน้มหน้ามาใกล้กัน เธอเลยตั้งใจจะขยับใบหน้าเข้าหาอีกคนไปด้วย
“อย่าเล่นนอกบทสิคะ” ทว่าภูผากลับรู้ทันสายตากรุ่มกริ่มนั้นเสียก่อน เลยพูดเบรกออกมาด้วยเสียงที่อ่อนนุ่ม พร้อมจ้องหน้าคนที่หันมาอย่างตกใจเมื่อถูกจับได้
เมื่อได้สบสายตากับอดีตเดือนคณะที่ตนปลื้มในระยะประชิด มาเบลก็ใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ รีบผลักคนพี่ออกจนล้มนั่งไปที่เตียงตามเดิม ก่อนจะวางบทไว้บนเตียงแล้วเดินหนีออกมาอย่างรวดเร็ว ใบหูขึ้นสีระเรื่ออย่างปิดไม่มิด คะเคอะอะไรกันเล่า ปากเล็กเดินขมุบขมิบบ่นออกมาเบาๆ
ภูผามองตามก่อนจะยกยิ้ม เด็กคนนี้ทั้งที่ดูมั่นใจในตัวเอง แถมยังชอบแซวเขาอย่างโผงผางในบางครั้ง พอถึงเวลากลับเขินอายขึ้นมาเสียอย่างนั้น ดูเป็นคนที่น่าสนใจดี เขาคิดพร้อมส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินไปปิดประตูลง