เช้าวันจันทร์ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลวิรงคพิทักษ์เริ่มต้นขึ้นไม่ต่างจากทุกเช้า กลิ่นหอมของข้าวต้มกระดูกหมูและไข่เค็มทะลักลอยมาจากห้องครัวลึกมาจนถึงห้องอาหารกลางบ้าน ผ้าปูโต๊ะลินินสีงาช้างปักลายทองอ่อนยังเรียบไร้รอยยับเหมือนเดิม มีเพียงจานอาหารตรงหน้าทุกคนที่ค่อย ๆ ลดระดับลงทีละช้อน พร้อมกับเสียงช้อนกระทบถ้วยเบา ๆ และความเงียบที่ไม่ต่างจากสนามรบหลังสงคราม
หลานชายทั้งสี่ของตระกูลยังคงนั่งประจำที่เดิม คุณโปรดอยู่ข้างแม่ใหญ่ ปรียดา ที่สงบนิ่งและมักพูดน้อย ส่วนสามคนที่เหลือนั่งเรียงกันอีกด้านของโต๊ะ โดยมีแม่รอง ภัทรา นั่งอยู่เงียบ ๆ ปลายโต๊ะด้านหนึ่ง ส่วนปลายอีกฝั่งเป็นอาสะใภ้ มัณฑนา ภรรยาของธนดล และนั่นคือจุดเริ่มต้นของแรงกดดันใหม่ที่ไม่ใช่แค่ในครอบครัว
“คุณโปรดจ๊ะ” เสียงของมัณฑนาเอ่ยขึ้นอย่างไพเราะแต่น้ำเสียงแฝงรอยกระเซ้า “สัปดาห์ที่แล้วเห็นว่าไปดูตัวกับคุณหนูเมธาวี ลูกสาวบ้านโชติวัฒน์มาใช่ไหม?” คุณโปรดไม่เงยหน้า แค่พยักหน้ารับช้า ๆ “แล้วเป็นยังไงบ้างจ๊ะ? เห็นว่าสวย เรียนเมืองนอกด้วยนิ ทำไมไม่สานต่อล่ะ หรือว่าหลานยังลืมเธอคนนั้นไม่ได้อีกเหรอ” มัณฑนาเงียบเว้นจังหวะ “คุณย่าเขาก็คาดหวังนะรู้ไหม คนที่จะมาเป็นสะใภ้ใหญ่ของสายหลักน่ะ หลานก็รู้ว่ามันไม่ง่าย”
“ขอบคุณ คุณอาสะใภ้ที่เป็นห่วงผมนะครับ” คุณโปรดตอบเรียบ ๆ ไม่พูดมากเช่นเคย
“คุณโปรด แล้วทำไมยังไม่เลือกสักคนล่ะ?” เสียงของคุณหญิงวรรณาเอ่ยขึ้นอย่างนิ่งแต่เฉียบคม
หญิงชราผู้เป็นศูนย์กลางของบ้านนี้นั่งตรงหัวโต๊ะในชุดผ้าไหมสีเทาหม่น ติดเข็มกลัดเพชรน้ำงามที่เหมือนสายตาของเธอ แวววาว และไม่ยอมให้ใครมองข้าม “นี่ก็สี่คนแล้วนะ คุณโปรด?” เธอพูดพลางตักข้าวต้มขึ้นอย่างมั่นคง คุณโปรดไม่ทันได้อ้างปากพูด “จะไม่มีคำว่ายังไม่ อีกแล้วคุณโปรด” คุณหญิงวรรณาวางช้อนลงบนจานเบา ๆ แต่เสียงดังก้องอยู่ในห้องอาหาร “ธาวินแต่งแล้ว คนต่อไปก็ควรเป็นหลานชายคนโตของสายหลักอย่างหลาน” เธอพูดอย่างเรียบแต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน ทุกคำพูดของคุณย่าไม่เคยดัง ไม่เคยหยาบ แต่มีอำนาจบังคับเหมือนเอกสารที่เซ็นแล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
“นั่นสิ ถ้าคุณโปรดยอมแต่งเสียที พี่น้องคนอื่น ๆ ก็จะได้เริ่มต้นชีวิตกันบ้าง ไม่ต้องรออยู่ในบ้านหลังนี้เป็นปี ๆ” มัณฑนาเสริมอย่างอารมณ์ดี พร้อมหัวเราะน้อย ๆ
บรรยากาศที่โต๊ะเงียบลงอีกครั้ง มีเพียงเสียงคุณเปรมที่กระแอมเบา ๆ คุณปลื้มก้มหน้ากินของหวาน ส่วนคุณปราบไม่แม้แต่จะขยับปาก แต่แววตาคมจัดที่มองตรงไปยังมัณฑนา ดูจะแหลมคมยิ่งกว่าช้อนในมือ
ไล่เรียงตลอดเดือนที่ผ่านมา คุณโปรดต้องเข้าร่วมการดูตัวถึง 4 ครั้ง รายชื่อหญิงสาวที่คุณย่าคัดเลือกด้วยตัวเองล้วนแต่เป็นว่าที่สะใภ้ ในอุดมคติของตระกูล สวย สมบูรณ์แบบ ชาติตระกูลดี ทว่าไม่มีใครเลยที่ทำให้เขารู้สึกอยากคุยต่อหลังจบมื้อแรก ไม่ว่าจะเป็นทายาทบริษัทเครื่องสำอางระดับประเทศ ลูกสาวเอกอัครราชทูต หรือเจ้าของสถาบันศิลปะชื่อดัง คุณโปรดรับฟัง พูดพอประมาณ แล้วจบบทสนทนาลงทันที
เขาไม่เคยแสดงความไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่เคยมีใจ ให้ใครเช่นกัน “หรือจะรอให้ย่าจัดการเหมือนตอนธาวินอีกคน” เสียงสุดท้ายของคุณย่าทิ้งท้ายไว้ในเช้านั้น เหมือนมีดปลายมนที่กดลงกลางอกของทุกคนในโต๊ะ
ยกเว้นมัณฑนาที่กำลังยิ้มด้วยความภูมิใจอยู่คนเดียว เพราะเธอคือคนเดียวในบ้านนี้ที่ลูกชายได้หลุดพ้นแล้ว และได้แยกออกไปสร้างครอบครัวใหม่แล้วอย่างสมบูรณ์
เวลาบ่ายโมงของวันเดียวกัน ท้องฟ้าเชียงใหม่วันนี้ปลอดโปร่ง รถ SUV สีดำเคลื่อนตัวจากหน้าคฤหาสน์หลักของตระกูลวิรงคพิทักษ์ ผ่านแนวสนสูงชันที่เรียงตัวเป็นกำแพงธรรมชาติทอดยาวไปจนถึงเชิงเขา จุดหมายคืออาคารสำนักงานกระจกทรงโมเดิร์นห้าชั้นซึ่งตั้งอยู่กลางไร่ มองเห็นทิวเขาด้านหลังตระหง่านชัดเจน
ที่นั่นคือสำนักงานใหญ่ของกลุ่มธุรกิจวิรงคพิทักษ์ เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “Base North” พื้นที่ที่รวมศูนย์การบริหารทุกสายธุรกิจในภาคเหนือไว้ด้วยกัน
“คุณโปรดเข้ามาแล้วค่ะ” เลขาสาวประจำชั้นหันไปกระซิบบอกทีมงานที่ประชุมอยู่ในห้องกระจกทันทีที่เสียงรองเท้าหนังเข้ามาใกล้ ทุกคนลุกขึ้นพร้อมกันเหมือนซ้อมไว้เป็นพันครั้ง
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งในสูทสีเทากลางตัดเข้ารูป ถือ Macbook Pro ไว้ในมือข้างหนึ่ง ไม่มีใครทัก ไม่มีใครถามไถ่ เพราะเขาไม่เปิดโอกาสให้บทสนทนาไม่จำเป็นเริ่มต้นเลย
“เริ่มประชุมเลยครับ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นขณะเขานั่งลงที่หัวโต๊ะเปิดจอ ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที คุณโปรดสามารถสรุปปัญหาโครงการรีสอร์ตใหม่ที่เพิ่งซื้อที่ไว้ในแม่ริมได้อย่างกระชับ
สั่งเปลี่ยนทีมดีไซน์บางส่วนเพราะแบบอาคารไม่สอดคล้องกับธรรมชาติรอบพื้นที่ แล้วต่อด้วยการวิเคราะห์อัตราการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่ม High Net Worth ที่จะใช้ฐานข้อมูลจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์ประกอบเพื่อวางแผนโครงการปีถัดไป
“โครงการต้องทำ ROI ให้เกิน 15% ในห้าปีแรก ผมไม่ต้องการงานที่สวย ผมต้องการงานที่คืนทุน เร็วที่สุด” เขาพูดขณะเลื่อนกราฟบนจอให้ทุกคนดู ไม่มีเสียงแย้ง ไม่มีความลังเล เพราะเขาคือสมองหลักของกลุ่มธุรกิจสายอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลวิรงคพิทักษ์ ควบตำแหน่ง CEO ของเครือวิรงคาแลนด์ ซึ่งดูแลทั้งรีสอร์ต โรงแรม ที่พักอาศัยและโครงการลักชัวรี่ทั้งหมดทั่วประเทศ และยังมีอำนาจตัดสินใจในเชิงลงทุนระหว่างประเทศร่วมกับธนาคารระดับโลกอีกด้วย หลังประชุม เขาเดินออกจากห้องเงียบ ๆ โดยมีคุณปราบเดินเข้ามาในจังหวะเดียวกัน
“เพิ่งประชุมเสร็จเหรอ” ปราบถามเสียงนิ่งเช่นกัน
“อืม...ของนายล่ะ”
“พลังงานลมที่ลำปางมีปัญหา แต่แก้แล้ว” ทั้งสองเดินเคียงกันไปตามทางเดินกระจก ไม่ต้องพูดอะไรมาก ก็เข้าใจกันดี
นี่คือรูปแบบความสัมพันธ์ของพี่น้องในตระกูลนี้ ต่างคนต่างมีหน้าที่ชัดเจน และเคารพในพื้นที่ของกันและกัน
ส่วนคุณเปรมซึ่งมักขึ้นมาจากไร่ในช่วงเย็น มักจะมาคุยกับคุณโปรดที่ชั้นบนของอาคาร สองพี่น้องที่ต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งมีกลิ่นหอมของดินและไวน์ อีกคนมีกราฟผลตอบแทนและการประชุมล้อมรอบ แต่ทุกครั้งที่คุณเปรมเข้ามา เขาจะหยิบกาแฟสองแก้วเข้ามาด้วยเสมอ แล้ววางไว้บนโต๊ะโดยไม่พูดอะไร แค่ยิ้ม
“กินซะ เดี๋ยวเป็นกรดในกระเพาะอีก”
“นายมันเหมือนคุณแม่” คุณโปรดพูดก่อนจะหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ
และชื่อที่เขาเอ่ยถึงอย่างไม่ตั้งใจคือแม่ของพวกเขา คุณปรียดา แม่ใหญ่ของบ้าน ผู้หญิงผู้สง่างาม เรียบร้อย แต่เฉียบขาดในแววตา ทว่าเมื่ออยู่กับลูกชายคนโต เธอกลับอ่อนโยนอย่างที่สุด ในยามเย็นของทุกวัน เธอมักรินชาไว้รอเขาที่ระเบียงชั้นสองของเรือนพักแม่ใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์หลัก
“เหนื่อยไหมลูก” เธอไม่เคยถามว่า เป็นยังไงบ้าง เพราะรู้ดีว่าลูกชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะพูดความรู้สึกออกมา เขาเพียงยกถ้วยชาขึ้นดื่ม แล้วพยักหน้าเบา ๆ แทนคำขอบคุณ ความสัมพันธ์ของเขากับแม่คือความเงียบที่อบอุ่นที่สุดในโลก
และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่คุณโปรดไม่เคยเปิดรับใครจริง ๆ เพราะไม่มีใครสงบพอจะเดินเข้ามาในชีวิตเขาได้ โดยไม่ทำให้ทุกอย่างเสียงดังเกินไป