“มองโลกสวยเกินไปไหมดาว เมื่อครู่เธอก็เห็นท่าทางของสองตัวนั่น”ไหนจะคำพูดจาที่ดูแคลนช่อขมิ้น แววตาริษยาที่ฉายเด่นชัดขนาดนั้น ใครมาได้ยินก็หัวร้อน อยากเข้าไปตบปากให้เลือดออก
“เห็นก็จริงแต่...”
“ไม่ปกป้องช่อ”ฟ้าใสคนเจ้าแค้นส่วนขึ้น
“ดาวก็พูดไปตามที่เห็น ฟ้าไม่น่าไปขัดขาเขาล้มเลย”พูดเหมือนฟ้องให้ช่อขมิ้นเคืองฟ้าใส
“จะบอกว่าแม่พวกนั้นมาดีงั้นสิ”พูดแล้วหล่อนของขึ้นอีกระลอก
“พอเถอะ ช่างพวกเขา”ช่อขมิ้นเลยห้ามศึกระหว่างเพื่อน
“ช่อต้องฟ้องพี่วาตะนะ ให้ไล่พวกมันออก”นั่นก็คือบอสสุดหล่อของพวกเธอ
“ไปกันใหญ่แล้วฟ้า”ดาวนิลแย้ง
“เงียบปากเลยดาว อ่อนแบบเนี่ยจะไปรู้สึกอะไร”คนถูกเหน็บหน้าสลดพร้อมกับนั่งเงียบ
“พอเลย ฟ้าดาว เราไม่แคร์คนพวกนั้นเขามีปากจะพูดก็พูดไป ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา”เมื่อเจ้าตัวเอ่ยขึ้นบทสนทนาทุกอย่างจึงหยุดไว้แค่นั้น ก่อนจะแยกย้ายกันทำงานของใครของมัน
“น้องมาหาพี่ถึงที่นี่ มีเรื่องสำคัญจะพูดงั้นสิ”วาตะแฝดพี่กล่าวขึ้นเมื่อเห็นน้องชายมาหา ปกติมันต้องรีบเข้าบริษัทใหญ่ที่เป็นธุรกิจของบ้าน เขากับน้องชายช่วยกันบริหารอยู่แต่วายุจะดูแลมากกว่า บิดาตั้งใจจะยกบริษัทนี้ให้ลูกคนเล็กเนื่องจากว่าแฝดพี่มีธุระกิจเป็นของตัวเอง และตอนนี้มันก็ไปได้สวยซะด้วย
“ผมมาหาพี่ ต้องมีเรื่องด้วยเหรอวะ”คนเป็นน้องตอบออกไป
“นึกว่ามีเรื่อง น้องคิดถึงพี่งั้นสิ”
“ก็ไม่เชิง เมื่อวานขอบคุณที่โทรบอก”เพราะมีเงื่อนไขว่าถ้าให้ภรรยาเขาทำงานที่นี่ วาตะจะต้องช่วยดูแลในเรื่องการรับประทานอาหารของช่อขมิ้น ภรรยาของเขามีโรคประจำตัว ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ไม่ได้แข็งแรงเหมือนคนอื่น
“พี่สัญญากับน้องไว้ ยังไงก็ไม่มีทางลืม”
“ผมคิดถึงพี่ด้วยแหละ เลยแวะมาหา”
“ให้ตายสิ น้องรักคิดถึงพี่แต่ไม่ยักจะชวนเข้าบ้าน”นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่วาตะไม่พอใจ เขาอยากไปเยี่ยมน้องชายกับช่อขมิ้น อยากร่วมรับประทานอาหารด้วยกันสักมื้อ เหมือนเมื่อก่อนตอนที่น้องชายยังไม่แต่งงาน
“พี่รู้อยู่แก่ใจว่าทำไมผมถึงไม่ชอบให้พี่ไปที่บ้าน”อย่าให้เขาต้องพูดเลย แค่ใจกว้างให้ภรรยาแสนรักทำงานด้วยก็รู้สึกพะวงจะแย่ ยังอยากจะไปร่วมโต๊ะอาหารที่บ้านอีก
“แต่นายก็แต่งงานกับช่อแล้ว จะกลัวอะไร”เขาบอกอย่างนั้นเพื่อให้น้องชายสบายใจ
“แววตาของพี่มันฟ้องนะ ผมแค่ไม่อยากพูด”คนพูดและสังเกตเห็นมาบ่อยครั้ง พี่ชายแอบรักเมียของน้องชายใครรู้คงเอาไปนินทาจนสนุกปาก
“วายุ น้องกำลังมองพี่ในแง่ร้ายนะ”แม้ว่าความจริงจะใช่ก็ตาม เขาต้องเก็บอาการไม่แสดงออกมาให้น้องชายต้องรู้สึกแย่ เขาไม่อยากให้น้องชายเกลียด
“กันไว้ดีกว่าแก้ ผมขอตัว”
“เดี๋ยววายุ...”เขาเรียกน้องชายแต่คงไม่ทัน น้องชายเขาเดินออกจากห้องไปก่อนเสียแล้ว วาตะไม่รู้ตัวเองว่ามองช่อขมิ้นด้วยแววตาห่วงหา เขาเผลอมองจนน้องชายจับได้
“บ้าจริง แล้วมันจะให้ช่อออกจากงานไหมเนี่ย”
กลายเป็นความเครียดเข้ามาครอบคลุม วาตะกังวลว่าน้องชายจะบังคับช่อขมิ้นให้ลาออกไปอยู่บ้านเฉยๆ หรือไม่ก็ต้องให้ไปทำงานใกล้ตัว ซึ่งเขาก็ยืนยันที่จะไม่ยอมเหมือนกัน แม้นไม่ได้ถูกเลือกให้ยืนอยู่ข้างกาย อย่างน้อยเขาก็ขอหวังเล็กๆที่จะดูแลใกล้ๆให้หัวใจได้ชุ่มช่ำ เพื่อต่อลมหายใจของเขาให้มีชีวิตอยู่ได้ในวันต่อไป...
น้องชายประธานบริษัทถอนหายใจทิ้งอย่างหนักด้วยความรู้สึกอึดอัดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูด แต่ทว่ามันอดที่จะไม่พูดและเหน็บพี่ชายฝาแฝดของตัวเองไม่ได้ทุกครั้ง
เขาไม่ได้อยากจะมาเหยียบที่นี่สักเท่าไหร่หรอก แต่พอเขาก้าวออกมาพ้นวายุก็รีบปรับสีหน้าและอารมณ์ให้เหมือนปกติเพื่อที่ภรรยาและคนอื่น ๆ จะได้ไม่สนใจ
เขายืนมองภรรยาที่นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น แววตาที่มองนั้นบ่งบอกถึงความรักและห่วงใยซะเหลือเกิน เขาเคยเจ้าชู้มากขนาดไหน ผู้หญิงคนนี้ก็อ้าแขนรับและอภัยให้ตัวเองตลอดมา จังหวะที่ชายหนุ่มเตรียมจะก้าวไปหาภรรยาดันชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ
พลั่กก...
วายุรีบคว้าแขนของพนักงานสาวรายนั้นเมื่อเธอกำลังจะล้มหงายหลังด้วยแรงกระแทกจากร่างแข็งแรงของเขา
“เป็นไรไหมครับ”เขาถามเพราะเป็นต้นเหตุก่อนจะช่วยเก็บแฟ้มและข้าวของที่ตกอยู่บนพื้นให้เธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ”เสียงใส ๆกล่าวสั่น ๆระคนตระหนกในหัวใจรีบเก็บแฟ้มงานแล้วยืนขึ้น วายุส่งแฟ้มให้เธอก่อนจะตกใจที่เป็นคนคุ้นเคย
“อ้าวคุณดาวนี่เอง”
“ใช่ค่ะ ดาวเอง”เธอยิ้มบาง ๆส่งให้วายุ
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ผมไม่ทันมองเลยชนคุณ”เขาถามอย่างห่วงใยในฐานะคนรู้จักที่ไม่สนิทอะไร เธอคือเพื่อนของช่อขมิ้นเขาพอจะจำได้
“ดาวเดินไม่มองเองค่ะ เลยชนพี่ เอ่อ...”
“พี่ก็ได้ไม่เป็นไรหรอก”ความเป็นกันเองและไม่ชอบสรรพนามว่าคุณเลยไม่รังเกียจหากเพื่อนภรรยาจะเรียกเขาว่าพี่
“นี่ดาว ยังไม่ไปถึงไหนอีก”ฟ้าใสเดินเข้ามาขัดบทสนทนาของทั้งคู่ เธอเห็นดาวนิลยืนกอดแฟ้มเอกสารที่ต้องส่งให้บอสด่วนเลยมาตามเฉยๆ ทั้งที่ไม่ค่อยอยากจะมาเจอหน้าคนบางคนสักนิด
“กำลังจะไปนี่ไง”ดาวนิลพูดพลางก้มหน้าแล้วขอตัวเข้าไปส่งเอกสารให้เจ้านาย ทีนี้ก็เหลือคนไม่ชอบหน้าซึ่งในตอนนี้ต่างก็ยืนจ้องเขม็งราวกับคนจะเปิดศึก
“หน้าพี่มีอะไรติดหรือไงฟ้าใส”กลายเป็นวายุทักเธอขึ้นมาก่อน ฟ้าใสมองเขาอย่างตงิดใจในคำพูดที่สวยหรูแทนตัวเองว่าพี่
“ไม่มีนิ”เธอตอบวายุห้วน ๆ เธอไม่ชอบขี้หน้าเป็นทุนเดิมพอเห็นท่าทีกวน ๆยิ่งทำให้เธอเกลียดเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
“พี่จะฟ้องช่อ ที่เธอพูดจาไม่ดีใส่”เขาพูดอย่างไม่เอาจริงนัก กิริยาที่ฟ้าใสแสดงใส่นั้นวายุทราบดีว่าเธอไม่ชอบหน้าผู้ชายอย่างเขา คงเจ็บใจแทนเพื่อนที่ครั้งหนึ่งเคยทำไม่ดีจนช่อขมิ้นมีน้ำตาและเขาเกือบสูญเสียความรักอันยิ่งใหญ่ ดีที่ยังมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเอง
“คิดว่าแต่งงานกับช่อแล้วฉันจะมองคุณเป็นคนดีสินะ”เกลียดยังไงหล่อนก็ยังเกลียดอย่างนั้น ไม่เคยมองผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าชาย อย่างเขาคือปีศาจร้ายเสียมากกว่าถึงจะเหมาะ
“มองพี่ไม่เคยดีเลยสินะ”
“มันไม่ใกล้สักนิดสำหรับคนเลวอย่างคุณ”เธอว่าแค่นั้นหมุนตัวเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน แต่เธอก็แวะมาคุยกับช่อขมิ้น
“ยังแสบเหมือนเดิมเลยนะ”วายุว่าตามหลังมองร่างบางระหงที่ยืนคุยกับช่อขมิ้น แน่นอนว่าวายุต้องเดินเข้ามาหาภรรยาก่อนจะไปทำงาน
“ผมไปก่อนนะ ตอนเย็นจะรีบมา”
“ขับรถดีๆนะคะ ช่อเป็นห่วง”ภรรยาที่รักลุกขึ้นยืน
“ครับผม”เขาหอมแก้มนวลของภรรยาที่รักท่ามกลางสายตาของฟ้าใสที่อยากจะอ้วก ไม่ได้รู้สึกเหม็นความรักของเพื่อนที่มีต่อสามี แต่เธอเหม็นคำพูดที่อาบยาพิษนั่นต่างหาก
“รีบๆไปเถอะค่ะ พี่วายุ”ฟ้าใสกัดฟันพูดเรียกเขาว่าพี่ หล่อนไล่สามีของเพื่อนให้ไปทำการทำงานได้แล้ว วายุไม่ได้ตอบโต้หรือแสดงสีหน้าไม่พอใจอะไรยอมกลับไปแต่โดยดี