โรงแรมหรูใจกลางเมืองเชียงใหม่ที่มีแสงไฟวาววับสะท้อนกระจกใสตลอดแนวล็อบบี้ ดึกดื่นแบบนี้ แขกส่วนใหญ่กลับเข้าห้องพักกันหมดแล้ว เหลือเพียงความเงียบที่ขับเน้นเสียงฝีเท้าของคนสองคนที่เดินเคียงกันอย่างไม่รีบร้อน
คุณโปรดเดินอยู่ข้างไลลา ไม่มีคำพูด ไม่มีการสบตา แต่บรรยากาศระหว่างพวกเขาร้อนแรงกว่าทุกบทสนทนาที่เคยเกิดขึ้น
ลิฟต์เลื่อนขึ้นไปยังชั้นบนสุดอย่างเงียบงัน เสียงดนตรีบรรเลงเบา ๆ ในลิฟต์กลายเป็นเพียงฉากหลังของแรงดึงดูดที่ยังไม่คลี่คลาย ไฟเหนือศีรษะทอดแสงอุ่นลงบนใบหน้าของเธอที่ยังคงนิ่งเฉย แต่ริมฝีปากแดงฉ่ำนั้นสั่นเพียงเล็กน้อยเหมือนมีบางอย่างรอปลดปล่อย
เสียงประตูโรงแรมปิดลงอย่างแผ่วเบา ทิ้งความเงียบไว้เพียงชั่วลมหายใจ ไลลาวางกระเป๋าถือของเธอลงบนโซฟาหนังสีครีม ก่อนจะหันกลับมาช้า ๆ และในวินาทีนั้นเอง คุณโปรดก็ก้าวเข้ามาใกล้ โดยไม่กล่าวคำใด ดวงตาเขามืดทึบแต่เร่าร้อน ราวกับอ่านใจเธอออกทั้งหมด
ริมฝีปากของเขาประกบลงบนริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่น ไม่ใช่จูบของคนแปลกหน้า แต่เหมือนจูบของคนที่เข้าใจความเจ็บของกันและกันดีจูบที่ถามว่า “เธอไหวไหม” โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย ลมหายใจของไลลาสะดุด เธอไม่ทันได้ตั้งรับ
แต่ก็ไม่ได้ผลักเขาออก ความเงียบที่อยู่ในอกของเธอมาทั้งวันเหมือนได้ระบายออกในวินาทีนั้น เธอจูบเขากลับอย่างแนบแน่น ทั้งหมดที่เก็บกดเอาไว้ความโกรธ ความเสียใจ ความอยากลืมถ่ายทอดออกไปในสัมผัสของเธอ
มือของเขาเลื่อนขึ้นประคองใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน ปลายนิ้วไล้ผ่านแนวกรามด้วยจังหวะที่แผ่วช้า แต่กลับทำให้เธอขนลุก ไลลาหลับตาเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสนั้นไม่ใช่เพราะหวั่นไหว แต่เพราะเธออยากลืมทุกอย่างที่ไม่ใช่เขา
“บอกไว้ก่อนว่าฉัน…ไม่ได้ช่ำชองเรื่องพวกนี้” เสียงของเธอสั่นเบา ๆ เมื่อริมฝีปากของพวกเขาแยกออก
“ดีเลย” คุณโปรดตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะจูบเธออีกครั้ง คราวนี้ช้าลง ลึกขึ้น ราวกับจะจดจำทุกคำที่เธอไม่ได้พูดออกมา
มือของเขาลูบแผ่นหลังเธอผ่านผ้าไหมเนื้อดีที่แนบเนื้อ ราวกับต้องการลบทุกสัมผัสของใครคนเก่าออกจากร่างกายนี้ ไลลาสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อของเขา สัมผัสผิวกายอุ่นร้อนที่กำลังเต้นระรัวใต้ปลายนิ้ว ความใกล้ชิดในระยะนี้ทำให้เธอหายใจลำบาก แต่ก็ไม่อยากถอยออกแม้เพียงก้าวเดียว
เขาโน้มตัวลงชิดเธอ จนหลังของเธอสัมผัสกับผนัง เสียงหายใจของพวกเขากระทบกัน ร้อนผ่าว ปลายนิ้วของเขากระซิบไปตามผิวเนื้อ ไลลารู้ตัวว่าเธอกำลังหลอมละลาย แต่เธอไม่อยากหยุด เธอไม่รู้ว่าคืนนี้จะจบยังไง ไม่รู้ว่าเขาคือใครในวันพรุ่งนี้แต่ตอนนี้เธอรู้แค่ว่าเธออยากให้เขาเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอลืมทุกอย่างที่ผ่านมา
ริมฝีปากของเขาลดต่ำลง ไล้ไปตามแนวกราม ลมหายใจร้อนผ่าวแผ่วเบาอยู่เหนือกระดูกไหปลาร้าของเธอ เธอเอนศีรษะเล็กน้อย เปิดโอกาสให้เขาสำรวจผิวเนื้อของเธอด้วยปลายจมูกและสัมผัสอ่อนโยนที่ทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว
ไลลาไม่เคยคิดว่าการปล่อยให้ใครสักคนได้ เห็นตัวตนในค่ำคืนที่เธออ่อนแอที่สุด จะกลายเป็นสิ่งที่เธอเฝ้าปรารถนาแบบนี้
“คุณแน่ใจหรือเปล่า?” เขากระซิบเบา ๆ ใกล้ข้างหู
“แน่ใจตั้งแต่จูบแรกแล้ว” เธอตอบพร้อมปลายนิ้วที่เลื่อนเข้ากระดุมเม็ดแรกของเขา “อย่าถาม…แค่ทำให้ฉันลืมทุกอย่างก็พอ”
เสียงกระดุมปลดออกทีละเม็ดดังเบา ๆ ท่ามกลางเสียงลมหายใจของคนสองคน และเมื่อผิวกายของเขาสัมผัสกับเธอเต็ม ๆ ครั้งแรก ทั้งห้องก็เหมือนหายใจพร้อมกันไปกับพวกเขา เขากอดเธอแน่นขึ้น โอบอุ้มร่างเธอไว้ในอ้อมแขนโดยไม่ต้องออกแรงมากนัก เธอปล่อยให้ตัวเองถูกยกขึ้น และเมื่อแผ่นหลังสัมผัสผ้าปูเตียงสีขาวนวลของโรงแรม ไลลาก็รู้ทันทีว่านี่จะไม่ใช่ค่ำคืนธรรมดา
เขาไม่พูดอีกแม้คำเดียว แต่จูบของเขากลับยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ มือของเขาไล้ผ่านเรียวขา ลูบไล้ผิวเนื้อที่สั่นระริกไปด้วยแรงปรารถนา และทุกจังหวะที่เขาก้มลงจูบตามแนวลำคอหรือลูบไล้ต้นขา เธอก็ขยับตัวตามอย่างไร้การควบคุม
ไลลาหลับตาเมื่อเขาสอดประสานกับเธอ ราวกับจังหวะเดียวกันที่ไม่ต้องซ้อม ร่างกายแนบชิด ไม่มีช่องว่างใดเหลืออยู่ นอกจากเสียงหายใจหนักที่สลับกันไม่เป็นจังหวะ พวกเขาขยับตัวพร้อมกัน ในจังหวะที่เรียนรู้กันไปทีละวินาที ความร้อนแรงสลับกับความอ่อนโยน กลายเป็นคืนที่ไม่มีบทสนทนา แต่กลับเต็มไปด้วยถ้อยคำที่ไม่ต้องพูด
เขาจูบเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างอาลัย อย่างต้องการ อย่างโหยหาและเธอก็จูบเขาตอบ ในแบบที่ไม่เคยจูบใครคนไหนมาก่อนเลยในชีวิต
ชัดเจนกว่าคำพูดใด ๆ ว่า เขาเข้าใจ เสียงหายใจถี่กระชั้นคลอเคล้าไปกับเสียงฝนโปรยบางนอกระเบียง ค่ำคืนนั้นราวกับโลกภายนอกได้หยุดหมุนไปชั่วขณะ มีเพียงเสียงลมหายใจของเขากับเธอที่เคลื่อนไหวแทนทุกสิ่งทุกอย่าง
คุณโปรดโน้มตัวลงช้า ๆ มือของเขาลูบไล้ข้างลำตัวของไลลาด้วยจังหวะมั่นคงแต่แผ่วเบา ปลายนิ้วลื่นไล้จากแผ่นหลังลงมาจนถึงสะโพก ความเงียบระหว่างพวกเขาร้อนผ่าวจนทำให้เธอสั่น เธอยอมปล่อยให้เขาเข้ามาอย่างไม่ลังเล ร่างกายของเธอเปิดรับเขาอย่างเป็นธรรมชาติ และเมื่อเขาแนบชิดมากขึ้น จังหวะเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้รีบร้อน หากแต่แนบแน่น และจดจำ
มันไม่ใช่แค่การสัมผัสแต่มันคือการปล่อยให้อีกคนได้ ลืมตัวเอง ไว้ในกันและกันอย่างหมดจด
เขาเคลื่อนไหวช้า ๆ ดึงเธอเข้าสู่จังหวะเดียวกัน เสียงหายใจของไลลาสะดุดเล็กน้อยก่อนจะปล่อยเสียงครางอ่อน ๆ ออกมา ความรู้สึกร้อนระอุไหลผ่านร่างกายทั้งสอง เหมือนเปลวไฟที่ไม่ได้เผาไหม้ แต่กำลังลนให้หลอมรวมเป็นหนึ่ง
มือของเขาจับมือของเธอแน่นในขณะที่สะโพกของเขาขยับอย่างมั่นคง จังหวะลึกและแม่นยำจนเธอรู้สึกได้ถึงคลื่นความรู้สึกที่ซัดขึ้นมาทีละระลอก รุนแรงและไม่อาจควบคุม
เสียงของผ้าปูเตียงยับย่น สะท้อนกับเสียงหายใจที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นท่วงทำนองที่ไม่มีใครอยากหยุดความหวานจากริมฝีปากเขากดลงบนหน้าผากของเธอ เหมือนต้องการย้ำว่า เธอไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป และในค่ำคืนนั้น เขาไม่ได้เพียงแค่เข้ามาในร่างกายของเธอแต่เขาได้เข้ามาในพื้นที่ที่ไม่มีใครเคยเข้าถึง แม้แต่แฟนเก่า
เสียงน้ำจากฝักบัวไหลกระทบพื้นกระเบื้องสีขาวควันเบา ๆ ละอองไอน้ำคลุ้งเต็มห้องน้ำกระจกใส ไลลานั่งอยู่ในอ่างขนาดใหญ่พิงแผ่นหลังกับขอบอ่าง หัวพิงแนบอกเปลือยของเขา เธอหลับตา ปล่อยให้เสียงหัวใจเขาเต้นข้างหูเป็นจังหวะเดียวที่กล่อมเธอได้
คุณโปรดนั่งอยู่ด้านหลัง แขนข้างหนึ่งโอบรอบไหล่เธอ อีกข้างถือผ้าเช็ดหน้าเนื้อบาง ซับผิวกายเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยน มือของเขาเคลื่อนไปตามแนวไหล่ ไล่ผ่านต้นแขนลงมาจนถึงปลายนิ้ว
เธอไม่พูดอะไร เขาก็ไม่พูด อะไรแต่ความเงียบในห้องน้ำอบไอน้ำนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่คำพูดไม่สามารถสื่อได้
เขาไม่เคยดูแลใครแบบนี้ ไม่เคยรู้สึกอยากให้ใครได้พักในอ้อมแขนหลังจากความสัมพันธ์อันหนักหน่วง ไม่เคยอาบน้ำให้ใครมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ตอนนี้ เขากำลังทำมันอย่างเต็มใจ
อาจเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขา “ได้” และยังรู้สึกว่า “ต้องปกป้อง” เขาก้มลงกระซิบใกล้ข้างหูเธอ น้ำเสียงของเขาแผ่วแต่มั่นคง “ทำไมไม่บอก…ว่าไม่เคยทำมาก่อน”
เธอลืมตาขึ้นช้า ๆ เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่เคยพูดออกไป “เพราะมันไม่สำคัญอะไรหรอก…” เธอยิ้มบาง ๆ แบบที่ไม่ใช่รอยยิ้มของผู้หญิงใสซื่อ แต่เป็นรอยยิ้มของคนที่เคยบอบช้ำแล้วเลือกจะ ไม่ต้องการความเมตตา
คุณโปรดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหลุบตาลง เขาไม่ได้ตอบ แต่ใช้นิ้วโป้งลูบปลายนิ้วของเธอช้า ๆ เหมือนต้องการขอโทษโดยไม่ใช้คำพูด เขารู้ว่าเธอไม่ต้องการความสงสาร แต่เขาก็รู้ว่าเธอควรได้รับความอ่อนโยนมากกว่านี้