ตอนที่ 6

1420 คำ
“มองโลกสวยเกินไปไหมดาว เมื่อครู่เธอก็เห็นท่าทางของสองตัวนั่น”ไหนจะคำพูดจาที่ดูแคลนช่อขมิ้น แววตาริษยาที่ฉายเด่นชัดขนาดนั้น ใครมาได้ยินก็หัวร้อน อยากเข้าไปตบปากให้เลือดออก “เห็นก็จริงแต่...” “ไม่ปกป้องช่อ”ฟ้าใสคนเจ้าแค้นส่วนขึ้น “ดาวก็พูดไปตามที่เห็น ฟ้าไม่น่าไปขัดขาเขาล้มเลย”พูดเหมือนฟ้องให้ช่อขมิ้นเคืองฟ้าใส “จะบอกว่าแม่พวกนั้นมาดีงั้นสิ”พูดแล้วหล่อนของขึ้นอีกระลอก “พอเถอะ ช่างพวกเขา”ช่อขมิ้นเลยห้ามศึกระหว่างเพื่อน “ช่อต้องฟ้องพี่วาตะนะ ให้ไล่พวกมันออก”นั่นก็คือบอสสุดหล่อของพวกเธอ “ไปกันใหญ่แล้วฟ้า”ดาวนิลแย้ง “เงียบปากเลยดาว อ่อนแบบเนี่ยจะไปรู้สึกอะไร”คนถูกเหน็บหน้าสลดพร้อมกับนั่งเงียบ “พอเลย ฟ้าดาว เราไม่แคร์คนพวกนั้นเขามีปากจะพูดก็พูดไป ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา”เมื่อเจ้าตัวเอ่ยขึ้นบทสนทนาทุกอย่างจึงหยุดไว้แค่นั้น ก่อนจะแยกย้ายกันทำงานของใครของมัน “น้องมาหาพี่ถึงที่นี่ มีเรื่องสำคัญจะพูดงั้นสิ”วาตะแฝดพี่กล่าวขึ้นเมื่อเห็นน้องชายมาหา ปกติมันต้องรีบเข้าบริษัทใหญ่ที่เป็นธุรกิจของบ้าน เขากับน้องชายช่วยกันบริหารอยู่แต่วายุจะดูแลมากกว่า บิดาตั้งใจจะยกบริษัทนี้ให้ลูกคนเล็กเนื่องจากว่าแฝดพี่มีธุระกิจเป็นของตัวเอง และตอนนี้มันก็ไปได้สวยซะด้วย “ผมมาหาพี่ ต้องมีเรื่องด้วยเหรอวะ”คนเป็นน้องตอบออกไป “นึกว่ามีเรื่อง น้องคิดถึงพี่งั้นสิ” “ก็ไม่เชิง เมื่อวานขอบคุณที่โทรบอก”เพราะมีเงื่อนไขว่าถ้าให้ภรรยาเขาทำงานที่นี่ วาตะจะต้องช่วยดูแลในเรื่องการรับประทานอาหารของช่อขมิ้น ภรรยาของเขามีโรคประจำตัว ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ไม่ได้แข็งแรงเหมือนคนอื่น “พี่สัญญากับน้องไว้ ยังไงก็ไม่มีทางลืม” “ผมคิดถึงพี่ด้วยแหละ เลยแวะมาหา” “ให้ตายสิ น้องรักคิดถึงพี่แต่ไม่ยักจะชวนเข้าบ้าน”นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่วาตะไม่พอใจ เขาอยากไปเยี่ยมน้องชายกับช่อขมิ้น อยากร่วมรับประทานอาหารด้วยกันสักมื้อ เหมือนเมื่อก่อนตอนที่น้องชายยังไม่แต่งงาน “พี่รู้อยู่แก่ใจว่าทำไมผมถึงไม่ชอบให้พี่ไปที่บ้าน”อย่าให้เขาต้องพูดเลย แค่ใจกว้างให้ภรรยาแสนรักทำงานด้วยก็รู้สึกพะวงจะแย่ ยังอยากจะไปร่วมโต๊ะอาหารที่บ้านอีก “แต่นายก็แต่งงานกับช่อแล้ว จะกลัวอะไร”เขาบอกอย่างนั้นเพื่อให้น้องชายสบายใจ “แววตาของพี่มันฟ้องนะ ผมแค่ไม่อยากพูด”คนพูดและสังเกตเห็นมาบ่อยครั้ง พี่ชายแอบรักเมียของน้องชายใครรู้คงเอาไปนินทาจนสนุกปาก “วายุ น้องกำลังมองพี่ในแง่ร้ายนะ”แม้ว่าความจริงจะใช่ก็ตาม เขาต้องเก็บอาการไม่แสดงออกมาให้น้องชายต้องรู้สึกแย่ เขาไม่อยากให้น้องชายเกลียด “กันไว้ดีกว่าแก้ ผมขอตัว” “เดี๋ยววายุ...”เขาเรียกน้องชายแต่คงไม่ทัน น้องชายเขาเดินออกจากห้องไปก่อนเสียแล้ว วาตะไม่รู้ตัวเองว่ามองช่อขมิ้นด้วยแววตาห่วงหา เขาเผลอมองจนน้องชายจับได้ “บ้าจริง แล้วมันจะให้ช่อออกจากงานไหมเนี่ย” กลายเป็นความเครียดเข้ามาครอบคลุม วาตะกังวลว่าน้องชายจะบังคับช่อขมิ้นให้ลาออกไปอยู่บ้านเฉยๆ หรือไม่ก็ต้องให้ไปทำงานใกล้ตัว ซึ่งเขาก็ยืนยันที่จะไม่ยอมเหมือนกัน แม้นไม่ได้ถูกเลือกให้ยืนอยู่ข้างกาย อย่างน้อยเขาก็ขอหวังเล็กๆที่จะดูแลใกล้ๆให้หัวใจได้ชุ่มช่ำ เพื่อต่อลมหายใจของเขาให้มีชีวิตอยู่ได้ในวันต่อไป... น้องชายประธานบริษัทถอนหายใจทิ้งอย่างหนักด้วยความรู้สึกอึดอัดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูด แต่ทว่ามันอดที่จะไม่พูดและเหน็บพี่ชายฝาแฝดของตัวเองไม่ได้ทุกครั้ง เขาไม่ได้อยากจะมาเหยียบที่นี่สักเท่าไหร่หรอก แต่พอเขาก้าวออกมาพ้นวายุก็รีบปรับสีหน้าและอารมณ์ให้เหมือนปกติเพื่อที่ภรรยาและคนอื่น ๆ จะได้ไม่สนใจ เขายืนมองภรรยาที่นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น แววตาที่มองนั้นบ่งบอกถึงความรักและห่วงใยซะเหลือเกิน เขาเคยเจ้าชู้มากขนาดไหน ผู้หญิงคนนี้ก็อ้าแขนรับและอภัยให้ตัวเองตลอดมา จังหวะที่ชายหนุ่มเตรียมจะก้าวไปหาภรรยาดันชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ พลั่กก... วายุรีบคว้าแขนของพนักงานสาวรายนั้นเมื่อเธอกำลังจะล้มหงายหลังด้วยแรงกระแทกจากร่างแข็งแรงของเขา “เป็นไรไหมครับ”เขาถามเพราะเป็นต้นเหตุก่อนจะช่วยเก็บแฟ้มและข้าวของที่ตกอยู่บนพื้นให้เธอ “ไม่เป็นไรค่ะ”เสียงใส ๆกล่าวสั่น ๆระคนตระหนกในหัวใจรีบเก็บแฟ้มงานแล้วยืนขึ้น วายุส่งแฟ้มให้เธอก่อนจะตกใจที่เป็นคนคุ้นเคย “อ้าวคุณดาวนี่เอง” “ใช่ค่ะ ดาวเอง”เธอยิ้มบาง ๆส่งให้วายุ “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ผมไม่ทันมองเลยชนคุณ”เขาถามอย่างห่วงใยในฐานะคนรู้จักที่ไม่สนิทอะไร เธอคือเพื่อนของช่อขมิ้นเขาพอจะจำได้ “ดาวเดินไม่มองเองค่ะ เลยชนพี่ เอ่อ...” “พี่ก็ได้ไม่เป็นไรหรอก”ความเป็นกันเองและไม่ชอบสรรพนามว่าคุณเลยไม่รังเกียจหากเพื่อนภรรยาจะเรียกเขาว่าพี่ “นี่ดาว ยังไม่ไปถึงไหนอีก”ฟ้าใสเดินเข้ามาขัดบทสนทนาของทั้งคู่ เธอเห็นดาวนิลยืนกอดแฟ้มเอกสารที่ต้องส่งให้บอสด่วนเลยมาตามเฉยๆ ทั้งที่ไม่ค่อยอยากจะมาเจอหน้าคนบางคนสักนิด “กำลังจะไปนี่ไง”ดาวนิลพูดพลางก้มหน้าแล้วขอตัวเข้าไปส่งเอกสารให้เจ้านาย ทีนี้ก็เหลือคนไม่ชอบหน้าซึ่งในตอนนี้ต่างก็ยืนจ้องเขม็งราวกับคนจะเปิดศึก “หน้าพี่มีอะไรติดหรือไงฟ้าใส”กลายเป็นวายุทักเธอขึ้นมาก่อน ฟ้าใสมองเขาอย่างตงิดใจในคำพูดที่สวยหรูแทนตัวเองว่าพี่ “ไม่มีนิ”เธอตอบวายุห้วน ๆ เธอไม่ชอบขี้หน้าเป็นทุนเดิมพอเห็นท่าทีกวน ๆยิ่งทำให้เธอเกลียดเขามากขึ้นเรื่อย ๆ “พี่จะฟ้องช่อ ที่เธอพูดจาไม่ดีใส่”เขาพูดอย่างไม่เอาจริงนัก กิริยาที่ฟ้าใสแสดงใส่นั้นวายุทราบดีว่าเธอไม่ชอบหน้าผู้ชายอย่างเขา คงเจ็บใจแทนเพื่อนที่ครั้งหนึ่งเคยทำไม่ดีจนช่อขมิ้นมีน้ำตาและเขาเกือบสูญเสียความรักอันยิ่งใหญ่ ดีที่ยังมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเอง “คิดว่าแต่งงานกับช่อแล้วฉันจะมองคุณเป็นคนดีสินะ”เกลียดยังไงหล่อนก็ยังเกลียดอย่างนั้น ไม่เคยมองผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าชาย อย่างเขาคือปีศาจร้ายเสียมากกว่าถึงจะเหมาะ “มองพี่ไม่เคยดีเลยสินะ” “มันไม่ใกล้สักนิดสำหรับคนเลวอย่างคุณ”เธอว่าแค่นั้นหมุนตัวเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน แต่เธอก็แวะมาคุยกับช่อขมิ้น “ยังแสบเหมือนเดิมเลยนะ”วายุว่าตามหลังมองร่างบางระหงที่ยืนคุยกับช่อขมิ้น แน่นอนว่าวายุต้องเดินเข้ามาหาภรรยาก่อนจะไปทำงาน “ผมไปก่อนนะ ตอนเย็นจะรีบมา” “ขับรถดีๆนะคะ ช่อเป็นห่วง”ภรรยาที่รักลุกขึ้นยืน “ครับผม”เขาหอมแก้มนวลของภรรยาที่รักท่ามกลางสายตาของฟ้าใสที่อยากจะอ้วก ไม่ได้รู้สึกเหม็นความรักของเพื่อนที่มีต่อสามี แต่เธอเหม็นคำพูดที่อาบยาพิษนั่นต่างหาก “รีบๆไปเถอะค่ะ พี่วายุ”ฟ้าใสกัดฟันพูดเรียกเขาว่าพี่ หล่อนไล่สามีของเพื่อนให้ไปทำการทำงานได้แล้ว วายุไม่ได้ตอบโต้หรือแสดงสีหน้าไม่พอใจอะไรยอมกลับไปแต่โดยดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม