บทนำ
♡ ทักทาย ♡
นักพรตหญิงขี้เมานางนั้น คือพระชายาข้า เรื่องแรกในซีรีส์ชุดเจ้าสาวมังกรเปิดตัวแล้วค่ะ ซีรีส์ชุดนี้มีทั้งหมดสามเรื่องนะคะ เป็นภาคต่อจากซีรีส์ชุด ครึ่งมารครึ่งเทพ แห่งเขาเทวะ ซึ่งก็คือ รุ่นลูกของศิษย์ทั้งเจ็ดคน แห่งเขาเทวะ (คุณนักอ่านสามารถ แยกกันอ่านได้ทุกเล่มอย่างสบายใจเลยค่ะ ไม่งง ไม่สับสนแน่นอน แต่หากอ่านครบทั้งหมด ก็ยิ่งเพิ่มความฟินยกกำลังสอง)
หากคุณกำลังตามหานิยายรักจีนโบราณ แฟนตาซีเล็ก ๆ ปลอดดรามา ผัวเดียวเมียเดียว พระเอกคลั่งรักขั้นสุด กับบทรักหวาน ๆ ฟินจิกหมอนแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำนักพรตหญิงขี้เมานางนั้น คือพระชายาข้าเลยค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง
เซียนสาวน้อยแห่งเขาเทวะ กับเจ้าตัวไร้ประโยชน์ของนาง จะพาคุณยิ้มไปทั้งเรื่อง
มาดูกันว่า ที่แท้แล้วหมูอันธพาล กับหัวผักกาดสดฉ่ำน่ากิน ใครถูกใครจับกินกันแน่ มีคำตอบรออยู่ด้านในแล้วค่ะ
หากส่วนหนึ่งส่วนใดในนิยายเรื่องนี้ มีข้อผิดพลาดประการใด ทางผู้แต่งต้องขออภัยเป็นอย่างสูง มา ณ ที่นี้
ด้วยรักและขอบคุณ ♡
Project X ♡
บทที่ 1
นักพรตหญิง
ค่ำคืนดึกสงัด ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ทำเอาฟางรั่วหยุนที่เพิ่งหลับไปได้ไม่นานสะดุ้งตื่น ในฤดูเหมันต์อันหนาวเหน็บ ทว่าใบหน้าหยกของเด็กหนุ่มกลับเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโตเต็มหน้าผาก
“รัชทายาทอาการกำเริบหรือ พ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อมตามหมอหลวงดีหรือไม่” เหลียงคุน พ่อบ้านชรา ที่เลี้ยงดูองค์รัชทายาทมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ กล่าวอย่างห่วงใยแฝงความกังวลอยู่หลายส่วน
“ไม่ต้อง” มือขาวซีดยกขึ้นปัดไรผมเปียกชื้นที่ตกลงมาอย่างไม่ไยดี
“ข้าไม่เป็นไร” รัชทายาทเอ่ยปลอบพ่อบ้านชรา ก่อนจะหลับตาลง เพื่อข่มความเจ็บปวดไม่ให้เขาสังเกตเห็น
“ยาเทียบนี้ ยิ่งกินยิ่งอาการกำเริบ หรือว่าเรื่องนี้ พระองค์ควรจะทูลฝ่าบาทให้ทรงทราบ”
ยังไม่ทันที่รัชทายาทหนุ่ม เจ้าของตำหนักบูรพาจะได้เอ่ยตอบ เขาก็หมดสติไป และใครจะคิดว่า องค์ชายใหญ่ฟางรั่วหยุน รัชทายาทแคว้นฉิน จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย
♡
♡
3 ปีต่อมา
“เจ้าตัวไร้ประโยชน์ มีจดหมายของเจ้า”
มือขาวราวกับหยกรับจดหมายมาแต่โดยดี โดยไม่ได้ติดใจกับคำเรียกขาน ‘เจ้าตัวไร้ประโยชน์’ แต่อย่างใด
“ทำไม ใครเขียนจดหมายมาทวงหนี้อย่างนั้นหรือ”
เห็นเจ้าตัวไร้ประโยชน์อ่านจดหมายจบก็ไม่ยอมพูดยอมจา สตรีที่สูงเพียงแค่ไหล่ของเขา ก็ชะโงกหน้าเข้ามาดูจดหมายในมือของเขาอย่างเสียมารยาท
“บอกไว้ก่อนนะ ข้าไม่มีเงินให้เจ้ายืมหรอกนะ”
เห็นเจ้าตัวไร้ประโยชน์ยังไม่ยอมพูดยอมจา นักพรตหญิงขี้คร้านจะสนใจ นางเพียงนั่งยอง ๆ แล้วเอาเศษเหรียญทองแดงก้นกระเป๋า ออกมานับเล่นเหมือนที่ชอบทำเวลาว่าง
มือหนามองจดหมาย แล้วหันไปมองนักพรตหญิงที่ยากจนไม่ต่างจากขอทาน แล้วหันกลับมาสนใจจดหมายในมืออีกครั้ง หลังจากเรียบเรียงเรื่องราวในอดีต ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วพูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
“เซียนขี้เมา อยากไปเที่ยวเมืองหลวงบ้างหรือไม่”
“ชิ พูดผายลมอันใดเจ้าลูกเต่า ข้าอยู่บนเขาเทวะเป็นเซียนดี ๆ จะไปลำบากแย่งคนในเมืองหลวงหายใจทำไมกัน”
เซียวฮั่ว ที่ถูกเรียกว่าเซียนสาวขี้เมา ไม่ละสายตาจากกองเหรียญทองแดงของตนเสียด้วยซ้ำ
“ท่านนักพรตหญิง ไม่อยากไปเดินเล่นในวังหลวงสักครั้งหรือ” ชายหนุ่มยังคงหว่านล้อม
“เจ้าตัวไร้ประโยชน์ มัวแต่พูดจาอ้อมค้อมวกไปวนมาอยู่นั่นแหละ รีบพูดเรื่องสำคัญออกมา บิดาจะรีบลงเขาไปซื้อสุราแล้ว”
สตรีที่เพิ่งปักปิ่น แถมอายุน้อยกว่าเขาถึงห้าปี กลับเรียกตัวเองว่าบิดาอย่างคล่องปาก นางจะใช่นักพรตหญิงแห่งเขาเทวะ เขาศักดิ์สิทธิ์ที่ว่ากันว่ามีเทพเซียนสถิตอยู่จริงหรือ ฟางรั่วหยุนได้แต่มองแม่นางน้อยอย่างแคลงใจ
“นี่ไม่ใช่จดหมาย แต่เป็นพระราชโองการ!”
ฟางรั่วหยุนแกว่งมือที่ถือจดหมาย แล้วยื่นไปตรงหน้าสตรีขี้เมาอย่างต้องการเรียกร้องความสนใจ
“อืม” เรื่องทำให้ผู้อื่นต้องโมโหจนอกแตกตาย เป็นเรื่องที่เซียวฮั่ว เซียนสาวขี้เมาเชี่ยวชาญเป็นอันดับหนึ่ง แต่ฟางรั่วหยุนที่อยู่กับนางมาถึงสามปี กลับคุ้นเคยดี
อืม… ของเซียวฮั่ว แปลว่านางรับรู้แล้ว เข้าใจแล้ว
“เจ้าจะไปกับข้าไหม” คำถามนี้ฟางรั่วหยุนถึงกับใช้กำลังใจที่มีทั้งหมดถามออกไป
“เจ้าตัวไร้ประโยชน์ เจ้ายังจะมีหน้ามาถามอีก”
ฝ่ายหญิงตอบเสียงสะบัดขึ้นจมูก หากว่าตอนนี้ไม่ติดภารกิจสำคัญ อย่างการนับเศษเหรียญทองแดงเพื่อรวบรวมไปซื้อสุรา ฮั่วฮั่วคงได้ลุกขึ้นเท้าเอว ชี้หน้าด่าเขาไปแล้ว
“ฮั่วฮั่ว ไปด้วยกันเถอะ เจ้าอยู่คนเดียวบนเขาเทวะ เงียบเหงาเกินไป”
“ข้าผู้เป็นนักพรต...รักความสงบ”
เซียนสาวขี้เมาที่ย่องลงเขาเพื่อไปซื้อสุรา ยังกล้าเรียกตัวเองว่านักพรตหญิงผู้รักความสงบ นับว่าหน้าหนาเป็นอย่างยิ่ง
“ไป ๆ เจ้าตัวไร้ประโยชน์ รีบไปติดเตาก่อฟืน ข้าหิวข้าวแล้ว” พูดจบเซียนสาวในชุดนักพรตเก่ามอซอ ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินไปห้องครัว
“อ้าว ๆ มัวแต่ยืนเซ่ออยู่นั่นแหละ ถ้าภายในครึ่งเค่อนี้ เจ้ายังไม่ยอมไปก่อไฟ เช่นนั้นมื้อนี้ เจ้าก็เตรียมอดข้าวได้เลย”
“ฮั่วฮั่ว” เซียวฮั่วแสร้งชักสีหน้า เมื่อถูกบุรุษหนุ่มรูปงามดึงชายเสื้อของตนไว้ แล้วเรียกนางด้วยเสียงลูกหมาครางหงิง ๆ
“อย่าดึงแรง เสื้อข้าเก่าแล้ว ผ้ายิ่งเปื่อย ๆ อยู่ด้วย เดี๋ยวจะขาดติดมือเจ้าไปกันพอดี”
“ข้าจะไปก่อไฟติดเตา แต่เจ้าต้องรับปากมาก่อน ว่าจะกลับเมืองหลวงไปพร้อมข้า”
“ข้า หิว ข้าว” เซียวฮั่วพูดย้ำทีละคำอย่างรำคาญ
“ที่วังหลวงมี ‘สุราสือจิ่ว’”
โบราณว่า ตีงูต้องตีตรงตำแหน่งสามชุ่น แผนการอันแยบยล ถูกฟางรั่วหยุนรีบงัดออกมาใช้
“มีสุราสือจิ่ว นึกว่ารวยหรืออย่างไร ก็แค่สุราดอกท้อหมักสิบปี จะนับเป็นอะไรได้”
ฟางรั่วหยุนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ นิสัยย่ำแย่อย่างเซียนขี้เมา หากไม่สนใจ มีหรือจะมาพูดต่อปากต่อคำให้เปลืองน้ำลาย
“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ ตอนแรกข้าว่าจะบอกเจ้าว่า ที่ตำหนักบูรพาของข้า มีสุราอู่เหลียงเย่ (***) [1] อยู่ไหหนึ่ง แต่ข้าว่าเจ้าคงไม่สนใจแล้ว”
เป็นอย่างที่คิดไว้ พอได้ยินชื่อสุดยอดสุรา เซียนสาวขี้เมาก็ตาโต สนใจขึ้นมาในทันที
“บอกเงื่อนไขของเจ้ามา สุราอู่เหลียงเย่แลกกับอะไร”
ฮั่วฮั่วเป็นนักพรตหญิงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในหุบเขาเทวะ นางไม่คิดว่าจะมีขนมเปี๊ยะไส้เนื้อตกมาจากฟากฟ้าง่าย ๆ แค่เจ้าตัวไร้ประโยชน์ อ้าปากชวนนางไปเมืองหลวง นางก็คิดไว้แล้วว่าไม่มีเรื่องง่ายดายเพียงนี้เป็นแน่
ฟางรั่วหยุนถอนหายใจอย่างหนักใจ เซียนสาวขี้เมาช่างฉลาดเฉลียวเกินคนนัก หลอกไม่ง่ายเลยจริง ๆ
“เชิญท่านนักพรตหญิง ลองอ่านดูเถอะขอรับ”
เซียวฮั่วปัดมือกับกระโปรงนักพรตเก่า ๆ ของนาง แล้วรับราชโองการที่เขียนอยู่บนผ้าไหมเนื้อดีมาอ่าน อ่านจบนางก็ปากลับไปกระแทกอกฟางรั่วหยุนในทันที
“ตัวบัดซบ! บังอาจคิดจะหลอกบิดาไปเชือดที่เมืองหลวง ข้าไม่มีทางไปลงนรกกับเจ้าอย่างเด็ดขาด”
“แล้วหากแลกกับห้าสุราของใต้หล้าเล่า อย่างเหมาไถ (**) อู่เหลียงเย่ (***) เฝินจิ่ว (**) จู๋เย่ชิง (***) อ้อแล้วที่สำคัญ สุราเจียฟ่านจิ่ว (***)ว่ากันว่า เพียงเปิดขวด เจียฟ่านจิ่วจะส่งกลิ่นหอมไปไกลถึงสิบลี้ สุราที่หายสาบสูญไปนานกว่าหนึ่งร้อยปีแล้วชนิดนี้ หากว่าข้าจำไม่ผิด เหมือนที่ตำหนักฮ่าวเทียนของฝ่าบาท จะมีสุราเจียฟ่านจิ่วอยู่หนึ่งขวดเล็กนะ”
“เจ้าไม่ได้โกหกข้าแน่นะ”
เห็นเซียวฮั่วตาเป็นประกาย เลียปากเลียคออย่างเปรี้ยวปาก เท่านี้รัชทายาทฟางรั่วหยุนก็รู้แล้วว่า แผนการในครั้งนี้สำเร็จไปมากกว่าครึ่ง
“อีกสิบวันออกเดินทาง” ฟางรั่วหยุนพูดเพียงเท่านี้ ก็เตรียมสะบัดก้นเดินจากไปอย่างคนมีแต้มต่อ
“เดี๋ยว ๆ เจ้าลูกเต่า มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน ในพระราชโองการเรียกตัวเจ้ากลับไปงานฉลองวันเกิดของฝ่าบาท แล้วไอ้ประโยคเยิ่นเย้ออย่าง ‘ปีนี้บุตรชายเติบใหญ่ ถึงวัยเหมาะสมจะช่วยงานราชการ แต่หลังบ้านไม่อาจปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า จึงอยากหานายหญิงที่เหมาะสม มาช่วยดูแลวังบูรพา มันหมายความว่าอย่างไร’”
“คงต้องขอให้เซียนหญิง ช่วยออกแรงปกป้องข้าน้อยแล้วขอรับ” รัชทายาทฟางรั่วหยุนประสานมือ ค้อมเอวต่ำให้เซียนขี้เมาสาวในชุดขอทาน ช่างฟังดูน่าตลก
“พ่อเจ้า…ให้เจ้ากลับไปแต่งเมีย บิดาจะไปช่วยอะไรได้” ไม่รู้ทำไมเซียวฮั่วถึงเริ่มรู้สึกว่าตาขวากระตุก หรือจะเป็นลางร้าย…
“แค่พาเจ้ากลับไปด้วย ก็ไม่ต้องเสียเวลาเลือกสตรีที่ไหนแล้ว ก็เจ้าอย่างไรเล่าเซียนน้อย ว่าที่พระชายาของข้า”
“ผายลม! เจ้าตัวไร้ประโยชน์ เจ้าฝันไปเถอะ!!!”
ฮั่วฮั่วรีบปฏิเสธ ก่อนที่จะหันหลังโบกมือโดยไม่เหลียวกลับมามองคู่สนทนาเลยสักนิด แต่ฟางรั่วหยุนกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ตาเป็นประกาย