“วายุคะ”เธอเสียวเมื่อปลายลิ้นสากตวัดครอบครองปลายถัน ลิ้นที่ร้อนชื้นเปียกก้อนเนื้อสร้างความสุขผสมปนทรมานได้อย่างดี เขากระกายกลิ่นกายและอยากกระแทกรักภรรยาทุกเวลา เมื่ออยู่ใกล้ก็ไม่อาจเฉยเมยต่อความต้องการที่แข็งขึงของแก่นชายได้
“ผมรักช่อ”คำว่ารักพูดกี่ครั้งก็ละมุนหูของช่อขมิ้น เธอรักเขามากเหลือล้น ต่อให้ร่างกายส่วนล่างจะแหลกก็เต็มใจที่จะให้เขานั้นกระทำป่าเถื่อนต่อเธอ
“ช่อรักคุณ”ขาเรียวงามถูกแยกออกจากกัน ก่อนที่ความเป็นชายจะรุกเข้ามาสำรวจโพรงด้านใน ความคับแน่นที่ผงาดพองใหญ่ทำให้ช่องสวาทและแท่งเอ็นนั้นปวดหนึบ ด้วยขนาดที่ต่างกันย่อมต้องยากลำบากในการเคลื่อนไหว
“จะ…เจ็บจัง”ความเจ็บยังส่งผลให้เธอมีน้ำตา มันเจ็บจนย้ำตาเล็ดออกมา ซึ่งความเจ็บนี้ปลายทางมันสวยงามเสมอแหละ วายุพรมจูบทั่วใบหน้าขาว ปลอบประโลมให้เธอไม่เกร็ง
เมื่อเธอเริ่มผ่อนคลายเอวหนาจึงสอบและเคลื่อนไหว สลับช้าและเร็ววนเวียนอยู่หลายครั้ง จนเขาทนไม่ไหวเมื่อความต้องการมันค่อนข้างพุ่งสูง จวบจนวินาทีสุดท้ายของการเคลื่อนไหวน้ำสีขาวขุ่นก็ไหลทะลักล้นออกมาเลอะที่นอน
ไม่เพียงแค่นั้นสามีที่น่ารักยังเลื่อนกายต่ำลงมาทำความสะอาดช่องสวาทให้ภรรยาที่หลับตาพริ้มหอบหายใจเหนื่อย
“อ๊ะ อ๊ะ”เขาดูดกลืนน้ำกามเข้าสู่ลำคออย่างไม่รังเกียจ หญิงสาวครางไม่ได้ศัพท์และยกสะโพกรับลิ้นหนาด้วยความเต็มใจ
“มีลูกให้ผมเร็วๆนะ”ริมฝีปากประทับจูบลงที่หน้าผากมน แสดงความรักและหวงแหนยอดดวงใจ
วายุเขยิบกายออกห่าง ลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายที่เหนียวเหนอะหนะจากเหงื่อที่ไหลตอนทำกิจกรรม เขาแช่ตัวอยู่ในอ่างราวสิบนาทีไล่ความเมื่อยล้าและคลานขึ้นเตียงในเวลาต่อมา…
เช้าวันถัดมา…
รถยนต์วายุขับเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าตึกเอกชนแห่งหนึ่ง สามีมาส่งภรรยาที่หน้าบริษัทเอกชน บริษัทของพี่ชายฝาแฝดโดยปกติช่อขมิ้นจะนั่งรถออกมาทำงานเอง พอเมื่อเช้าเขาเกิดเปลี่ยนใจอยากจะมาหาพี่ชายถือโอกาสนี้มาส่งภรรยาทำงาน เขาเดินโอบเอวบางเข้าไปในตัวตึก กดชั้นที่พี่ชายและช่อขมิ้นทำงาน สายตาของคนในออฟฟิตและเพื่อนร่วมฝ่ายต่างมองพวกเขาเป็นตาเดียว
“สามียัยช่อ น้องบอสใช่ไหมแก”พนักงานหญิงซุบซิบเมื่อพวกเขาเดินผ่าน สายตาเป็นประกายมองอิจฉาช่อขมิ้น
“ใช่แก หล่อเป็นบ้าเลย”พนักงานอีกคนกล่าวพร้อมกับชะเง้อคอมองตาม
“อิจฉายัยช่อจริงๆ”ผู้อาวุโสกว่าแม่สองสาวเอ่ยแทรกขึ้น แววตาของเธอนั้นปลื้มปริ่มแทนรุ่นน้องคนนี้ เธอมีชีวิตที่สุขสบายกับเขาสักที ทว่าคำชมเหล่านั้นกลับทำให้คนอิจฉาเกิดอาการหมั่นไส้
“ยัยนี่ไม่เห็นจะสวยเลย ทำไมคุณวายุถึงคว้าเอามาทำเมีย”และอีกคนก็พูดแรงชนิดไม่ให้เกียรติกัน แววตาฉายความชิงชังหลังบางนั่นที่มือหนาสามีโอบรอบตลอด
“นั่นสิ หน้าตาก็บ้านๆ ตัวก็เตี้ย”พูดแล้วหัวเราะชอบใจที่เหยียดรูปร่างช่อขมิ้น
“บอสก็อีกคน เอ็ดดูแม่นี่จนเกินไป”
“ฉันได้ยินเขาลือกัน ว่าแฝดพี่หลงรักน้องสะใภ้”สองคนนินทาอย่างสนุกปาก ไม่สนเลยว่าความคะนองของปากตัวเองจะสร้างเรื่องเสียหายให้แด่คนอื่น
“ระวังปากดีๆ พูดจาแบบนี้ช่อมาได้ยินพวกหล่อนจะตกงาน”รุ่นพี่ทิ้งทวนก่อนจะเดินไปนั่งประจำที่เตรียมตัวทำงาน แม่สองสาวยังคงยืนนินทาช่อขมิ้นและแซะรูปร่างของเธอ ด่าว่าเตี้ยหน้าปลวก สวยก็ไม่สวย บ้านนอกแต่งตัวก็เชย ไม่รู้ว่าทำของต่ำใส่สองพี่น้องคู่นี้หรือเปล่า
“ฉันว่ามันต้องเล่นของใส่”
“คิดเหมือนกันเลย”เห็นดีเห็นงามตามกันทุกอย่าง
“พวกขี้อิจฉา”เสียงนี้เป็นของฟ้าใสเอง หล่อนยืนฟังแม่สองตัวนี้พูดว่าให้เพื่อนหล่อนมาสักระยะละ
“ใคร? เธอว่าใครฟ้าใส”
“ร้อนตัวก็รับไปสิ”ฟ้าใสยียวนสองคนนั้น
“เชอะ!”ละอีกคนยังไม่สำนึกยืนเบะปากใส่
“พวกเพื่อนกิ่งกาได้ทองก็เงี่ย”ว่าจบก็จะหนีทว่า...
“ด่าเพื่อนกูแล้วจะเดินหนี”ฟ้าใสเดินเข้าหาพนักงานปากดี จ้องมองอย่างคนเอาเรื่อง
“ฟ้าอย่าใช้คำหยาบ”ดาวเตือนเพื่อนให้ระวังในการปล่อยคำหยาบ ที่นี่มีกฎห้ามพนักงานใช้คำหยาบคายสนทนาหรือว่าร้ายใส่กัน เพราะโทษของมันคือการถูกไล่ออก โดยไม่รอการพิจารณาว่าใครเริ่มก่อน
“ไปทำงานดีกว่า”แม่คนเเรกหลีกเลี่ยงการปะทะ เพราะยังไงเธอก็สู้ฝีปากยัยหมาบ้าคนนี้ไม่ได้ ส่วนอีกคนยืนตาขาวหน้าเจื่อนเตรียมก้าวหนี
“เอ่อ รอฉันด้วย ว้าย”หล่อนถูกฟ้าใสขัดขาจนล้มหน้าทิ่ม
“เธอแกล้งเพื่อนฉัน”ปราดเข้ามาประคองร่างเพื่อน
“ฉันเจ็บ”อีกคนก็ร้องบ่นว่าเจ็บ
“เพื่อนเธอล้มเองนะ”หล่อนยืนไหวไหล่ไม่สะท้านในความผิดตัวเอง ใครใช้ให้มาด่าช่อขมิ้นเพื่อนรักของเธอก่อน ปากหมาก็ต้องเจอซะบ้าง จะได้เลิกเที่ยวกัดจิกชาวบ้านเขา
“ฉันจะฟ้องบอส”เพื่อนคนเจ็บพูดขู่
“เอาเซ กูก็อยากฟ้อง ว่ามึงสองตัวด่าน้องสะใภ้เขาว่าอะไร”
“ฟ้าไม่เอา อย่ามีเรื่อง”คนไม่ชอบความรุนแรงเข้ามาดึงแขนเพื่อน มองไปรอบตัวมีสายตาหลายคู่จับจ้องกลุ่มพวกเธออยู่
“นี่แว่น เธอไม่ได้ยินที่อีพวกนี้ว่าช่อหรือไง”ฟ้าใสหน้าดุใส่ดาวพาลหงุดหงิด
“หมาบ้า เธอคบคนเเบบนี้เป็นเพื่อนได้ไงดาวนิล”ดูเหมือนการโต้วาทีจะไม่จบ เมื่ออีกฝ่ายก็เริ่มจะอยากแลก
“เสือกไรด้วย”ฟ้าใสหลุดคำหยาบหลายครั้งแต่เสียงเปล่งของเธอดังแผ่วเบา ถ้าฝ่ายบุคคลไม่ได้ยินก็ไม่เป็นไร
“พูดคำหยาบ ฉันจะฟ้องอีเอสซี”
“อีลูกช่างฟ้อง เอะอะฟ้อง”คราวนี้ฟ้าใสเริ่มวางมวย กำลังพับแขนเสื้อไม่เกรงใจชุดสวยที่ใส่มาวันนี้
“อีบ้าจะทำอะไร”สองสาวชักเริ่มกลัว อีกอย่างไม่อยากมีเรื่องให้ถูกไล่ออก จึงรีบพากันเพ่นหนีเข้าแผนกตัวเองไป
“ไม่แน่จริงนี่หว่า กลับมาดิวะ”
“ช่างพวกนี้เถอะนะ”ดาวนิลลากแขนของฟ้าใสให้เดินตามเธอมาอายสายตาคนทั้งอาคารจะแย่ หน้าเธอบางไม่หนาเท่าฟ้าใสหรอกนะ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ อีพวกขี้อิจฉา”ขนาดว่าเดินมาถึงแผนกตัวเองคนหัวร้อนอย่างฟ้าใสก็ไม่วายหยุดบ่น กระทั่งช่อขมิ้นเดินออกมาจากห้องประธานบริษัท
“ฟ้าทำไมหน้าหักอย่างนั้นล่ะ”เธอถามเพราะฟ้าใสนั่งกอดอกคิ้วชิดกันเป็นปม
“ก็คนพวกนั้นสิ มาด่าช่อ”
“เอ๋? ใครกัน”เจ้าตัวถามเนื่องจากไม่เคยมีศัตรู่ที่ไหนเลย แล้วคนพวกนั้นที่ว่าต้องการอะไรจากเธอ
“แผนกตรวจสอบน่ะช่อ อย่าใส่ใจเลย”ดาวนิลตอบแทนฟ้าใส
“ไม่ใส่ใจได้ยังไงดาว มันด่าทอเพื่อนเรานะ”คนไม่ยอมยังคงมีอารมณ์ปรี๊ด
“ก็ดาวไม่อยากให้ช่อคิดมาก”ยัยแว่นหนาพูดพร้อมขยับแว่น
“คิดมาก? ช่อไม่คิดมากหรอกดาว”ช่อขมิ้นเชื่ออย่างนั้น
“เห็นไหมฟ้า ช่อยังคิดเหมือนเราเลย”ดาวนิลหันมาพูดย้ำกับฟ้าใส
“นางฟ้าอย่างเธอ จะไปรู้อะไรดาว คนพวกนั้นวันๆไม่ทำห่าอะไรหรอก เอาแต่นั่งนินทาว่าร้ายคนอื่น”ช่อได้ฟังถึงกับตกใจ
“ช่ออยู่ของช่อดีๆนะ”ไม่เคยว่าร้ายหรือหน้าบึ้งใส่ใครด้วยซ้ำ ยิ่งเพื่อนต่างฝ่ายยิ่งต้องยิ้มเพื่อสร้างมิตรไมตรี อย่างน้อยคนในองค์กรเดียวกัน
“หายใจแกก็ผิดช่อ อีพวกนั้นมันอิจฉา”
“อิจฉาช่อ”
“ใช่ไง ฟ้าได้ยินเต็มสองรูหูเลย”
“ไม่เอาน่าฟ้า คนพวกนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจ”ดาวนิลเสริมขึ้นทว่าช่างขัดหูของฟ้าใสเสียจริงๆ หล่อนมองแม่นางฟ้าที่นั่งตัวแข็งทื่อราวกับศิลาหินสัก